မျက်လုံး ကျန်းမာရေး : #เลสิก

Sort

What Is Thin Cornea? Causes, Symptoms, and Eye Care Tips

A thin cornea refers to a condition where the cornea—the clear, dome-shaped front layer of the eye—has a thickness lower than normal, which can affect vision and overall eye health. This condition may result from various causes such as natural aging, frequent eye rubbing, genetic disorders, or side effects from eye surgeries like LASIK. Common symptoms include blurry vision, frequent changes in prescription, distorted images, and unusually high astigmatism.   Understanding the Cornea The cornea is the transparent, curved layer covering the front part of the eye. It helps focus light into the eye for clear vision and serves as a protective barrier against dust and germs. Normally, corneal thickness ranges between 520–550 microns, but it may thin with age.   What Is a Thin Cornea? A thin cornea is typically defined as a corneal thickness of less than 500 microns (0.5 mm). It is not necessarily a disease and often requires no treatment. However, thin corneas can affect certain diagnoses—such as glaucoma—since intraocular pressure readings may appear lower than actual values. Corneal thickness also plays an important role in refractive surgery decisions. For example, patients with thin corneas and high refractive errors (nearsightedness or astigmatism) may not be ideal candidates for LASIK, as the remaining corneal tissue after surgery might be too thin. This could increase the risk of complications like keratoconus or corneal ectasia. In such cases, ophthalmologists may recommend alternative procedures such as PRK, ICL, FemtoLASIK, ReLEx SMILE Pro, or NanoLASIK, which preserve more corneal tissue. Therefore, detailed corneal thickness assessment is essential before undergoing LASIK to ensure safe and effective outcomes.   Does Wearing Contact Lenses Cause Thinning of the Cornea? Generally, wearing contact lenses correctly does not thin the cornea. However, prolonged use without proper cleaning or rest may lead to oxygen deprivation or corneal infections, which can gradually weaken or thin corneal tissue.   Causes of Thin Cornea There are several factors that can lead to corneal thinning: 1. Genetic Conditions Keratoconus: The most common cause, where the cornea gradually thins and bulges outward into a cone shape, leading to irregular astigmatism and blurred vision. It usually appears during the teenage years to early adulthood. Corneal Dystrophies: Such as Pellucid Marginal Degeneration (PMD), where thinning occurs in the lower peripheral cornea. 2. Eye Surgery or Injury Procedures like LASIK or PRK can thin the cornea, especially if excessive corneal tissue is removed. Repeated eye injuries or untreated infections (e.g., corneal ulcers, keratitis) can also cause thinning due to tissue damage. 3. Systemic Diseases and Medication Autoimmune diseases such as Rheumatoid Arthritis or SLE can cause chronic inflammation, leading to corneal thinning.Long-term use of steroid eye drops may also weaken corneal tissue over time.   Symptoms of Thin Cornea Corneal thinning often progresses slowly and may not show early signs. Key symptoms include: Blurry or distorted vision Frequent changes in prescription High or irregular astigmatism Difficulty focusing or double vision   Diagnosis Thin cornea is often detected during pre-LASIK evaluations.Eye doctors use devices like: Keratometer: Measures corneal curvature and astigmatism. Corneal Topography: Creates a detailed map of corneal thickness and shape. Tomographic Biomechanical Index (TBI): Evaluates corneal strength and risk of ectasia. While early symptoms can hint at the condition, only a comprehensive eye exam by an ophthalmologist can confirm it.   Summary Thin cornea is a silent condition that can significantly impact vision if left untreated. Early detection—especially before refractive surgery—is crucial.At Bangkok Eye Hospital, advanced diagnostic tools and experienced specialists ensure accurate corneal thickness evaluation and personalized treatment planning to maintain long-term eye health.     FAQ: Frequently Asked Questions About Thin Cornea 1. Can corneal thickness be increased?No, corneal thickness cannot naturally increase as it is determined by the cornea’s internal structure. 2. What happens if thin cornea is left untreated?It may lead to worsening blurred vision, irregular astigmatism, or even corneal ectasia. In severe cases, acute hydrops or corneal perforation may occur, leading to permanent vision loss if untreated. 3. Can thin cornea be prevented?Yes — by avoiding vigorous eye rubbing, maintaining good eye hygiene, limiting contact lens wear time, and having regular eye checkups, especially if there is a family history of corneal diseases.
Read More

