มุมสุขภาพตา : #หนังตาตก

เรียงตาม

กระจกตาบางเกิดจากอะไร? อาการ ผลกระทบต่อสายตาและวิธีรักษา

กระจกตาบางคือภาวะที่กระจกตาซึ่งเป็นชั้นโปร่งใสด้านหน้าตาของดวงตามีความหนาน้อยกว่าปกติ ส่งผลต่อการมองเห็นและสุขภาพตา กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมตามวัย การขยี้ตาบ่อยๆ โรคทางพันธุกรรม หรือผลข้างเคียงจากการผ่าตัดตา เช่น เลสิก อาการของกระจกตาบางที่สังเกตได้ เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย มองเห็นภาพบิดเบี้ยว และสายตาเอียงสูงผิดปกติ กระจกตาบางคือภาวะที่ความหนาของกระจกตาลดลงกว่าปกติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการโฟกัสแสงเข้าสู่ดวงตา ทำให้การมองเห็นมีความคมชัด หากกระจกตาบางเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสายตา เช่น สายตาผิดปกติ หรือมีผลกระทบต่อการรักษาดวงตาด้วยวิธีต่างๆ เช่น เลสิก การเข้าใจสาเหตุ อาการ และการดูแลกระจกตาบางอย่างถูกต้อง จึงช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและดูแลสุขภาพตาได้ดีขึ้น       กระจกตาคืออะไร? สิ่งสำคัญต่อการมองเห็น กระจกตา (Cornea) คือชั้นโปร่งใสและโค้งอยู่ด้านหน้าสุดของดวงตา ครอบคลุมตาดำ มีหน้าที่ช่วยหักเหแสงให้เข้าสู่ดวงตา ทำให้เรามองเห็นชัดเจน และยังเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคโดยตรง โดยปกติความหนาของกระจกตาจะอยู่ที่ประมาณ 520-550 ไมครอน และสามารถบางลงได้ตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย       รู้จักกับกระจกตาบาง กระจกตาบางคือลักษณะของกระจกตาที่มีความหนาน้อยกว่า 500 ไมครอน (0.5 มิลลิเมตร) โดยทั่วไปไม่ถือเป็นโรคและไม่ต้องรักษา แต่กระจกตาบางจะส่งผลต่อการวินิจฉัยโรคบางอย่าง เช่น ต้อหิน เพราะทำให้วัดความดันตาต่ำกว่าความจริง รวมถึงส่งผลต่อการเลือกวิธีแก้ไขสายตา เช่น หากผู้ป่วยต้องการทำ LASIK และ มีระดับค่าสายตาที่มีผิดปกติสูง เช่น สั้น หรือ เอียงมาก โดยมีความหนาของกระจกตาน้อย เมื่อเปรียบเทียบกันกับเนื้อกระจกตาที่ต้องใช้ผ่าตัด หลังจากได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เเพทย์ประเมินแล้วอาจจะไม่สามารถแก้ไขค่าสายตาได้หมด หรืออาจทำให้ กระจกตาเสี่ยงเป็นโรคกระจกตาอื่นๆหลังการแก้ไข เเพทย์อาจประเมินให้ผู้ป่วยทำการรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น PRK ICL FemtoLASIK ReLEx SMILE Pro หรือ NanoLASIK  แทนการทำ LASIK แบบทั่วๆไป ซึ่งเป็นการเเก้ไขที่ใช้หรือรบกวนความหนาของกระจกตาน้อยกว่าเพราะฉะนั้น ก่อนทำเลสิกจึงต้องสังเกตและตรวจประเมินความหนาของกระจกตาอย่างละเอียด เพราะหากบางเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะสายตาเอียงผิดปกติ หรือกระจกตาย้วย ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นได้ นอกจากนี้หลายคนยังสงสัยว่า “ใส่คอนแท็กต์เลนส์ ทำให้กระจกตาบางจริงไหม?” คำตอบคือ โดยทั่วไปการใส่คอนแท็กต์เลนส์อย่างถูกวิธี ไม่ได้ทำให้กระจกตาบางลง แต่หากใส่นานเกินไป ไม่ถอดล้างหรือดูแลอย่างถูกต้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเกิดภาวะขาดออกซิเจนที่กระจกตา ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อบางลงได้เช่นกัน       กระจกตาบางเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง? กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้สามารถป้องกันและดูแลสุขภาพตาได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย มีดังนี้   โรคทางพันธุกรรม แม้ว่าภาวะกระจกตาบางมักเกิดจากพฤติกรรมบางอย่าง แต่ในบางกรณี ความผิดปกตินี้อาจมีสาเหตุจากโรคพันธุกรรมที่ถ่ายทอดภายในครอบครัว หนึ่งในโรคที่พบบ่อย คือ กระจกตาย้วย (Keratoconus) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะกระจกตาบาง กระจกตาจะบางลงและโป่งยื่นออกมาคล้ายรูปกรวย ทำให้สายตาเอียงผิดปกติ และการมองเห็นแย่ลงเรื้อรัง มักเริ่มแสดงอาการในช่วงวัยรุ่นถึงอายุ 30 ปี โรคกระจกตาบางจากพันธุกรรมอื่นๆ (Corneal Dystrophies) เช่น Pellucid Marginal Degeneration (PMD) ซึ่งกระจกตาจะบางลงบริเวณขอบด้านล่าง   การบาดเจ็บหรือการผ่าตัดตา การผ่าตัดแก้ไขสายตาบางประเภท เช่น การทำเลสิก (LASIK) หรือ PRK อาจส่งผลให้กระจกตาบางลงได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการเลเซอร์เนื้อกระจกตา ออกไปมากเกินความจำเป็น ทำให้ความหนาของกระจกตาที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาย้วยในอนาคต นอกจากนี้การบาดเจ็บที่กระจกตาซ้ำๆ รวมถึงการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น แผลที่กระจกตาหรือกระจกตาอักเสบ ก็สามารถทำลายเนื้อเยื่อกระจกตาและทำให้เกิดการบางลงได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที   โรคอื่นๆ หรือการใช้ยา โรคทางภูมิคุ้มกันบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคเอสแอลอี (SLE) อาจส่งผลกระทบต่อกระจกตา ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวะกระจกตาบางได้ในระยะยาว เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเนื้อเยื่อของตาเอง ในขณะเดียวกัน การใช้ยาหยอดตาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลข้างเคียงต่อโครงสร้างของกระจกตา ทำให้เนื้อเยื่อกระจกตาอ่อนแอและบางลงได้เช่นกัน       อาการของภาวะกระจกตาบาง ภาวะกระจกตาบางมักพัฒนาอย่างช้าๆ จนอาจไม่สังเกตเห็นได้ในระยะแรก การเรียนรู้ที่จะสังเกตอาการเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยอาการที่อาจพบมีดังนี้ การมองเห็นพร่ามัวหรือไม่ชัดเจน ค่าสายตาเปลี่ยนแปลงบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ มีค่าสายตาเอียงสูงกว่าปกติ มองเห็นภาพบิดเบี้ยว หรือมีลักษณะผิดรูปจากความจริง       วิธีการตรวจและวินิจฉัยกระจกตาบาง โดยปกติแล้วภาวะกระจกตาบางมักถูกตรวจพบในขั้นตอนการประเมินสายตาก่อนทำเลสิก ซึ่งแพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Keratometerตรวจวัดความโค้งของกระจกตาและค่าสายตาเอียง โดยการสะท้อนแสงบนกระจกตาเพื่อตรวจหารูปร่างและความโค้งที่ผิดปกติ ซึ่งความโค้งที่ผิดปกตินี้ อาจสัมพันธ์กับความบางของกระจกตา นอกจากนั้นยังมีการตรวจ Corneal Tophography หรือแผนภูมิดวงตาเพื่อประเมินค่าความหนาบางและความผิดปกติของกระจกตาอื่นๆด้วย โดยอาจจะมีการวัด Tomographic Biomechanical Index หรือ ค่าความเเข็งเเรงของกระจกตา เสริมเพื่อตรวจความเสี่ยงของโรค Corneal Ectasia หรือโรคกระจกตาโป้งอีกด้วย แม้ว่าจะสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ เช่น มองเห็นไม่ชัดหรือค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย แต่การวินิจฉัยว่ามีกระจกตาบางจริงหรือไม่นั้น ต้องอาศัยการตรวจโดยจักษุแพทย์เท่านั้น