เลนส์แก้วตาเทียมคืออะไร? ตัวช่วยในการมองเห็นแทนเลนส์ตาธรรมชาติ
เลนส์แก้วตาเทียมคือเลนส์สังเคราะห์ที่ใช้แทนเลนส์ตาธรรมชาติ หลังการผ่าตัดต้อกระจกหรือแก้ปัญหาสายตาที่ผิดปกติ เพื่อช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น
เลนส์แก้วตาเทียมมีกี่แบบ? มีหลายแบบ เช่น เลนส์ชนิดมองระยะเดียว (Monofocal) เลนส์มองได้หลายระยะ (Multifocal) และเลนส์แก้สายตาเอียง (Toric)
หลังผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม การมองเห็นจะค่อยๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน และฟื้นตัวเต็มที่ในประมาณ 1 เดือน อาจพบอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ตาพร่ามัว ตาแห้ง หรือจุดรับภาพบวม ซึ่งมักหายได้เองหรือรักษาได้ด้วยยาหยอดตามคำแนะนำของแพทย์
เลนส์แก้วตาเทียม เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ถูกนำมาใช้ทดแทนเลนส์ตาธรรมชาติที่เสื่อมหรือถูกนำออกระหว่างการผ่าตัด โดยเฉพาะในผู้ป่วยต้อกระจก ซึ่งเป็นภาวะที่เลนส์ตาขุ่นมัว ทำให้การมองเห็นลดลงหรือเบลอ การใส่เลนส์เทียมจะช่วยให้กลับมามองเห็นได้ชัดเจนอีกครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถใช้แก้ไขปัญหาสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียงได้อีกด้วย ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเลนส์แก้วตาเทียมให้มากขึ้น พร้อมคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา
เลนส์แก้วตาเทียม (IOLs) คืออะไร?
เลนส์แก้วตาเทียม (Intraocular Lenses - IOLs) คือเลนส์ชนิดพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ฝังเข้าไปแทนที่เลนส์แก้วตาเดิมที่ขุ่นมัวจากภาวะต้อกระจก โดยเลนส์จะทำหน้าที่ในการรวมแสงให้ตกลงบนจอประสาทตาอย่างแม่นยำ ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้ชัดเจนอีกครั้ง นอกจากนี้เลนส์ชนิดพิเศษบางประเภทยังสามารถแก้ไขปัญหาสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียงไปพร้อมกันได้ด้วย
เลนส์แก้วตาเทียมมีกี่แบบ อะไรบ้าง?
การทำความเข้าใจประเภทของเลนส์แก้วตาเทียมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการมองเห็นและไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน ดังนี้
1. เลนส์แก้วตาเทียมชนิดมองระยะเดียว (Monofocal)
เลนส์แก้วตาเทียมชนิดมองได้ระยะเดียว มีหลักการคือให้การมองเห็นที่คมชัดในระยะใดระยะหนึ่งเท่านั้น โดยส่วนใหญ่มักเลือกให้มองชัดในระยะไกล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการมองไกลเป็นหลัก และไม่กังวลกับการต้องใช้แว่นสายตาสำหรับการมองใกล้หรือระยะกลาง เช่น การอ่านหนังสือหรือใช้คอมพิวเตอร์ จุดเด่นของเลนส์ชนิดนี้คือเป็นเลนส์มาตรฐานที่มีประสิทธิภาพดีและมีราคาที่ย่อมเยา แต่ข้อจำกัดคือผู้ป่วยอาจยังคงต้องใช้แว่นตาในการทำกิจกรรมที่ต้องการการมองเห็นในระยะอื่นๆ
2. เลนส์แก้วตาเทียมชนิดมองหลายระยะ (Multifocal)
เลนส์แก้วตาเทียมชนิดมองเห็นหลายระยะ ออกแบบมาเพื่อให้การมองเห็นคมชัดทั้งระยะใกล้ ระยะกลาง และระยะไกล ลดการพึ่งพาแว่นตาในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แอ็กทิฟ ต้องการอิสระจากการใส่แว่น
