ทำไมตากระตุกบ่อย? รู้ถึงสาเหตุ พร้อมวิธีรักษาและแนวทางการป้องกัน
อาการตากระตุกคือการหดเกร็งของกล้ามเนื้อตาโดยไม่ตั้งใจ มักเกิดขึ้นชั่วคราวและหายได้เอง แต่หากมีอาการรุนแรงหรือเป็นต่อเนื่อง ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
สาเหตุของตากระตุกมักเกิดจากความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มคาเฟอีนมากเกินไป หรือใช้สายตามากเกินไป
วิธีรักษาและบรรเทาอาการตากระตุก ได้แก่ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด งดการใช้สายตามากเกินไป ประคบอุ่นบริเวณรอบดวงตา และหลีกเลี่ยงคาเฟอีน หากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา เช่น การฉีด Botox รักษาด้วยยา หรือการผ่าตัด
เคยรู้สึกไหมว่าอยู่ดีๆ เปลือกตากระตุกขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ บางครั้งอาจเกิดขึ้นชั่วครู่ แต่บางคนกลับรู้สึกว่าตากระตุกบ่อยจนเริ่มกังวล หนึ่งในคำถามที่หลายคนมักสงสัยคือ “ตากระตุกเกิดจากขาดวิตามินอะไร?” หรือเกี่ยวข้องกับความเครียดและสุขภาพร่างกายหรือไม่ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับสาเหตุของตากระตุก พร้อมแนวทางดูแล รักษา และป้องกันอย่างถูกวิธี
อาการตากระตุกคืออะไร?
ตากระตุก (Eye Twitching) คืออาการที่เปลือกตาขยับหรือสั่นอย่างรวดเร็วโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยหรือบ่อยครั้งจนสร้างความรำคาญได้ อาการนี้สามารถเกิดได้ทั้งที่เปลือกตาบนและล่าง โดยเฉพาะตากระตุกข้างขวาหรือตากระตุกข้างซ้ายก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งหลายคนมักสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับความเชื่อหรือสัญญาณบางอย่างหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากมุมมองทางการแพทย์พบว่า โดยทั่วไปแล้ว ตากระตุกมักไม่รุนแรง ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด และไม่เป็นอันตราย โดยสามารถหายได้เองภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ในบางกรณี อาจมีอาการที่รุนแรงขึ้นและไม่สามารถหายได้เอง จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยหรือดูแลเพิ่มเติม
สาเหตุของอาการตากระตุก
สำหรับคำถามที่ว่าตากระตุกข้างขวาหรือตากระตุกข้างซ้ายเกิดจากอะไร ส่วนใหญ่มักเกิดจากปัจจัยในชีวิตประจำวัน รวมถึงสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้กล้ามเนื้อตาเกร็ง เช่น
ความเครียดและความวิตกกังวลที่สะสมเป็นเวลานาน
การนอนหลับไม่เป็นเวลา หรือนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ
ใช้สายตามากเกินไป เช่น การจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานโดยไม่พักสายตา
ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณมาก
สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป
แสงสว่างจ้า ลม หรือมลพิษทางอากาศ
การขาดวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารบางชนิด เช่น แมกนีเซียม วิตามินบี12 หรือวิตามินดี
การระคายที่เปลือกตาด้านใน หรือโรคภูมิแพ้
โรคตาที่ทำให้เกิดการระคาย เช่น ตาแห้ง ที่อาจทำให้เปลือกตากระตุกหรือเกร็ง
โรคทางระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน หรือผลข้างเคียงจากยารักษาโรคบางชนิด
ตากระตุกบ่อย บ่งบอกถึงอะไรได้บ้าง?
แม้อาการหนังตากระตุกส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่หากเกิดบ่อยหรือรุนแรงขึ้น ควรใส่ใจสังเกต เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคบางอย่าง เช่น
โรคอัมพาตใบหน้า (Bell’s Palsy) มักเป็นชั่วคราวและฟื้นตัวได้ดี
โรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง (Dystonia) และโรคกล้ามเนื้อใบหน้าบิดเกร็ง (Facial Dystonia) ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งผิดปกติแต่ควบคุมได้
โรคคอบิดเกร็ง (Cervical Dystonia) มีผลต่อคอและทำให้เจ็บปวดได้
โรคกล้ามเนื้อช่องปากหรือขากรรไกรบิดเกร็ง (Oromandibular Dystonia) มีผลกระทบต่อการพูดและการเคี้ยว
โรคทูเร็ตต์ (Tourette's Disorder) มีอาการชักกระตุกซ้ำๆ และส่งผลต่อพฤติกรรม
โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) เป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลต่อระบบประสาททั่วร่างกาย มีความรุนแรงสูง
การวินิจฉัยเพื่อตรวจหาความรุนแรงของตากระตุก
จักษุแพทย์หรือประสาทแพทย์จะซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้น หากอาการกระตุกผิดปกติ อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยการตรวจที่มักใช้วิธีตรวจดังนี้
การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อตรวจดูว่ามีหลอดเลือดหรือก้อนเนื้อไปกดทับเส้นประสาทหรือไม่
การตรวจทางไฟฟ้าของกล้ามเนื้อ (Electromyography - EMG) เพื่อวัดกิจกรรมไฟฟ้าของกล้ามเนื้อและระบบประสาท
วิธีรักษาและบรรเทาอาการตากระตุก
แม้อาการตากระตุกมักไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองในหลายกรณี แต่หากเกิดบ่อยหรือมีสัญญาณผิดปกติ การดูแลและรักษาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยแนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการในแต่ละราย ดังนี้
การฉีดโบท็อกซ์