เพราะการสังเกตอาการด้วยตนเองเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น ไม่สามารถยืนยันผลได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าตนเองมีกระจกตาบาง ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการดูแลและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น   สรุป กระจกตาบางเป็นภาวะที่หลายคนไม่รู้ตัว แต่สามารถส่งผลกระทบต่อการมองเห็น เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย หรือภาพบิดเบี้ยว ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรม โรคภูมิคุ้มกัน การผ่าตัดแก้ไขสายตา หรือการใช้ยาบางชนิด การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่วางแผนทำเลสิก ควรเข้ารับการตรวจวัดความหนาและความโค้งของกระจกตาอย่างละเอียดที่ Bangkok Eye Hospital ด้วยเครื่องมือทันสมัยและแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพดวงตาได้อย่างมั่นใจ   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระจกตาบาง (FAQ) หลายคนที่เพิ่งเคยได้ยินเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบางอาจมีข้อสงสัยมากมาย เพื่อช่วยให้เข้าใจมากขึ้น เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบาง พร้อมคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันในบทความนี้   ทำอย่างไรให้กระจกตาหนาขึ้น ความหนาของกระจกตาไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติที่เกิดจากโครงสร้างภายในชั้นกระจกตาเอง   ถ้าปล่อยให้กระจกตาบางแล้วไม่รักษา จะเป็นอย่างไร? สายตาพร่ามัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถแก้ไขด้วยแว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์ปกติได้ กระจกตาโป่งยื่นออกมามากผิดปกติ ทำให้การมองเห็นแย่ลงอย่างถาวร ในบางกรณีรุนแรงมาก อาจเกิดภาวะกระจกตาบวมน้ำฉับพลัน (Acute Hydrops) หรือกระจกตาทะลุ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินและอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา   สามารถป้องกันภาวะกระจกตาบางได้ไหม หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ เพราะการขยี้ตาเป็นประจำและรุนแรงสามารถทำให้กระจกตาบางลงและเป็นตัวกระตุ้นให้โรคกระจกตาย้วยแย่ลง ดูแลสุขภาพตาโดยรวม เช่น ไม่ใช้คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป และรักษาความสะอาดของดวงตา พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกี่ยวกับกระจกตา เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและเริ่มการรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะให้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีกว่า  
อ่านเพิ่มเติม

หนังตาตก (Ptosis) ทำให้ดูแก่ก่อนวัยจริงหรือ วิธีเช็กและแก้ไขที่ไม่ควรมองข้าม

หนังตาตก คือภาวะหนังตาบนหย่อนคล้อยหรือตกลงมาต่ำกว่าระดับปกติ อาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นและการใช้ชีวิตประจำวัน อาจเกิดขึ้นข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ และอาจเกิดได้ตั้งแต่แรกเกิด หรือเป็นเมื่ออายุมาก หนังตาตกอาจเกิดจากอายุที่มากขึ้น กล้ามเนื้อยกเปลือกตาไม่สมบูรณ์ตั้งแต่กำเนิด การบาดเจ็บ หรือโรคทางระบบประสาท เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการของหนังตาตก ได้แก่ ลืมตาได้ไม่เต็มที่ต้องใช้มือช่วยจับเปลือกตา