เลสิกมีกี่แบบ? เปรียบเทียบเทคนิค จุดเด่น และข้อดีของแต่ละแบบ

เลสิกมีกี่แบบ? เลสิกมีหลายแบบที่เป็นที่นิยม เช่น PRK ที่ลอกผิวกระจกตาชั้นนอกเพื่อปรับแต่งเลนส์ LASIK ที่ใช้ใบมีดสร้างฝากระจกตา Femto LASIK ที่ใช้เลเซอร์แทนใบมีด และ ReLEx SMILE แผลเล็กและฟื้นตัวเร็ว ผู้ที่เหมาะกับการทำเลสิกคือคนที่มีสายตาสั้น ยาว หรือเอียง ในระดับที่เหมาะสม กระจกตาแข็งแรงและมีความหนาพอสมควร รวมถึงไม่มีโรคตาเรื้อรังหรือภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง และต้องการลดการพึ่งพาแว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์ในชีวิตประจำวัน การเลือกเทคนิคการทำเลสิกที่เหมาะสมควรพิจารณาจากสภาพสายตา ลักษณะกระจกตา และความต้องการในการใช้ชีวิตประจำวัน จึงแนะนำให้ปรึกษาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ปัญหาสายตาสั้น ยาว หรือเอียง ล้วนส่งผลกระทบต่อการมองเห็นและคุณภาพชีวิตในระยะยาว การทำเลสิกจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการแก้ไขปัญหาสายตาอย่างถาวร ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการทำเลสิกหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละเทคนิคมีจุดเด่น ขั้นตอนการรักษา ข้อจำกัด และค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน เนื้อหานี้จะพาคุณไปรู้จักว่าเลสิกมีกี่แบบ พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธี และแนวทางเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับค่าสายตา งบประมาณ และไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด     เลสิกมีทั้งหมดกี่แบบ เทคนิคการทำเลสิกได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ผู้มีปัญหาสายตาในรูปแบบที่หลากหลาย โดยแต่ละประเภทมีหลักการทำงาน ข้อดี และข้อควรระวังที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้   PRK (Photorefractive Keratectomy) เทคนิคนี้เป็นวิธีเก่าแก่ที่สุด โดยแพทย์จะลอกผิวชั้นนอกสุดของกระจกตาออกก่อน แล้วใช้เลเซอร์ปรับแต่งเนื้อกระจกตา หลังจากนั้นผิวชั้นนอกจะค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นใหม่เอง ข้อดีของเทคนิคนี้คือไม่มีความเสี่ยงที่ฝากระจกตาจะเคลื่อน จึงเหมาะกับผู้ที่มีกระจกตาบางหรือผู้ที่มีกิจกรรมเสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนดวงตา อย่างไรก็ตาม การพักฟื้นจะนานกว่าวิธีอื่น โดยเฉพาะในช่วง 3-5 วันแรกที่อาจมีอาการเจ็บหรือเคืองตา และการมองเห็นจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทีละน้อย TransPRK วิธีแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์ที่พัฒนาต่อจากเทคนิค PRK ใช้สำหรับแก้ไขสายตาสั้น ยาว หรือเอียง โดยมีความแตกต่างจาก PRK ตรงที่ใช้เลเซอร์ Excimer ในการลอกผิวกระจกตา (Epithelium) และปรับความโค้งของกระจกตาในขั้นตอนเดียว พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยให้การรักษาทำได้โดยไม่ต้องสัมผัสดวงตาโดยตรงในระหว่างกระบวนการรักษา   Standard LASIK เทคนิคนี้เป็นการทำเลสิกแบบดั้งเดิม โดยใช้เครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายใบมีดขนาดเล็ก (Microkeratome) สร้างฝากระจกตา (Corneal Flap) ขึ้นมา แล้วเปิดฝากระจกตาเพื่อยิงเลเซอร์ปรับแต่งเนื้อกระจกตา ก่อนจะปิดฝากระจกตากลับเข้าที่เดิม ข้อดีของวิธีนี้คือฟื้นตัวเร็ว เจ็บเพียงเล็กน้อยหลังทำ และช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่ฝากระจกตาอาจเคลื่อนตัวได้หากดวงตาได้รับแรงกระแทก   FemtoLASIK (Femtosecond LASIK) เทคนิคนี้พัฒนามาจาก Standard LASIK โดยใช้เลเซอร์ Femtosecond ที่มีความแม่นยำสูงในการสร้างฝากระจกตาแทนการใช้ใบมีด จึงทำให้ฝากระจกตามีความเรียบเนียนและคงที่มากขึ้น ข้อดีคือมีความปลอดภัยสูงกว่า Standard LASIK ลดความเสี่ยงปัญหาเกี่ยวกับฝากระจกตา และช่วยให้ฟื้นตัวเร็วพร้อมการมองเห็นที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่ฝากระจกตาอาจเคลื่อนตัวได้หากดวงตาได้รับแรงกระแทก   ReLEx SMILE หลักการของเทคนิคนี้คือการใช้เลเซอร์ Femtosecond สร้างชิ้นเนื้อกระจกตา (Lenticule) ภายในตาโดยไม่มีการสร้างฝากระจกตา และนำชิ้นเนื้อดังกล่าวออกผ่านแผลขนาดเล็กเพียง 2-4 มิลลิเมตร ข้อดีของวิธีนี้คือแผลมีขนาดเล็กมาก ทำให้ฟื้นตัวเร็ว ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะตาแห้งและช่วยรักษาความแข็งแรงของกระจกตาหลังการรักษาได้ดี ข้อควรระวังคือวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้นและสายตาเอียงเท่านั้น และไม่สามารถใช้แก้ไขสายตายาวตามอายุได้   SMILE Pro® เทคโนโลยีเลเซอร์แก้ไขสายตาที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบันนี้ มีความรวดเร็ว แม่นยำ และให้ความสบายตาขณะทำการรักษาอย่างสูง โดยสามารถยิงเลเซอร์แก้ไขสายตาเสร็จภายในเวลาเพียง 8 วินาทีต่อข้าง ช่วยลดความกังวลและเพิ่มความสบายให้แก่ผู้รับการรักษาอย่างมาก   NanoLASIK NanoLASIK เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดจาก FemtoLASIK โดยใช้เลเซอร์ในทุกขั้นตอนของการรักษา ตั้งแต่การแยกชั้นกระจกตาด้วยเลเซอร์ Femtosecond ซึ่งมีความเร็วสูงและพลังงานต่ำ เพิ่มความแม่นยำด้วยระบบเอไอ และ เพิ่มความปลอดภัยด้วยกล้องสแกนชั้นกระจกตาระหว่างการผ่าตัด (Real Time OCT Scan) ทำให้ไม่ต้องใช้ใบมีด ลดความเจ็บปวดและความไม่สบายตาในระหว่างทำ อีกทั้งยังเป็นวิธีที่มีความแม่นยำสูง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสายตาผิดปกติอย่างดีที่สุด   NanoRelex® เทคโนโลยีการรักษาสายตาสั้น สายตาเอียง และสายตายาวที่มีจุดเด่นในเรื่องระยะเวลาผ่าตัดที่รวดเร็วและแผลขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยวิเคราะห์การรักษาและปัญหาสายตา พร้อมใช้กล้อง OCT Scan ในระหว่างการผ่าตัดเพื่อให้ศัลยแพทย์มองเห็นชั้นกระจกตาแบบเรียลไทม์ เพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัยขณะรักษา   NV LASIK การรักษาสายตายาวตามอายุด้วยวิธีเลสิกใช้หลักการมองเห็นด้วยดวงตาทั้งสองข้าง (Blended Vision) แตกต่างจากการทำเลสิกทั่วไป โดยแพทย์จะรักษาตาข้างหนึ่งให้มองเห็นได้ชัดเจนในระยะไกล ส่วนอีกข้างจะปรับให้มีสายตาสั้นเล็กน้อยเพื่อช่วยในการมองใกล้ เมื่อใช้ตาทั้งสองข้างร่วมกันจะช่วยให้มองเห็นได้ชัดทั้งระยะใกล้และไกล ลดการพึ่งพาแว่นตาในกิจกรรมต่างๆ แต่ผู้รับการรักษาจำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัวเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับวิธีนี้ในแต่ละบุคคล   Nano NV LASIK Nano NV LASIK คือการพัฒนาขั้นสูงจาก FemtoLASIK โดยใช้เลเซอร์ในทุกขั้นตอนของการรักษา โดยเฉพาะการแยกชั้นกระจกตาที่ใช้เลเซอร์ Femtosecond ซึ่งมีความเร็วสูงและพลังงานต่ำในระดับนาโนจูล ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ใบมีด จึงลดความเจ็บปวดและความไม่สบายตาลงได้มาก พร้อมกับมอบความแม่นยำ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการรักษาสายตาผิดปกติ   เปรียบเทียบเลสิกแต่ละประเภท ประเภท หลักการ ข้อดี (จุดเด่น) ข้อควรระวัง PRK ลอกผิวชั้นนอกโดยใช้เครื่องมือและน้ำยา แล้วใช้เลเซอร์ยิงปรับความโค้งของกระจกตาตามค่าสายตา