จุดเด่นของเลนส์ชนิดนี้คือสามารถมองเห็นได้ชัดในทุกระยะ ช่วยลดความจำเป็นในการใช้แว่นตา แต่ในบางรายอาจรู้สึกถึงแสงฟุ้งหรือแสงรอบดวงไฟ โดยเฉพาะเวลากลางคืน และคุณภาพของภาพอาจน้อยกว่าเลนส์ชนิดมองระยะเดียวเล็กน้อย
โดยเลนส์แก้วตาเทียมชนิดนี้ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทตามระยะโฟกัส ได้แก่
เลนส์แก้วตาเทียมประเภทสองระยะ (Bifocal IOL) เช่น ระยะไกลกับระยะใกล้ หรือระยะไกลกับระยะกลาง ไม่ต้องพึ่งพาแว่นตาตลอดเวลา การเลือกระยะโฟกัสขึ้นอยู่กับการใช้งานสายตาของแต่ละคน เช่น ขับรถ ใช้คอมพิวเตอร์ หรืออ่านหนังสือ
เลนส์แก้วตาเทียมประเภทสามระยะ (Trifocal IOL) คือเลนส์ที่ช่วยให้เห็นได้ในทุกระยะ ทั้งใกล้ กลาง ไกล แม้แต่ละระยะอาจไม่คมชัดที่สุด แต่สามารถมองเห็นชัดเพียงพอโดยไม่ต้องพึ่งแว่นตา การแบ่งแสงแต่ละระยะตามการใช้งานของผู้ป่วย ให้ตอบโจทย์การมองเห็นในชีวิตประจำวัน
เลนส์แก้วตาเทียมประเภทโฟกัสยืดยาว (Extended depth of focus - EDOF) เป็นเลนส์ที่มีระยะโฟกัสเดียวแต่ขยายช่วงการมองเห็นให้กว้างขึ้น ทำให้มองเห็นได้ชัดทั้งระยะไกลและกลาง โดยไม่ต้องแบ่งแสง จึงลดปัญหาภาพไม่ชัดในช่วงรอยต่อ
3. เลนส์แก้วตาเทียมแก้ไขสายตาเอียง (Toric IOLs)
เลนส์แก้วตาเทียมชนิด Toric ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาสายตาเอียงโดยเฉพาะ จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีต้อกระจกและมีสายตาเอียงร่วมด้วย อย่างไรก็ตามเลนส์ชนิดนี้ต้องมีการคำนวณและวัดค่าที่แม่นยำสูง และสามารถเลือกให้เป็นเลนส์ชนิดโฟกัสเดียว (Monofocal) หรือหลายระยะ (Multifocal) เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้ป่วยแต่ละคน
คู่มือการเตรียมตัวก่อนใส่เลนส์แก้วตาเทียม
การเตรียมตัวทั้งร่างกายและจิตใจก่อนผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม ช่วยให้ผลลัพธ์ดีและลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน คู่มือนี้จึงจัดทำขึ้นเพื่อให้คุณพร้อมและมั่นใจก่อนเข้ารับการรักษา ดังนี้
พบแพทย์เพื่อตรวจโรคทางตา และโรคที่อาจเพิ่มความเสี่ยงระหว่างหรือหลังการผ่าตัด
วัดความโค้งของกระจกตาและความยาวลูกตา เพื่อใช้ในการคำนวณกำลังขยายของเลนส์แก้วตาเทียมให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
พูดคุยและเลือกชนิดของเลนส์แก้วตาเทียม พร้อมนัดวันเวลาสำหรับการผ่าตัด
แพทย์จะให้ทดลองนอนหงายนิ่งประมาณ 30 นาที โดยใช้ผ้าคลุมหน้า เพื่อประเมินระดับความเครียดและความสามารถในการอยู่นิ่งขณะผ่าตัด หากไม่สามารถนอนนิ่งได้ อาจพิจารณาใช้ยาสลบ
หากใส่คอนแท็กต์เลนส์ ควรถอดก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 3-7 วัน เพื่อให้ค่าสายตาแม่นยำที่สุดในการตรวจวัดก่อนผ่าตัด
สวมเสื้อที่มีคอกว้างหรือเสื้อผ่าหน้า เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนชุด
สระผมและล้างหน้ามาจากบ้าน หลีกเลี่ยงการทาครีม แป้ง หรือแต่งหน้าก่อนผ่าตัด
หากไม่ใช้ยาสลบ หรือมียาที่แพทย์สั่งให้หยุดใช้ก่อนผ่าตัด สามารถทานอาหารและยาประจำตามปกติ
ควรมีผู้ดูแลมารับและส่ง พร้อมช่วยดูแลหลังผ่าตัด
เตรียมแว่นกันแดดมาใส่หลังการผ่าตัดเพื่อปกป้องดวงตา
งดทาเล็บ และถอดเครื่องประดับ ฟันปลอม หรือของมีค่าออกก่อนเข้ารับการผ่าตัด
ขั้นตอนการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม
แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่แบบหยอดหรือฉีดที่ดวงตา เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด และอาจใช้ยาสลบร่วมในกรณีที่จำเป็น
เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะผ่าเปิดแผลขนาดประมาณ 3 มิลลิเมตร ที่บริเวณรอยต่อระหว่างกระจกตาส่วนดำและตาขาว
สอดเครื่องมือขนาดเล็กเข้าไปที่แผล เครื่องมือจะปล่อยคลื่นอัลตราซาวนด์เพื่อสลายต้อในกรณีต้อแข็ง
ใช้เครื่องมือดูดเอาเลนส์ตาธรรมชาติออกจากถุงหุ้มเลนส์ โดยยังคงเก็บถุงหุ้มเลนส์ไว้
แพทย์พับเลนส์แก้วตาเทียมใส่ในเครื่องมือขนาดเล็ก แล้วสอดเข้าไปทางแผลเดิม เลนส์จะกางออกภายในถุงหุ้มเลนส์
อาจใช้เครื่องมือขนาดเล็กช่วยปรับเลนส์ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
ไม่จำเป็นต้องเย็บแผลหลังผ่าตัด เนื่องจากแผลมีขนาดเล็กมากและปิดได้เองตามธรรมชาติ
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม
การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ช่วยให้ฟื้นตัวเร็วและลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน ในส่วนนี้จะมาแนะนำวิธีปฏิบัติง่ายๆ ที่ควรทำตามหลังผ่าตัด
แพทย์จะจ่ายยาทานและยาหยอดตามคำสั่ง ควรใช้ยาอย่างเคร่งครัด
หลังผ่าตัดวันแรก หลีกเลี่ยงการใช้สายตาหนัก พักผ่อนมากๆ และนอนหมอนสูง ห้ามนอนตะแคง ด้านที่เพิ่งผ่าตัด
ทำความสะอาดรอบดวงตาทุกวันด้วยน้ำเกลือและสำลีปลอดเชื้อ
ห้ามขยี้ตา หรือสัมผัสดวงตาโดยไม่จำเป็น
ระวังไม่ให้น้ำหรือฝุ่นละออง เข้าตาเด็ดขาด
ใส่แว่นกันแดดในตอนกลางวัน และใส่ที่ครอบตา ในตอนกลางคืนเป็นเวลา 1 เดือน
หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำในเดือนแรก ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้า และควรสระผมที่ร้านหรือให้ผู้ดูแลสระ
ระวังไม่ให้ไอ จาม หรือเบ่งแรงๆ
งดออกกำลังกายหรือออกแรงมากๆ รวมถึงงดก้มหัวต่ำกว่าเอวใน 1 เดือนแรก
ใช้สายตาตามปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่หากมีอาการปวดตา ปวดหัว หรือแสบตา ควรพักสายตา
หากมีอาการบวม แดง ขี้ตามาก ปวดตา มองเห็นไม่ชัด ภาพเบี้ยว หรือภาพซ้อน ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที
การฟื้นตัวและผลข้างเคียงหลังผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม
วันแรกหลังผ่าตัด อาจมีอาการตาพร่ามัวเล็กน้อยหรือรู้สึกไม่สบายตา แพทย์จะให้ยาหยอดตาและที่ครอบตาเพื่อป้องกันในสัปดาห์แรกการมองเห็นจะเริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจน ควรงดออกกำลังกายหนัก ยกของหนัก และหลีกเลี่ยงการให้น้ำเข้าตาหลังครบ 1 เดือน การมองเห็นจะคงที่และคมชัดเต็มที่ ดวงตาจะฟื้นตัวสมบูรณ์
อาการข้างเคียงที่พบบ่อยคือจุดรับภาพบวม มักเกิดหลังผ่าตัด 1-2 สัปดาห์ ร่วมกับการอักเสบที่ดวงตา ผู้ป่วยอาจเห็นภาพมัวหรือเบี้ยว หากมีอาการดังกล่าวควรแจ้งแพทย์ อาการนี้ไม่รุนแรงและมักหายได้เองภายใน 6 เดือน หลังผ่านไปหลายปี อาจเกิดภาวะถุงหุ้มเลนส์ขุ่น ทำให้ภาพขุ่นมัวและเบลอ แพทย์จะรักษาด้วยการยิงเลเซอร์และหยอดยา ซึ่งช่วยให้มองเห็นกลับปกติภายใน 1-2 วัน นอกจากนี้อาจพบภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น การติดเชื้อ เลนส์เคลื่อน ความดันลูกตาสูง หรือจอประสาทตาเสื่อม แต่พบได้ไม่บ่อย
บริการเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม ราคากี่บาท?