หากมีอาการตากระตุกข้างขวาหลายวันแล้ว อาจเป็นสัญญาณว่ากล้ามเนื้อรอบดวงตากำลังเกิดความผิดปกติ โดยหนึ่งในแนวทางการรักษาที่ได้ผลและได้รับความนิยมมากที่สุดคือการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งได้รับการรับรองทางการแพทย์ในการรักษาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งที่ไม่สามารถควบคุมได้
แพทย์จะฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่กล้ามเนื้อรอบดวงตาที่เกิดอาการกระตุก เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว และยับยั้งสัญญาณประสาทที่ส่งมากระตุ้นให้เกิดการกระตุก ผลลัพธ์คืออาการจะดีขึ้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ชั่วคราวประมาณ 3-6 เดือน หลังจากนั้นอาการอาจกลับมาอีก จึงควรกลับมาพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและรับการรักษาอย่างต่อเนื่องหากจำเป็น
การรักษาด้วยยา
การใช้ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยานอนหลับบางชนิด เช่น ลอราซีแพม (Lorazepam) ไตรเฮกซีเฟนิดิล (Trihexyphenidyl) หรือโคลนาซีแพม (Clonazepam) อาจช่วยบรรเทาอาการตากระตุกได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตามยาเหล่านี้อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเสมอ
รักษาตามปัจจัย
การจัดการกับปัจจัยที่กระตุ้นการเกร็งหรือกระตุกของกล้ามเนื้อเปลือกตาเป็นสิ่งสำคัญเพื่อบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ โดยมีแนวทางดังนี้
การใช้น้ำตาเทียม เนื่องจากอาการกล้ามเนื้อเปลือกตากระตุกอาจเกิดจากตาแห้ง น้ำตาเทียมจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคาย และบรรเทาการกระตุกของกล้ามเนื้อได้
การรักษาเปลือกตาอักเสบ หากอาการเกิดจากการอักเสบ เช่น ภูมิแพ้หรือติดเชื้อ การใช้ยาฆ่าเชื้อหรือยาสเตียรอยด์จะช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการกระตุก
การใช้แว่นตาดำชนิด FL-41 ช่วยกรองแสงจ้า เช่น แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือแสงแดด ทำให้ตารู้สึกสบายขึ้นและลดอาการกระตุกของกล้ามเนื้อเปลือกตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การผ่าตัด
การผ่าตัดรักษาอาการตากระตุกจะพิจารณาในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นหลังจากได้รับการรักษาด้วยโบท็อกซ์หรือวิธีอื่นๆ โดยแพทย์อาจทำการตัดเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อเปลือกตา เพื่อหยุดการกระตุกที่ไม่สามารถควบคุมได้
แนวทางป้องกันตากระตุก
แนวทางหรือวิธีป้องกันตากระตุกสามารถทำได้โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ส่งผลให้กล้ามเนื้อเปลือกตาเกิดการเกร็งหรือกระตุกอย่างไม่ควบคุม ซึ่งช่วยลดโอกาสเกิดอาการและบรรเทาความรำคาญที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้
ลดเวลาใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ
นอนหลับและพักผ่อนให้เพียงพอ
ลดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
หาวิธีผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ หรือฝึกหายใจเพื่อลดความเครียด
นวดกล้ามเนื้อรอบดวงตาเพื่อคลายความตึงเครียด
ประคบร้อนหรืออุ่นบริเวณดวงตาประมาณ 10 นาที
หากตาแห้งหรือระคาย สามารถหยอดน้ำตาเทียมเพื่อบรรเทาอาการได้
สรุป
อาการตากระตุกคือการขยับหรือสั่นของเปลือกตาอย่างไม่ตั้งใจ มักเกิดจากปัจจัยทั่วไป เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือขาดสารอาหาร แต่อาการที่รุนแรงหรือต่อเนื่องอาจบ่งชี้ถึงโรคทางระบบประสาท ควรพบแพทย์เฉพาะทางจักษุหรือประสาทวิทยาเพื่อวินิจฉัยอย่างแม่นยำ โดยที่โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ (Bangkok Eye Hospital) มีบริการตรวจอย่างละเอียด รวมถึงการใช้ MRI และการรักษาด้วยการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดการกระตุกเมื่อจำเป็น เพื่อดูแลและฟื้นฟูอาการได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตากระตุก (FAQ)
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการตากระตุก พร้อมคำตอบจากข้อมูลทางการแพทย์เพื่อช่วยให้เข้าใจและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง
นวดแก้ตากระตุกทำอย่างไร
การนวดกดจุดรอบดวงตา ควรเริ่มจากการใช้นิ้วหัวแม่มือ นวดเบาๆ เป็นวงกลม รอบบริเวณดวงตา โดยเน้นความนุ่มนวลและไม่ออกแรงมากเกินไป เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และคลายความตึงของกล้ามเนื้อรอบดวงตา ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการกดแรงหรือสัมผัสโดยตรงกับดวงตาเพื่อความปลอดภัย
ตาซ้ายกระตุกไม่หยุดเกิดจากอะไร
ตาซ้ายกระตุกไม่หยุด อาจเกิดจากความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ใช้สายตาหนักเกินไป เช่น จ้องหน้าจอเป็นเวลานาน ดื่มคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป ตาแห้งหรือเกิดการระคาย รวมถึงภาวะขาดแมกนีเซียม หากอาการไม่ดีขึ้นหรือกระตุกติดต่อกันนาน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบโรคทางระบบประสาทที่อาจเป็นสาเหตุ เช่น กล้ามเนื้อใบหน้าเกร็งเรื้อรัง
ตากระตุกกี่วันหาย
ตากระตุกทั่วไปมักหายภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 2-3 วัน แต่หากเกิน 1 สัปดาห์ควรพบแพทย์