ไร้ฝากระจกตา เหมาะกับกระจกตาบาง พักฟื้นนาน เจ็บ/เคืองตาช่วงแรก มีโอกาสเกิดฝ้าในกระจกตาสูง TransPRK ใช้เลเซอร์ลอกผิวและใช้เลเซอร์ยิงปรับความโค้งของกระจกตาตามค่าสายตา ในขั้นตอนเดียว (ไม่ต้องสัมผัสตา) ไร้ฝากระจกตา ไม่ต้องสัมผัสดวงตา เหมาะกับกระจกตาบาง พักฟื้นนาน เจ็บ/เคืองตาช่วงแรก มีโอกาสเกิดฝ้าในกระจกตาสูง Standard LASIK ใช้เครื่องมือแบบใบมีด เปิดชั้นกระจกตา แล้วใช้เลเซอร์ยิงปรับความโค้งของกระจกตาตามค่าสายตา ฟื้นตัวเร็ว ไม่เจ็บหลังทำ เสี่ยงฝากระจกตาเคลื่อนถ้าตาถูกกระทบกระแทกรุนแรงในช่วง 1-3 เดือนแรกหลังการรักษา FemtoLASIK ใช้ Femtosecond Laser เปิดชั้นกระจกตาแทนใบมีดแล้วใช้ Excimer Laser ยิงปรับความโค้งของกระจกตาตามค่าสายตา แม่นยำ ปลอดภัยกว่า Standard LASIK ยังมีความเสี่ยงฝากระจกตาเคลื่อนกระแทกรุนแรงในช่วง 1-3 เดือนแรกหลังการรักษา ReLEx SMILE ใช้ Femtosecond Laser สร้างชิ้นเนื้อแล้วดึงออกผ่านแผลเล็ก แผลเล็ก ตาแห้งน้อย เหมาะกับสายตาสั้น-เอียงเท่านั้น SMILE Pro® ใช้ Femtosecond Laser สร้างชิ้นเนื้ออย่างรวดเร็ว (ประมาณ 8-10 วินาที/ข้าง) แล้วดึงออกผ่านแผลเล็ก รวดเร็ว สบายตากว่า ลดความกังวล เหมาะกับสายตาสั้น-เอียงเท่านั้น NanoLASIK ใช้เลเซอร์พลังงานต่ำระดับนาโนจูลเปิดชั้นกระจกตา (พัฒนาจาก FemtoLASIK) แม่นยำ ปลอดภัย รักษาได้ทั้งสายตา สั้น เอียง และ ยาว นุ่มนวลต่อดวงตา ยังมีความเสี่ยงฝาเคลื่อนกระแทกรุนแรงมากในช่วง 1 เดือนแรกหลังการรักษา NanoRelex® ใช้ Femtosecond Laser รุ่นใหม่ที่มีพลังงานต่ำระดับนาโนจูลที่มี AI และ OCT Scan ชั้นกระจกตา สร้างชิ้นเนื้อแล้วดึงออกผ่านแผลเล็กขนาดประมาณ 2 มม. แม่นยำสูง ปลอดภัยสูงสุด รวดเร็ว และนุ่มนวลต่อดวงตา เหมาะกับสายตาสั้น-เอียงเท่านั้น NV LASIK ใช้เทคนิค Blended Vision โดยแพทย์ปรับตาข้างหนึ่งให้มองไกลชัดเจน ข้างอีกข้างปรับให้มองใกล้ได้ดี  ช่วยให้คนที่มีสายตายาวตามอายุสามารถมองระยะต่างๆ สบายตาโดยไม่ต้องใส่แว่น ต้องใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อยเพื่อให้สายตาคุ้นชินกับการมองเห็นแบบใหม่ Nano NV LASIK ใช้เลเซอร์ Femtosecond Ziemer FEMTO Z8 รุ่นใหม่ที่มาพร้อมความเร็วสูงและพลังงานระดับนาโนจูล ช่วยแยกชั้นกระจกตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย ปรับสมดุลการมองเห็นของตาสองข้าง ให้สายตายาวตามอายุกลับมามองเห็นได้ครบทุกระยะ แผลหายเร็ว ลดอาการข้างเคียง อาจทำให้ภาพที่มองเห็นมีความคมชัดน้อยลง     ใครที่เหมาะกับการทำเลสิก? การทำเลสิกเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ไขปัญหาสายตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะสมกับการรักษาวิธีนี้ ซึ่งคนที่เหมาะกับการทำเลสิก ควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ อายุ 18 ปีขึ้นไป ค่าสายตาคงที่อย่างน้อย 1 ปี กระจกตาหนาเพียงพอและไม่มีความผิดปกติ ไม่มีโรคทางตาที่รุนแรง เช่น ต้อหิน ต้อกระจก หรือจอประสาทตาเสื่อม ไม่มีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อการหายของแผล เช่น เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้   วิธีเตรียมตัวก่อนทำเลสิก ควรงดใส่คอนแท็กต์เลนส์ล่วงหน้าก่อนวันผ่าตัด ในวันผ่าตัดควรล้างหน้าและสระผมให้สะอาด หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าและใส่เสื้อผ้าที่ติดกระดุมหน้าเพื่อความสะดวก ห้ามใช้น้ำหอมหรือสเปรย์ดับกลิ่นทุกชนิด งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนวันผ่าตัด แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่รับประทานเป็นประจำเพื่อพิจารณาการหยุดยา เช่น ยารักษาสิว ยากดภูมิคุ้มกัน ในวันผ่าตัดไม่ควรขับรถเอง ควรมีผู้ติดตามเพื่อความปลอดภัยและสะดวกในการเดินทาง   ข้อควรระวังและข้อห้ามหลังทำเลสิก ห้ามขยี้ตาอย่างเด็ดขาด หลีกเลี่ยงการล้างหน้าหรือนำน้ำเข้าตาโดยตรงในช่วงแรก หากรู้สึกคัน ให้ล้างมือให้สะอาดก่อนใช้นิ้วชี้แตะเบาๆ ที่หัวตาหรือหางตาเท่านั้น ห้ามว่ายน้ำและดำน้ำจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากแพทย์ งดแต่งหน้ารอบดวงตาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หยอดยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ใส่ฝาครอบตาก่อนนอนจนครบ 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเผลอขยี้ตา พักสายตาเป็นระยะเมื่อใช้สายตาหนักหรือเป็นเวลานาน     ทำเลสิกราคาเท่าไร? ราคาในการทำเลสิกขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่เลือกใช้ จึงควรเข้ารับการตรวจประเมินสุขภาพตากับทีมจักษุแพทย์ผู้ชำนาญของ Bangkok Eye Hospital เพื่อเลือกเทคนิคที่เหมาะสมที่สุด โดยแพทย์จะพิจารณาจากค่าสายตา ลักษณะกระจกตา และความต้องการใช้ชีวิตประจำวัน พร้อมให้คำแนะนำเรื่องสิทธิประกันและค่าใช้จ่ายโดยประมาณ รวมถึงนัดหมายเพื่อการดูแลอย่างครบถ้วนหลังทำเลสิก   สรุป เลสิกมีกี่แบบ? การทำเลสิกมีหลายเทคนิคให้เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เช่น PRK, LASIK, Femto LASIK และ ReLEx SMILE ซึ่งแต่ละวิธีแตกต่างกันที่เทคโนโลยีการแยกชั้นกระจกตา ขนาดแผล และการฟื้นตัว การเลือกประเภทเลสิกที่เหมาะสมควรผ่านการประเมินโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุด แนะนำปรึกษาทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ (Bangkok Eye Hospital) ซึ่งมีเครื่องมือทันสมัยและดูแลครบวงจรทุกขั้นตอนการรักษา   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลสิกมีกี่แบบ (FAQ) การตัดสินใจทำเลสิกเป็นเรื่องสำคัญที่ควรได้รับข้อมูลครบถ้วน เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้น นี่คือคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลสิกมีกี่แบบ พร้อมคำอธิบายที่เข้าใจง่ายและกระชับ   เคยทำเลสิกไปแล้ว ทำซ้ำเทคนิคอื่นได้ไหม หากจำเป็นต้องมีการแก้ไขซ้ำในอนาคต (ซึ่งพบได้น้อย) แพทย์จะพิจารณาจากสภาพกระจกตาที่เหลืออยู่และเทคนิคเดิมที่เคยทำไป ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ทำเลสิกแบบมีฝากระจกตา (LASIK) มาแล้ว หากต้องการแก้ไขซ้ำก็มักจะใช้วิธีเปิดฝาเดิมเพื่อยิงเลเซอร์ใหม่ แต่ถ้าเคยทำ PRK มาก่อน อาจต้องพิจารณา PRK ซ้ำ ทั้งนี้ แพทย์จะให้คำแนะนำที่ดีที่สุดหลังจากตรวจประเมินอย่างละเอียดอีกครั้ง   การเลือกประเภทเลสิกส่งผลต่อระยะเวลาพักฟื้นแค่ไหน การเลือกประเภทเลสิกส่งผลต่อระยะเวลาพักฟื้นอย่างชัดเจน เช่น PRK อาจใช้เวลาฟื้นตัวหลายวันถึงสัปดาห์ ส่วน LASIK, Femto LASIK และ ReLEx SMILE ฟื้นตัวได้เร็วภายใน 1-3 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ ซึ่งในปัจจุบันเลสิกมีกี่แบบขึ้นกับการแบ่งตามเทคนิค เช่น PRK, LASIK, Femto LASIK และ ReLEx SMILE ที่ต่างกันในเรื่องขนาดแผล ความแม่นยำ และระยะเวลาฟื้นตัว   เลือกทำเลสิกแบบไหนดี การเลือกวิธีการทำเลสิกที่ดีที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ค่าสายตา ลักษณะความโค้งและความหนาของกระจกตา ไลฟ์สไตล์ ความต้องการในการฟื้นตัวของแต่ละคน รวมถึงงบประมาณที่มี เนื่องจากราคาเลสิกจะแตกต่างกันตามเทคโนโลยีที่เลือกใช้ แนะนำให้เข้ารับการตรวจประเมินกับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด  