การผ่าตัดต้อกระจกร่วมกับการใส่เลนส์แก้วตาเทียมมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 59,000 บาท ขึ้นไป ซึ่งทีมจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการที่โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ (Bangkok Eye Hospital) พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเลือกชนิดของเลนส์แก้วตาเทียมที่เหมาะสมกับสายตาและไลฟ์สไตล์ เพื่อผลลัพธ์การมองเห็นที่ดีที่สุดและปลอดภัยในระยะยาว
สำหรับคำถามว่าเลนส์แก้วตาเทียม เบิกได้ไหม? โดยทั่วไปแล้ว การผ่าตัดต้อกระจกส่วนใหญ่มักจะครอบคลุมในสิทธิประกันสุขภาพ แต่สำหรับเลนส์แก้วตาเทียมชนิดพิเศษ เช่น Multifocal หรือ Toric อาจมีค่าใช้จ่ายส่วนต่าง ซึ่งการเบิกได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละกรมธรรม์ กรุณาตรวจสอบรายละเอียดกับบริษัทประกันของคุณโดยตรงเพื่อความชัดเจน
สรุป
เลนส์แก้วตาเทียมคือเลนส์ที่ใช้ทดแทนเลนส์ธรรมชาติที่เสื่อมสภาพจากภาวะต้อกระจกหรือปัญหาสายตาต่างๆ โดยช่วยให้การมองเห็นกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ปัจจุบันมีหลายประเภทให้เลือก เช่น เลนส์แก้วตาเทียมชนิดมองระยะเดียว ชนิดมองหลายระยะ และชนิดแก้สายตาเอียง ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีแตกต่างกัน การเตรียมตัวก่อนและดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วและลดภาวะแทรกซ้อน
หากคุณกำลังมองหาบริการเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมโดยแพทย์เฉพาะทาง โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ (Bangkok Eye Hospital) พร้อมให้บริการด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและทีมจักษุแพทย์มากประสบการณ์ เพื่อให้คุณกลับมามองเห็นได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลนส์แก้วตาเทียม (FAQ)
หลายคนอาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนการผ่าตัด ประเภทของเลนส์แก้วตาเทียม ไปจนถึงการดูแลหลังผ่าตัด ในส่วนนี้เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำตอบแบบเข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
เลนส์แก้วตาเทียมมีอายุการใช้งานกี่ปี
เลนส์แก้วตาเทียมมีอายุการใช้งานถาวร ไม่เสื่อมสภาพตามเวลา และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ตลอดชีวิต
หลังผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาเทียม ดูทีวีได้ไหม
หลังผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาเทียม สามารถดูทีวีได้ แต่ควรดูในระยะเวลาสั้นๆ และพักสายตาเป็นระยะเพื่อไม่ให้ดวงตาเหนื่อยล้าเกินไป
เป็นต้อกระจกและสายตาเอียง ใส่เลนส์แก้วตาเทียมได้ไหม
สามารถใส่ได้ โดยแพทย์จะแนะนำให้ใช้เลนส์แก้วตาเทียมชนิด Toric ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขทั้งต้อกระจกและสายตาเอียงได้พร้อมกัน ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นตาสำหรับแก้ไขสายตาเอียงอีกต่อไป