เคยรู้สึกไหมว่าอยู่ดีๆ เปลือกตากระตุกขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ บางครั้งอาจเกิดขึ้นชั่วครู่ แต่บางคนกลับรู้สึกว่าตากระตุกบ่อยจนเริ่มกังวล หนึ่งในคำถามที่หลายคนมักสงสัยคือ “ตากระตุกเกิดจากขาดวิตามินอะไร?” หรือเกี่ยวข้องกับความเครียดและสุขภาพร่างกายหรือไม่ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับสาเหตุของตากระตุก พร้อมแนวทางดูแล รักษา และป้องกันอย่างถูกวิธี

ตากระตุก (Eye Twitching) คืออาการที่เปลือกตาขยับหรือสั่นอย่างรวดเร็วโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยหรือบ่อยครั้งจนสร้างความรำคาญได้ อาการนี้สามารถเกิดได้ทั้งที่เปลือกตาบนและล่าง โดยเฉพาะตากระตุกข้างขวาหรือตากระตุกข้างซ้ายก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งหลายคนมักสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับความเชื่อหรือสัญญาณบางอย่างหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากมุมมองทางการแพทย์พบว่า โดยทั่วไปแล้ว ตากระตุกมักไม่รุนแรง ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด และไม่เป็นอันตราย โดยสามารถหายได้เองภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ในบางกรณี อาจมีอาการที่รุนแรงขึ้นและไม่สามารถหายได้เอง จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยหรือดูแลเพิ่มเติม

สำหรับคำถามที่ว่าตากระตุกข้างขวาหรือตากระตุกข้างซ้ายเกิดจากอะไร ส่วนใหญ่มักเกิดจากปัจจัยในชีวิตประจำวัน รวมถึงสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้กล้ามเนื้อตาเกร็ง เช่น
แม้อาการหนังตากระตุกส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่หากเกิดบ่อยหรือรุนแรงขึ้น ควรใส่ใจสังเกต เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคบางอย่าง เช่น

จักษุแพทย์หรือประสาทแพทย์จะซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้น หากอาการกระตุกผิดปกติ อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยการตรวจที่มักใช้วิธีตรวจดังนี้
แม้อาการตากระตุกมักไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองในหลายกรณี แต่หากเกิดบ่อยหรือมีสัญญาณผิดปกติ การดูแลและรักษาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยแนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการในแต่ละราย ดังนี้
หากมีอาการตากระตุกข้างขวาหลายวันแล้ว อาจเป็นสัญญาณว่ากล้ามเนื้อรอบดวงตากำลังเกิดความผิดปกติ โดยหนึ่งในแนวทางการรักษาที่ได้ผลและได้รับความนิยมมากที่สุดคือการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งได้รับการรับรองทางการแพทย์ในการรักษาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งที่ไม่สามารถควบคุมได้
แพทย์จะฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่กล้ามเนื้อรอบดวงตาที่เกิดอาการกระตุก เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว และยับยั้งสัญญาณประสาทที่ส่งมากระตุ้นให้เกิดการกระตุก ผลลัพธ์คืออาการจะดีขึ้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ชั่วคราวประมาณ 3-6 เดือน หลังจากนั้นอาการอาจกลับมาอีก จึงควรกลับมาพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและรับการรักษาอย่างต่อเนื่องหากจำเป็น
การใช้ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยานอนหลับบางชนิด เช่น ลอราซีแพม (Lorazepam) ไตรเฮกซีเฟนิดิล (Trihexyphenidyl) หรือโคลนาซีแพม (Clonazepam) อาจช่วยบรรเทาอาการตากระตุกได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตามยาเหล่านี้อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเสมอ
การจัดการกับปัจจัยที่กระตุ้นการเกร็งหรือกระตุกของกล้ามเนื้อเปลือกตาเป็นสิ่งสำคัญเพื่อบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ โดยมีแนวทางดังนี้
การผ่าตัดรักษาอาการตากระตุกจะพิจารณาในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นหลังจากได้รับการรักษาด้วยโบท็อกซ์หรือวิธีอื่นๆ โดยแพทย์อาจทำการตัดเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อเปลือกตา เพื่อหยุดการกระตุกที่ไม่สามารถควบคุมได้

แนวทางหรือวิธีป้องกันตากระตุกสามารถทำได้โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ส่งผลให้กล้ามเนื้อเปลือกตาเกิดการเกร็งหรือกระตุกอย่างไม่ควบคุม ซึ่งช่วยลดโอกาสเกิดอาการและบรรเทาความรำคาญที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้
อาการตากระตุกคือการขยับหรือสั่นของเปลือกตาอย่างไม่ตั้งใจ มักเกิดจากปัจจัยทั่วไป เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือขาดสารอาหาร แต่อาการที่รุนแรงหรือต่อเนื่องอาจบ่งชี้ถึงโรคทางระบบประสาท ควรพบแพทย์เฉพาะทางจักษุหรือประสาทวิทยาเพื่อวินิจฉัยอย่างแม่นยำ โดยที่โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ (Bangkok Eye Hospital) มีบริการตรวจอย่างละเอียด รวมถึงการใช้ MRI และการรักษาด้วยการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดการกระตุกเมื่อจำเป็น เพื่อดูแลและฟื้นฟูอาการได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการตากระตุก พร้อมคำตอบจากข้อมูลทางการแพทย์เพื่อช่วยให้เข้าใจและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง
การนวดกดจุดรอบดวงตา ควรเริ่มจากการใช้นิ้วหัวแม่มือ นวดเบาๆ เป็นวงกลม รอบบริเวณดวงตา โดยเน้นความนุ่มนวลและไม่ออกแรงมากเกินไป เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และคลายความตึงของกล้ามเนื้อรอบดวงตา ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการกดแรงหรือสัมผัสโดยตรงกับดวงตาเพื่อความปลอดภัย
ตาซ้ายกระตุกไม่หยุด อาจเกิดจากความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ใช้สายตาหนักเกินไป เช่น จ้องหน้าจอเป็นเวลานาน ดื่มคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป ตาแห้งหรือเกิดการระคาย รวมถึงภาวะขาดแมกนีเซียม หากอาการไม่ดีขึ้นหรือกระตุกติดต่อกันนาน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบโรคทางระบบประสาทที่อาจเป็นสาเหตุ เช่น กล้ามเนื้อใบหน้าเกร็งเรื้อรัง
ตากระตุกทั่วไปมักหายภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 2-3 วัน แต่หากเกิน 1 สัปดาห์ควรพบแพทย์