ทำเลสิกพักฟื้นกี่วัน? วิธีดูแลและข้อควรระวังหลังทำเลสิกให้ฟื้นตัวเร็ว

ทำเลสิกพักฟื้นกี่วัน? ระยะเวลาพักฟื้นหลังทำเลสิกทั่วไปประมาณ 1–2 สัปดาห์ โดยการมองเห็นจะค่อยๆ ดีขึ้นและฟื้นตัวเต็มที่ตามคำแนะนำแพทย์ หลังทำเลสิกห้ามอะไรบ้าง? หลังทำเลสิกควรหยอดยาตามแพทย์สั่ง งดขยี้ตา หลีกเลี่ยงน้ำเข้าตา งดแต่งหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น หลังทำเลสิก ควรตรวจติดตามผลอย่างน้อย 5 ครั้งใน 1 วัน 1 สัปดาห์ 1 เดือน 3 เดือน และ 1 ปี เพื่อประเมินการฟื้นตัวและแก้ไขปัญหา หากครบปีแล้วควรตรวจปีละครั้ง การสื่อสารกับแพทย์และวางแผนร่วมกันช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น การทำเลสิกเป็นการผ่าตัดแก้ไขสายตาที่ได้รับความนิยมสูง แต่การพักฟื้นและการดูแลหลังผ่าตัดอย่างถูกวิธีมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้ดวงตาฟื้นตัวได้รวดเร็วและปลอดภัย ในบทความนี้จะช่วยแนะนำว่าทำเลสิกพักฟื้นกี่วัน รวมถึงข้อควรระวังและหลังทำเลสิกห้ามอะไรบ้าง เพื่อให้คุณพร้อมดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมหลังผ่าตัด     ระยะเวลาพักฟื้นหลังทำเลสิก ทำเลสิกพักฟื้นกี่วัน? ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน ในการฟื้นตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ระยะเวลาพักฟื้นหลังทำเลสิกสามารถแบ่งได้เป็นหลายช่วง โดยการมองเห็นจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ ได้แก่ วันแรก (หลังผ่าตัด) โดยทั่วไปคุณสามารถมองเห็นได้ดีขึ้นทันที แต่การมองเห็นจะยังไม่คมชัด 100% อาจมีอาการเคืองตา คันตา หรือน้ำตาไหล ซึ่งเป็นเรื่องปกติ 24–48 ชั่วโมงแรก อาการเคืองตาจะเริ่มดีขึ้น การมองเห็นจะเริ่มคมชัดขึ้นอย่างก้าวกระโดด สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันเบาๆ ได้ เช่น ดูทีวี อ่านหนังสือสั้นๆ แต่ต้องระวังไม่ให้ดวงตาถูกกระทบกระเทือน สัปดาห์แรกสายตาจะเริ่มคงที่มากขึ้น และคมชัดใกล้เคียงปกติ สามารถกลับไปทำงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ได้ แต่ควรพักสายตาเป็นระยะ เดือนแรก การมองเห็นจะชัดเจนและเสถียรขึ้นเกือบสมบูรณ์ อาการตาแห้งจะค่อยๆ ดีขึ้น และสามารถกลับไปออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงได้ 6 เดือน–1 ปี เป็นช่วงที่สายตาจะคงที่อย่างสมบูรณ์ที่สุด และอาการตาแห้งจะหายไป (ในผู้ป่วยส่วนใหญ่)     วิธีดูแลตัวเองและหลังทำเลสิกห้ามอะไรบ้าง หลายคนมักสงสัยว่าทำเลสิกพักฟื้นกี่วัน การดูแลและข้อควรระวังหลังผ่าตัดจึงควรแบ่งตามช่วงเวลาเพื่อให้ดวงตาฟื้นตัวอย่างปลอดภัยและเต็มประสิทธิภาพ ดังนี้   การดูแลตัวเองคืนแรกหลังทำเลสิกห้ามอะไรบ้าง ทำเลสิกพักฟื้นกี่วันขึ้นอยู่กับการดูแลและระยะเวลาที่ดวงตาฟื้นตัวในแต่ละช่วงเวลา ในคืนแรกหลังการผ่าตัดเลสิกจึงควรปฏิบัติดังนี้ คนไข้ควรพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ แต่สามารถลืมตาและทำกิจวัตรที่จำเป็นได้โดยมองผ่านรูเล็กๆ ของฝาครอบตา หากผ่าตัดตอนกลางวัน ควรนอนพักสั้นๆ อย่างน้อย 2–3 ชั่วโมงหลังผ่าตัด หากผ่าตัดตอนเย็น ควรเข้านอนแต่หัวค่ำ และรับประทานยานอนหลับอ่อนๆ ที่ได้รับหลังอาหารเย็น หลังผ่าตัด จะได้รับฝาครอบตาข้างที่ผ่าตัดซึ่งใสและมีรูเล็กๆ ให้มองลอดได้ ห้ามแกะออกเด็ดขาด (เว้นแต่แพทย์สั่งให้เปิดเพื่อหยอดยาเอง) เพื่อป้องกันไม่ให้ขยี้ตา หากน้ำตาไหลมาก ให้ซับน้ำตานอกฝาครอบตาเท่านั้น หากฝาครอบตาหลุดหรือไม่แน่น ให้ติดพลาสเตอร์เพิ่ม คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้แต่ห้ามให้น้ำเข้าตาเด็ดขาด ไม่ควรล้างหน้าด้วยน้ำ ใช้ผ้าเช็ดแทนได้ แต่สามารถอาบน้ำและแปรงฟันได้ตามปกติ   หลังทำเลสิกสัปดาห์แรก มีข้อห้ามอะไรบ้าง นอกจากรู้แล้วว่าทำเลสิกพักฟื้นกี่วัน ในช่วงสัปดาห์แรกหลังทำเลสิกยังควรรู้สิ่งที่ควรปฏิบัติ เพื่อช่วยให้ดวงตาฟื้นตัวได้ดีและปลอดภัย มีดังนี้ หยอดยาป้องกันการติดเชื้อและน้ำตาเทียม โดยสามารถหยอดน้ำตาเทียมได้บ่อยตามต้องการ ปิดฝาครอบตาก่อนนอนเพื่อป้องกันไม่ให้เผลอขยี้ตา ระมัดระวังไม่ให้น้ำหรือฝุ่นละอองเข้าตา หลีกเลี่ยงการขยี้ตาอย่างเด็ดขาด งดแต่งหน้า โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา อย่างน้อย 2 สัปดาห์ สวมแว่นกันแดดเมื่ออยู่ในที่มีแสงจ้า เพื่อลดอาการเคืองและแสบตา หลังตรวจตาเมื่อครบ 1 สัปดาห์ สามารถล้างหน้าและสระผมได้โดยไม่ต้องใส่ฝาครอบตาก่อนนอน สามารถว่ายน้ำได้หลังทำเลสิกประมาณ 2 สัปดาห์   การติดตามผลหลังผ่าตัดเลสิก หลังการผ่าตัดเลสิก ควรเข้ารับการตรวจติดตามผลอย่างน้อย 5 ครั้ง ได้แก่ หลังผ่าตัด 1 วัน 1 สัปดาห์ 1 เดือน 3 เดือน และครบ 1 ปี เพื่อวัดค่าสายตา ตรวจตา ประเมินอาการแทรกซ้อน เช่น ตาแห้ง หรือสายตายังไม่คงที่ หากครบ 1 ปีแล้ว ควรตรวจตาต่อเนื่องปีละ 1 ครั้ง นอกจากนี้การมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแพทย์และคนไข้ รวมถึงการร่วมกันวางแผนการรักษา เป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะหากผลการรักษาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เพื่อให้สามารถปรับแนวทางได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที   สรุป การฟื้นตัวหลังทำเลสิกส่วนใหญ่มักใช้เวลาประมาณ 3–7 วัน สำหรับการมองเห็นเริ่มชัดขึ้น และสามารถกลับไปทำงานเบาๆ ได้ตามปกติภายใน 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด เช่น หลีกเลี่ยงการขยี้ตา งดแต่งหน้า หลีกเลี่ยงฝุ่นหรือน้ำเข้าตา และมาตรวจติดตามตามนัด เป็นสิ่งสำคัญมาก หากคุณกำลังมองหาสถานที่ทำเลสิกที่เชื่อถือได้ โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ (Bangkok Eye Hospital) เป็นศูนย์เฉพาะทางด้านจักษุที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ทีมแพทย์ที่ชำนาญการ และบริการที่ใส่ใจทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณฟื้นตัวได้อย่างมั่นใจ ดวงตาสดใสกว่าที่เคย   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับทำเลสิกพักฟื้นกี่วัน (FAQ) ส่วนนี้ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับระยะเวลาพักฟื้นหลังทำเลสิกและข้อควรปฏิบัติหลังทำเลสิก พร้อมคำตอบแบบเข้าใจง่าย เพื่อให้คุณมั่นใจในทุกขั้นตอนของการรักษา   ทำเลสิกกี่วันถึงล้างหน้าได้ ทำเลสิกพักฟื้นกี่วันขึ้นกับการดูแลของแต่ละคน โดยทั่วไปสามารถล้างหน้าได้หลังทำเลสิกประมาณ 7 วัน โดยควรหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำสัมผัสตาโดยตรงในช่วงแรกเพื่อป้องกันการติดเชื้อและกระทบกระเทือนแผล   หลังทำเลสิกห้ามกินอะไร หลังทำเลสิก ควรงดอาหารรสจัด ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารที่ไม่สะอาด เพื่อป้องกันการอักเสบหรือติดเชื้อที่อาจกระทบการฟื้นตัวของดวงตา   หลังทำเลสิกสามารถขับรถกลับบ้านได้ไหม โดยทั่วไปไม่สามารถขับรถกลับบ้านได้ทันที ควรมีคนขับรถไปรับ–ส่งในวันผ่าตัด  

อาการตาแห้งหลังทำเลสิกเกิดจากอะไร และวิธีดูแลตัวเองที่ถูกต้อง

อาการตาแห้งหลังทำเลสิกเกิดจากการผ่าตัดที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของต่อมน้ำตา ทำให้น้ำตาผลิตน้อยลงและชั้นน้ำตาสูญเสียความสมดุล ส่งผลให้ดวงตาขาดความชุ่มชื้นและแห้งง่ายขึ้น ตาแห้งหลังทำเลสิกมักไม่อันตราย แต่ถ้าไม่ดูแลอาจทำให้ระคายเคืองหรือเสี่ยงติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์หากอาการรุนแรงหรือไม่หายเอง น้ำตาเทียมหลังทำเลสิกช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น บรรเทาอาการตาแห้งและระคายเคือง ช่วยให้ดวงตาฟื้นตัวเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน หลังทำเลสิก หลายคนอาจพบอาการตาแห้งซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยและสร้างความไม่สบายตาได้อย่างมาก การเข้าใจสาเหตุและวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำตาเทียมหรือปรับพฤติกรรม จะช่วยให้ฟื้นฟูสุขภาพตาได้รวดเร็วและปลอดภัย พร้อมกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจมากขึ้น     สาเหตุของอาการตาแห้งหลังทำเลสิก สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการตาแห้งหลังทำเลสิกคือกระบวนการผ่าตัดที่ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของดวงตาชั่วคราว เช่น   การตัดชั้นกระจกตา ในระหว่างการผ่าตัดเลสิก เลเซอร์จะทำการเปิดชั้นกระจกตา (Corneal Flap) ซึ่งทำให้เส้นประสาทบริเวณกระจกตาบางส่วนถูกตัดขาด เส้นประสาทเหล่านี้มีหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำตา เมื่อถูกตัดขาดจึงทำให้การผลิตน้ำตาลดลงชั่วคราว   การอักเสบของผิวกระจกตา การผ่าตัดเลสิกทำให้เกิดการอักเสบเล็กน้อยบริเวณผิวกระจกตา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสมดุลของชั้นน้ำตา (Tear Film) ชั้นน้ำตาที่ปกติจะช่วยหล่อลื่นและปกป้องดวงตา แต่เมื่อชั้นน้ำตาสูญเสียความสมดุล น้ำตาจะระเหยเร็วขึ้นกว่าปกติ ทำให้ดวงตาขาดความชุ่มชื้น เกิดอาการตาแห้ง แสบตา และรู้สึกไม่สบายตาได้ง่ายหลังผ่าตัด ดังนั้นจึงควรดูแลตัวเองโดยหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการเหล่านี้   ภาวะตาแห้งเดิม ผู้ที่มีภาวะตาแห้งอยู่แล้วก่อนการผ่าตัดเลสิก อาจมีอาการตาแห้งหลังทำเลสิกรุนแรงขึ้น เนื่องจากกระบวนการผ่าตัดส่งผลกระทบต่อการทำงานของต่อมน้ำตาและชั้นน้ำตาอยู่แล้ว ทำให้ดวงตาขาดความชุ่มชื้นมากขึ้น ส่งผลให้อาการแสบตา ตาแห้ง และระคายเคืองมีความรุนแรงและเกิดบ่อยขึ้นกว่าปกติ จึงควรแจ้งจักษุแพทย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด และเตรียมตัวดูแลดวงตาอย่างใกล้ชิดหลังผ่าตัด   ตาแห้งหลังทำเลสิก อันตรายไหม อาการตาแห้งหลังทำเลสิกเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยและโดยส่วนใหญ่ไม่ถือว่าเป็นอันตรายรุนแรง แต่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตา แสบตา หรือระคายเคืองได้ในช่วงเวลาหนึ่งหลังผ่าตัด สาเหตุหลักเกิดจากกระบวนการผ่าตัดที่ส่งผลต่อการทำงานของต่อมน้ำตาและชั้นน้ำตา ทำให้น้ำตาผลิตน้อยลงหรือลดคุณภาพลง ถ้าได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ อาการตาแห้งมักจะดีขึ้นและหายไปเองในไม่กี่สัปดาห์ถึงเดือน     ความสำคัญของน้ำตาเทียมหลังทำเลสิก วิธีที่ดีที่สุดในการบรรเทาอาการตาแห้งหลังทำเลสิก คือการหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ ตามคำแนะนำแพทย์ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกที่แพทย์มักแนะนำให้หยอดเมื่อตาแห้ง น้ำตาเทียม (Artificial Tears) ประกอบด้วยสารเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น ไฮโปรเมลโลส โซเดียมไฮยาลูโรเนต และคาร์บอกซิเมทิลเซลลูโลส เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ทำเลสิกทุกคน เพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการแสบตา และบรรเทาภาวะตาแห้ง (Dry eye) ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยในช่วง 6 เดือนแรกหลังผ่าตัด เลสิกส่งผลให้กระจกตาถูกกระทบและลดการผลิตน้ำตา ทำให้ตาแห้งหลังทำเลสิกมากขึ้น     ควรเลือกใช้น้ำตาเทียมชนิดไหนหลังทำเลสิก น้ำตาเทียมที่มีจำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบันมีหลายชนิดและสูตรแตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับความต้องการและอาการของผู้ใช้แต่ละราย ได้แก่ น้ำตาเทียมชนิดไม่มีสารกันเสียบรรจุในหลอดเล็ก ใช้ให้หมดภายใน 24 ชั่วโมงหลังเปิด ใช้แล้วรู้สึกสบายตาและมีความเสี่ยงแพ้น้อยกว่าชนิดมีสารกันเสีย แต่มีราคาสูงกว่า     วิธีดูแลตัวเองเพื่อบรรเทาอาการตาแห้งหลังทำเลสิก การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอนอกจากการหยอดน้ำตาเทียม ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการบรรเทาอาการตาแห้งและช่วยให้ดวงตาฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถปฏิบัติดูแลได้ดังนี้   พักสายตาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันและบรรเทาอาการตาแห้งหลังทำเลสิก ควรหลีกเลี่ยงการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ และใช้หลักการ “20-20-20” คือ ทุก 20 นาที ให้พักสายตาโดยมองวัตถุที่อยู่ไกลประมาณ 20 ฟุต (หรือประมาณ 6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา   ใส่ฝาครอบตาจนครบกำหนด หลังการผ่าตัดทำเลสิก แพทย์จะใช้ฝาครอบตาปิดดวงตาเพื่อปกป้องจากสิ่งสกปรกและป้องกันการสัมผัสที่อาจทำให้เกิดการอักเสบได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตาแห้งหลังทำเลสิกซึ่งตาอาจไวต่อการระคายเคือง จึงควรปิดฝาครอบตาไว้อย่างเคร่งครัดจนกว่าจะครบกำหนดตามคำสั่งแพทย์ ยกเว้นในกรณีที่ต้องใช้ยาหยอดตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น โดยปกติจะปิดเเค่วันแรกหลังทำและหลังจากนั้น ทุกครั้งก่อนนอนเป็นเวลา 1 สัปดาห์   หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตาแห้ง ควรงดอยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมที่เป่าลมตรงเข้าหน้าโดยตรง รวมถึงหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีลมแรงหรือมีควัน เนื่องจากสภาพแวดล้อมเหล่านี้จะทำให้ดวงตาแห้งและระคายเคืองมากขึ้น หลังทำเลสิก การใช้น้ำตาเทียมหลังทำเลสิกเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการตาแห้งที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมดังกล่าว   ระวังไม่ให้น้ำโดนบริเวณดวงตา งดกิจกรรมที่ทำให้ดวงตาสัมผัสน้ำโดยตรง เช่น การว่ายน้ำ ล้างหน้าแรงๆ หรือการใช้น้ำฉีดบริเวณดวงตา เพราะน้ำอาจทำให้แผลผ่าตัดติดเชื้อหรือลดประสิทธิภาพการฟื้นตัวได้ นอกจากนี้ดวงตาที่มีอาการตาแห้งหลังทำเลสิกยิ่งต้องได้รับการดูแลอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการระคายเคืองและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ควรใช้น้ำตาเทียมตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการ   งดแต่งหน้ารอบดวงตา เนื่องจากดวงตาหลังทำเลสิกยังคงมีความบอบบางและไวต่อการระคายเคือง โดยเฉพาะในช่วงที่อาการตาแห้งหลังทำเลสิกยังไม่หายดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดความเสี่ยงต่อการระคายเคือง หากมีความจำเป็นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดในการดูแลดวงตาหลังผ่าตัด โดยปกติแพทย์จะแนะนำให้แต่งหน้าได้หลังจากการตรวจครบรอบ 1 สัปดาห์หลังทำเลสิก   หลีกเลี่ยงฝุ่นละอองหลังทำเลสิก การสัมผัสกับฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกต่างๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแม้แต่ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการตาแห้งหลังทำเลสิก ซึ่งดวงตามีความไวและขาดความชุ่มชื้น การหลีกเลี่ยงฝุ่นละอองจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยปกป้องดวงตาและเร่งกระบวนการฟื้นฟู ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีฝุ่นเยอะ สวมแว่นตากันลมหรือหน้ากากป้องกันเมื่อจำเป็น และทำความสะอาดมือก่อนสัมผัสดวงตาเพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติม   บำรุงดวงตาหลังทำเลสิก การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอช่วยส่งเสริมให้ร่างกายผลิตน้ำตาได้ดีขึ้น ทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้นมากขึ้น ส่วนการรับประทานอาหารเสริมจำพวกโอเมกา 3 เช่น น้ำมันปลา หรือเมล็ดแฟลกซ์ ช่วยปรับปรุงคุณภาพของน้ำตา ทำให้ดวงตาสุขภาพดีและลดอาการตาแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ   สรุป อาการตาแห้งหลังทำเลสิกเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เนื่องจากกระบวนการผ่าตัดส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำตา ทำให้ดวงตาขาดความชุ่มชื้นและเกิดอาการระคายเคืองได้ การดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เช่น การหยอดน้ำตาเทียมแบบปราศจากสารกันเสียอย่างสม่ำเสมอ การดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงฝุ่นละออง ช่วยบรรเทาอาการและเร่งการฟื้นฟูสุขภาพตา น้ำตาเทียมมีหลายชนิด ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมตามคำแนะนำแพทย์ โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ (Bangkok Eye Hospital) ให้บริการทำเลสิกด้วยเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมคำแนะนำดูแลหลังผ่าตัด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยทุกคน   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการตาแห้งหลังทำเลสิก (FAQ) คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการตาแห้งหลังทำเลสิกจะช่วยไขข้อสงสัยและให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ การดูแลตัวเอง และวิธีป้องกัน เพื่อให้ผู้ที่ผ่านการทำเลสิกเข้าใจและรับมือกับภาวะตาแห้งได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น   อาการตาแห้งหลังทำเลสิกจะอยู่นานแค่ไหน โดยทั่วไปอาการตาแห้งจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 3-6 เดือนหลังการผ่าตัด เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เส้นประสาทบริเวณกระจกตาจะเริ่มฟื้นตัวและกลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่ในบางรายอาจใช้เวลานานกว่านั้นเล็กน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล   ควรใช้น้ำตาเทียมชนิดไหนถึงจะดีที่สุด จักษุแพทย์มักจะแนะนำให้ใช้น้ำตาเทียมชนิด “ปราศจากสารกันเสีย” (Preservative-Free) เพราะน้ำตาเทียมชนิดนี้จะอ่อนโยนต่อดวงตาและสามารถหยอดได้บ่อยเท่าที่ต้องการโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ควรเลือกใช้น้ำตาเทียมตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด   หากมีอาการตาแห้ง สามารถใส่คอนแท็กต์เลนส์ได้ไหม ไม่ควรใส่คอนแท็กต์เลนส์ การใส่คอนแท็กต์เลนส์ในช่วงที่ดวงตากำลังฟื้นตัวจะทำให้เกิดการเสียดสีและระคายเคืองมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการสมานแผลและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย  

ชอบขยี้ตาบ่อย เลือกทำเลสิกแบบไหนดีให้ปลอดภัยและเหมาะกับคุณ?

การขยี้ตาบ่อยหลังทำเลสิกเสี่ยงทำให้ฝากระจกตาเคลื่อนหรือเกิดแผล ทำให้สายตาพร่ามัวหรือเกิดการติดเชื้อได้ เทคนิคเลสิกที่เหมาะกับคนขยี้ตาบ่อย ได้แก่ PRK และ SMILE เพราะไม่สร้างฝากระจกตา จึงลดความเสี่ยงฝากระจกตาเคลื่อน พร้อมทั้งช่วยให้ฟื้นตัวได้ดี หลังทำเลสิก ผู้ที่ชอบขยี้ตาบ่อยควรหลีกเลี่ยงการขยี้ตา งดแต่งหน้าใกล้ดวงตา หลีกเลี่ยงน้ำเข้าตา และใส่แว่นกันลม กันฝุ่นเพื่อป้องกันการระคายเคือง การขยี้ตาบ่อยเป็นพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังจะทำเลสิกหรือเคยทำเลสิกไปแล้ว เพราะนอกจากจะทำให้ตาระคายเคืองแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หากต้องการทำเลสิกจริงๆ ควรเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับพฤติกรรมนี้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อควรระวังและวิธีดูแลดวงตาหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์ปลอดภัยและยาวนานที่สุด ทำไมการขยี้ตาบ่อยถึงเป็นอันตรายหลังทำเลสิก? การขยี้ตาบ่อยหลังทำเลสิก โดยเฉพาะในช่วงแรกของการพักฟื้น อาจส่งผลเสียร้ายแรงได้ เพราะการทำเลสิกแต่ละประเภทมีวิธีการรักษาและฟื้นฟูที่แตกต่างกัน การขยี้ตาจึงอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการรักษาและผลลัพธ์ที่ได้ ดังนี้   ผลจากการขยี้ตาบ่อยหลังทำเลสิก เลสิกเป็นการผ่าตัดสร้างฝากระจกตา การขยี้ตาบ่อยหรือขยี้ตาแรงอาจทำให้ฝากระจกตาเคลื่อน หลุด หรือพับยับ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินต้องแก้ไขทันที และเสี่ยงต่อสายตาพร่ามัวหรือติดเชื้อได้ ผลจากการขยี้ตาบ่อยหลังทำ PRK (Photorefractive Keratectomy) แม้ไม่สร้างฝากระจกตา แต่หลังทำ PRK/TransPRK ผิวกระจกตาชั้นนอกถูกลอกออก การขยี้ตาอาจทำให้แผลหายช้า เกิดการติดเชื้อ หรือพังผืดที่กระจกตาได้ ภาวะกระจกตาย้วย (Keratoconus) ผู้ที่ชอบขยี้ตาบ่อยเสี่ยงเกิดภาวะกระจกตาย้วย ซึ่งกระจกตาบางและโป่งออก ทำให้ไม่เหมาะกับการทำเลสิกบางประเภท หรือหากทำแล้วอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น เทคนิคเลสิกที่เหมาะสมสำหรับคนขยี้ตาบ่อย ถ้าคุณมักเผลอขยี้ตาบ่อย การปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อประเมินสภาพตาและเลือกเทคนิคเลสิกที่ไม่สร้างฝากระจกตาหรือมีผลกระทบน้อยต่อโครงสร้างกระจกตาจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า โดยเทคนิคที่เหมาะสม เช่น PRK (Photorefractive Keratectomy) หรือ TransPRK เทคนิคนี้ใช้เลเซอร์เจียระไนเนื้อกระจกตาโดยตรงที่ผิวชั้นบนสุดโดยไม่สร้างฝากระจกตา ทำให้ปลอดภัยกว่าสำหรับผู้ที่ชอบขยี้ตา เพราะไม่มีความเสี่ยงที่ฝากระจกตาจะเคลื่อนตัว อีกทั้งกระจกตาหลังทำยังมีความแข็งแรงมากกว่าเลสิก อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาพักฟื้นจะนานกว่า ประมาณ 3-5 วันแรกอาจรู้สึกเคืองตาและมองไม่ชัด ผลการมองเห็นจึงคงที่ช้ากว่าเลสิก เทคนิคนี้เหมาะกับผู้ที่ชอบขยี้ตาบ่อย นักกีฬาที่เสี่ยงกระทบกระเทือนดวงตา หรือผู้ที่มีกระจกตาบางไม่เหมาะกับการทำเลสิก และควรให้ความสำคัญกับการดูแลดวงตาหลังผ่าตัดเลสิกอย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและการฟื้นตัวที่รวดเร็ว ReLEx SMILE (Small Incision Lenticule Extraction) เทคนิคนี้ใช้เลเซอร์สร้างชิ้นเนื้อกระจกตา (Lenticule) ภายในกระจกตา แล้วนำชิ้นเนื้อนั้นออกผ่านแผลเล็กๆ ขนาด 2-4 มิลลิเมตร โดยไม่ต้องสร้างฝากระจกตาที่เปิดออก ทำให้แผลมีขนาดเล็กและฟื้นตัวเร็ว ความเสี่ยงที่ฝากระจกตาจะเคลื่อนตัวจึงน้อยกว่าเลสิกมาก อีกทั้งกระจกตาหลังทำยังคงมีความแข็งแรงดี อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ไม่สามารถแก้ไขสายตายาวได้ และมีข้อจำกัดในเรื่องค่าสายตาที่สามารถแก้ไขได้ เหมาะกับผู้ที่มีสายตาสั้นหรือเอียงไม่เกินเกณฑ์ รวมถึงผู้ที่ชอบขยี้ตาและต้องการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีที่เผลอขยี้ตาหลังทำเลสิก เทคนิคนี้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาฝากระจกตาเคลื่อนหรือเสียหายได้ดีกว่า NanoRelex® NanoReLEx® เป็นเทคนิคที่มีความแม่นยำสูงในการปรับแต่งเนื้อเยื่อภายในชั้น Stroma ของกระจกตา โดยคำนวณชิ้นเนื้อกระจกตาในรูปแบบ 3 มิติ เรียกว่า Lenticule ตามค่าสายตาของแต่ละบุคคล จากนั้นนำ Lenticule ออกผ่านแผลขนาดเล็กเพียง 2–3 มิลลิเมตร จุดเด่นคือใช้พลังงานต่ำในระดับนาโนจูลย์ ทำให้กระทบกระเทือนดวงตาน้อยและฟื้นตัวเร็วขึ้น การผ่าตัดด้วย NanoReLEx® ใช้เวลาสั้น ลดอาการตาแห้งหลังการรักษา แผลขนาดเล็กช่วยให้กระจกตาคงรูปร่างและความแข็งแรงหลังผ่าตัด SMILE Pro®   SMILE Pro® เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์แก้ไขสายตาที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพเหนือกว่า ReLEx SMILE รุ่นเดิมทั้งด้านความรวดเร็ว ความแม่นยำ และความสบายตาขณะทำการรักษา จุดเด่นอยู่ที่การใช้เครื่องเลเซอร์ Carl ZEISS VisuMax 800 รุ่นล่าสุด สามารถยิงเลเซอร์เสร็จสิ้นภายใน 8 วินาทีต่อดวงตา และสามารถปรับแต่งรูปร่างกระจกตาได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ทางสายตาที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีค่าสายตาสั้นหรือเอียงมาก ช่วยลดความกังวลและเพิ่มความสบายให้ผู้เข้ารับการรักษาได้อย่างมาก     หลังทำเลสิกห้ามทำอะไรบ้าง สำหรับคนขยี้ตาบ่อย หากคุณตัดสินใจทำเลสิกและมีพฤติกรรมชอบขยี้ตาบ่อย การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันปัญหาและช่วยให้ดวงตาฟื้นตัวอย่างปลอดภัย พยายามหยุดขยี้ตา การขยี้ตาหนักๆ อาจทำให้ฝากระจกตาหลุดหรือเสียหาย ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและทำให้ผลลัพธ์เลสิกไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง จึงควรฝึกควบคุมและหลีกเลี่ยงการขยี้ตาทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เพื่อช่วยให้แผลหายไว และรักษาคุณภาพการมองเห็นให้นานที่สุด ใช้ยาหยอดตา หากคุณขยี้ตาบ่อยเพราะรู้สึกคันหรือตาแห้ง การปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาหยอดตาที่เหมาะสมจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ยาหยอดตาอย่างถูกวิธีจะช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง ลดความอยากขยี้ตา และช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้นมากขึ้น ส่งผลให้การฟื้นตัวหลังทำเลสิกเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น สวมแว่นตาป้องกัน หลังทำเลสิก 7 วัน โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรก ควรใส่แว่นตากันลม กันฝุ่น และลดแสงจ้า เพื่อปกป้องดวงตาจากสิ่งแวดล้อมที่อาจกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนี้แว่นตายังทำหน้าที่ช่วยให้ระมัดระวังและไม่เผลอขยี้ตา ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่อาจส่งผลเสียต่อการฟื้นตัวและความปลอดภัยของกระจกตาหลังผ่าตัด ระมัดระวังการทำความสะอาดตา ควรทำความสะอาดตาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเบามือที่สุด เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือความเสียหายต่อกระจกตา หลีกเลี่ยงการถูหรือขยี้ตาขณะทำความสะอาด และใช้วิธีที่ถูกต้อง เช่น ใช้น้ำเกลือล้างตาหรือผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ เช็ดเบาๆ วิธีถนอมสายตาหลังทำเลสิกนี้ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อและส่งเสริมการฟื้นตัวของดวงตาอย่างปลอดภัย ปรึกษาแพทย์ทันที หากเผลอขยี้ตาแรงๆ หลังทำเลสิก หรือรู้สึกปวดตา ตาแดงมากผิดปกติ เห็นภาพพร่าหรือแสงกระจาย มีน้ำตาไหลมาก หรือตาแห้งผิดปกติ ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที เพราะอาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงภาวะแทรกซ้อน เช่น ฝากระจกตาเคลื่อนหรือติดเชื้อ การได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยป้องกันความเสียหายรุนแรงและรักษาคุณภาพการมองเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังทำเลสิก ไม่ควรเล่นโทรศัพท์บ่อย ควรพักสายตาและหลีกเลี่ยงการเพ่งจอเป็นเวลานาน เพื่อช่วยลดอาการตาแห้งและอาการล้า ช่วยให้ดวงตาฟื้นตัวได้ดีขึ้น สรุป สำหรับคนที่ขยี้ตาบ่อย การทำเลสิกควรเลือกเทคนิคที่ปลอดภัยและเหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน เช่น ฝากระจกตาเคลื่อนหรือกระจกตาบาง เทคนิคที่ไม่สร้างฝากระจกตาหรือมีแผลเล็ก เช่น PRK หรือ SMILE เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วและกระจกตาแข็งแรงกว่าเดิม Bangkok Eye Hospital มีทีมจักษุแพทย์ผู้ชำนาญและเทคโนโลยีทันสมัย ที่ช่วยประเมินสภาพดวงตาอย่างละเอียด เพื่อแนะนำวิธีทำเลสิกที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของแต่ละคน พร้อมคำแนะนำดูแลดวงตาหลังผ่าตัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและการฟื้นตัวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคนขยี้ตาบ่อยทำเลสิก (FAQ) รวบรวมคำตอบที่ช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบของการขยี้ตาต่อการทำเลสิก วิธีเลือกเทคนิคเลสิกที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการขยี้ตา รวมถึงคำแนะนำในการดูแลดวงตาหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและรักษาผลลัพธ์ให้คงทน พร้อมข้อมูลที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจทำเลสิกในกรณีนี้ คนชอบขยี้ตาบ่อยๆ ทำเลสิกได้ไหม? ทำได้ แต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และบางเทคนิคอาจเหมาะสมกว่า แพทย์จะประเมินสภาพตาและความรุนแรงของพฤติกรรมการขยี้ตาอย่างละเอียด หากสามารถควบคุมการขยี้ตาหลังผ่าตัดได้ ก็ไม่มีปัญหา แต่หากควบคุมไม่ได้ อาจต้องเลือกเทคนิคที่ปลอดภัยกว่า หรือหาทางแก้ไขพฤติกรรมขยี้ตาก่อน มีวิธีลดพฤติกรรมการขยี้ตาไหม ใช้ยาหยอดตาเพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อลดอาการตาแห้งและระคายเคือง หาสาเหตุอาการคัน เช่น ภูมิแพ้ และรับยาหยอดตาแก้แพ้ สวมแว่นตาหรือแว่นกันแดดเพื่อป้องกันฝุ่น ลม และแสงแดด พร้อมฝึกสังเกตตัวเองและหยุดพฤติกรรมขยี้ตาให้ได้ เผลอขยี้ตาหลังทำเลสิกไปแล้ว ต้องทำอย่างไร? หากคุณเผลอขยี้ตาอย่างรุนแรงหลังทำเลสิก (โดยเฉพาะในช่วง 1-3 เดือนแรก) และรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ตาพร่ามัว เจ็บตามาก มองเห็นภาพซ้อน หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในตา ควรรีบกลับไปพบจักษุแพทย์ทันที เพื่อตรวจดูว่าฝากระจกตาเคลื่อนหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน  
Cataract Center
Retina Center
Laser Vision LASIK Center
Glaucoma Center
Cornea Center
Children's Eye Center
Oculoplastic
Neuroophthalmology

เลสิกสำหรับนักแบดมินตัน เพิ่มความคมชัดเพื่อชัยชนะทุกคอร์ต | Bangkok Eye Hospital

  เลสิกสำหรับนักแบดมินตัน: พลิกเกมด้วยสายตาที่คมชัดกว่า 🏸 “พริบตาเดียวบนคอร์ต อาจเปลี่ยนชัยชนะเป็นความพลาด” การเล่นแบดมินตันไม่ได้อาศัยเพียงแค่พละกำลังหรือความเร็ว แต่หัวใจสำคัญคือ การมองเห็นที่แม่นยำและรวดเร็ว เพื่อการ "อ่านเกม อ่านลูก และอ่านทางคู่แข่ง" ได้เหนือกว่าใคร! อุปสรรคทางสายตาที่นักกีฬาต้องเจอ เคยไหมที่ต้องมัวดันแว่นระหว่างการแข่งขัน? หรือกังวลว่าคอนแทคเลนส์จะหลุดกลางเกม? ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้คุณเสียสมาธิและพลาดจังหวะสำคัญในเสี้ยววินาที... ซึ่งอาจหมายถึงการเสียคะแนนหรือพลาดชัยชนะไปอย่างน่าเสียดาย LASIK: คำตอบสำหรับนักกีฬายุคใหม่ การทำเลสิก (LASIK) คือทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับนักกีฬาแบดมินตันและผู้ที่รักการออกกำลังกายทุกคน ช่วยปลดล็อกศักยภาพของคุณให้เหนือกว่าเดิม สายตาคมชัด โฟกัสการเคลื่อนไหวของลูกขนไก่ได้ดีขึ้น คล่องตัวทุกการเคลื่อนไหว ไม่ต้องกังวลเรื่องแว่นหรือคอนแทคเลนส์ มั่นใจในทุกช็อต ทั้งลูกตบ ลูกหยอด หรือลูกตัด เมื่อไร้กังวลเรื่องสายตา คุณจะสามารถโฟกัสที่เกมการแข่งขันได้อย่างเต็มที่ เพราะการมองเห็นที่ดี ไม่ได้แค่ทำให้เล่นดีขึ้น แต่ทำให้คุณ “มั่นใจในทุกการเคลื่อนไหว” ปรึกษาการทำเลสิกสำหรับนักกีฬา ดวงตามีคู่เดียว มั่นใจให้แพทย์เฉพาะทางดูแล ที่ Laser Vision at Bangkok Eye Hospital เลียบทางด่วนรามอินทรา โทรเลย: 02-511-2111 #LASERVISION #SMILEPro #LASIK #BangkokEyeHospital #เลสิกไร้ใบมีด #LASIKForSport #Badminton #กีฬาแบดมินตัน
Cataract Center
Retina Center
Laser Vision LASIK Center
Glaucoma Center
Cornea Center
Children's Eye Center
Oculoplastic
Neuroophthalmology

ภาพเบลอในสนาม อาจทำให้คุณพลาดโอกาสสำคัญ

"ภาพเบลอในสนาม อาจทำให้คุณพลาดโอกาสสำคัญ" ⚽👀  เพราะในทุกวินาทีของการแข่งขัน... “สายตา” คืออาวุธลับที่คุณอาจมองข้ามจะเล็ง จะส่ง จะยิง ทุกจังหวะต้องแม่นยำ แต่ถ้ามองไม่ชัดตั้งแต่แรก คุณอาจพลาดสิ่งสำคัญที่อยู่ตรงหน้า  ไม่ว่าจะเป็น: ✅ โอกาสในการยิงประตู ✅ การอ่านเกมในเสี้ยววินาที ✅ การเคลื่อนไหวที่มั่นใจและคล่องตัว   การทำเลสิกช่วยให้คุณกลับมามองเห็นชัด ลดการพึ่งพาแว่นหรือคอนแทคเลนส์ พร้อมเปลี่ยนทุกเกมให้คุณ "คุมสนามได้อยู่หมัด"   📍 Laser Vision ปรึกษาการทำเลสิกสอบถามได้ที่ 02-511-2111   #LASERVISION #SMILEPro #LASIK #smarteyehospital #BangkokEyeHospital #QualityEyeCare #BestVisionBestVersion #NoBlade #เลสิกไร้ใบมีด #LASIKForSport #Sport #Football #กีฬาฟุตบอล  
calling
ဆက်သွယ်ရန် : +66965426179