เปลือกตาตกลงมาจนบดบังการมองเห็น ตาปรือคล้ายง่วงนอน เปลือกตาตกไม่เท่ากันในบางช่วง และอาจมีอาการกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงร่วมด้วย วิธีแก้หนังตาหย่อนสามารถทำได้ทั้งการใช้ยาตามอาการภายใต้การดูแลของแพทย์ การแก้โดยไม่ผ่าตัด และการผ่าตัดแก้ไขเปลือกตา ทั้งนี้ราคาจะขึ้นอยู่กับปัญหาหนังตาตกมากน้อยแค่ไหนและเทคนิคของแพทย์   หนังตาตกเป็นปัญหาที่ใครหลายคนอาจมองว่าเป็นแค่เรื่องความงาม แต่จริงๆ แล้วอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพสายตา ภาพลักษณ์ เมื่ออายุมากขึ้น ปัญหาหนังตาหย่อนหรือตาตกจึงเกิดขึ้นได้ง่าย และทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า แก่กว่าวัยได้ ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับปัญหาหนังตาตกตั้งแต่สาเหตุ อาการ ไปจนถึงวิธีรักษา แก้ไขหนังตาตกด้วยแนวทางที่เหมาะสมมาฝากกัน ทำความรู้จักกับปัญหาหนังตาตก ภาวะหนังตาตก (Ptosis) คือภาวะหนังตาบนหย่อนคล้อยหรือตกลงมาต่ำกว่าระดับปกติ เนื่องจากความยืดหย่อนของเนื้อเยื่อหนังตา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็น โดยสามารถเกิดได้ทั้งข้างเดียวหรือสองข้าง บางรายอาจเกิดภาวะนี้ได้ตั้งแต่แรกเกิด ขณะที่บางคนอาจเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นหรืออาจเป็นอาการแทรกซ้อนจากโรคอื่นๆ      การแบ่งประเภทของอาการหนังตาตก หนังตาตกสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักตามลักษณะสาเหตุ โดยแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกัน ดังนี้ ผิวหนังที่เปลือกตาหย่อน (Dermatochalasis) ภาวะนี้เกิดจากผิวหนังบริเวณเปลือกตาหรือหน้าผากหย่อนลงมาปิดดวงตา แม้ขอบเปลือกตายังอยู่ในตำแหน่งปกติ มักพบในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่เผชิญแสงแดดบ่อย ขยี้ตาเป็นประจำ หรือมีการอักเสบรอบดวงตา อาการที่พบบ่อยคือ ชั้นตาเล็กลง ลืมตายาก รู้สึกหนักเปลือกตา แต่สามารถลืมตาได้ปกติเมื่อใช้มือยกผิวหนังขึ้น ภาวะเปลือกตาตก (Ptosis) เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อยกเปลือกตาบนมีความหย่อน ยืดตัวมากเกินไป หรือหลุดจากจุดยึดเกาะ บางรายเกิดจากอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทำให้เปลือกตาตกลงมาบังตาดำและลานสายตา ส่งผลต่อการมองเห็น อาจเกิดข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง พบได้ตั้งแต่แรกเกิดหรือเกิดเมื่ออายุมากขึ้น หรืออาจเป็นผลข้างเคียงจากโรคอื่นๆ     สาเหตุของหนังตาตก หนังตาตกมีสาเหตุจากหลายปัจจัยด้วยกัน และสามารถแบ่งได้เป็นดังนี้ หนังตาตกตั้งแต่กำเนิด จากภาวะที่กล้ามเนื้อยกเปลือกตาทำงานผิดปกติหรือพัฒนาไม่สมบูรณ์ตั้งแต่แรกเกิด ทำให้เด็กมีปัญหาลืมตาไม่เต็มที่ ตาสองข้างไม่เท่ากัน หรือเปิดเปลือกตามองไม่ชัด เมื่อหนังตาปิดบังการมองเห็น อาจนำไปสู่โรคตาขี้เกียจ (Amblyopia) โดยภาวะนี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ หนังตาตกเมื่ออายุมากขึ้น เกิดจากกล้ามเนื้อยกเปลือกตายืดตัว หย่อนคล้อย หรือหลุดจากจุดยึดเกาะ เนื่องจากการใช้งานเป็นเวลานาน หรือจากพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การถอดใส่คอนแทคเลนส์ หรือขยี้ตาบ่อยๆ สังเกตได้จากดวงตาดำที่ดูเล็กลงเพราะเปลือกตาตกลงมาบัง ในรายที่อาการรุนแรงอาจส่งผลต่อการมองเห็นในชีวิตประจำวัน หนังตาตกจากสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท ก้อนเนื้อในดวงตา การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อยกเปลือกตาจากอุบัติเหตุหรือเปลือกตาฉีกขาด ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดตาหรือทำศัลยกรรมรอบดวงตา หรือโรคทางระบบประสาท เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ที่ทำให้กล้ามเนื้อเปลือกตาอ่อนแรงจนเกิดเปลือกตาตก     อาการที่บ่งชี้ถึงหนังตาตก หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย และสามารถส่องอาการได้ด้วยตนเองที่หน้ากระจก โดยอาการมีดังนี้ เปลือกตาบนตกลงมาต่ำกว่าปกติ ส่งผลให้การมองเห็นลดลง หรือเกือบปิดสนิท รู้สึกแสบตา เคืองตา หรือรู้สึกหนักบริเวณเปลือกตา ลืมตาได้ไม่เต็มที่ ทำให้เห็นส่วนของตาดำ หรือม่านตาน้อยลง ลืมตาลำบาก ต้องเงยหน้าขึ้นหรือใช้มือยกเปลือกตาขึ้น เพื่อช่วยให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น มีอาการตาปรือ คล้ายนคนง่วงนอนตลอดเวลา อาจมีอาการแขนขาอ่อนแรงร่วมด้วย หนังตาตกไม่เท่ากันในแต่ละช่วงเวลา เช่น ช่วงเย็นหรือเมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนน้อย หนังตาก็ตกมากขึ้นได้     วิธีแก้ปัญหาหนังตาตกทำอย่างไร? หนังตาตกสามารถรักษา แก้ปัญหาให้หนังตาให้กลับมาดูดี โดยมีวิธีการรักษาดังนี้ การใช้ยาตามอาการ เหมาะสำหรับกรณีที่มีอาการไม่รุนแรงหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด การผ่าตัดแก้ไข ใช้วิธีดึงกล้ามเนื้อเปลือกตาขึ้นหรือปรับความตึงของกล้ามเนื้อ เพื่อให้ผู้ป่วยลืมตาได้เต็มที่ มองเห็นชัดเจนใกล้เคียงปกติ หลังผ่าตัดสามารถกลับบ้านได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล และการแก้ไขหนังตาตกในผู้สูงอายุด้วยการผ่าตัดศัลยกรรมราคาอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป โดยราคาจะขึ้นอยู่กับปัญหารายบุคคลและเทคนิคของแพทย์ แบ่งเป็น 3 วิธีหลัก ดังนี้ ผ่าตัดกล้ามเนื้อ Levator ปรับความตึงของกล้ามเนื้อหลักที่ควบคุมการลืมตา เหมาะกับผู้ที่มีกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง Frontalis Sling ใช้เส้นสังเคราะห์หรือเนื้อเยื่อตัวเองทำเป็นสลิงเชื่อมระหว่างเปลือกตากับกล้ามเนื้อหน้าผาก ช่วยผู้ที่มีกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมาก MMCR (Müller's Muscle Conjunctival Resection) ตัดส่วนกล้ามเนื้อ Müller และเยื่อบุตาเพื่อยกเปลือกตาแบบไม่รุกล้ำ เหมาะกับอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง การแก้โดยไม่ผ่าตัด เป็นทางเลือกในการแก้หนังตาตกที่สามารถทำได้หลายวิธีโดยไม่ต้องผ่าตัด และมีราคาที่หลากหลาย ได้แก่ การฉีดสารคลายกล้ามเนื้อเพื่อช่วยยกคิ้วและหางตาเล็กน้อย วิธีนี้เหมาะสำหรับกรณีหนังตาไม่หย่อนคล้อยมากและจำเป็นต้องทำทุก 4-6 เดือน  อีกวิธีคือการใช้เทคโนโลยียกกระชับด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (New Ulthera SPT) ช่วยยกกระชับผิวรอบดวงตา กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้หางตาดูยกขึ้นเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัทธ์เป็นธรรมชาติ แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีคิ้วตกหรือหนังตาตกมาก ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับการแก้หนังตาตกโดยไม่ต้องผ่าตัด ราคาจะขึ้นอยู่กับปัญหา โปรแกรมที่เลือกและเทคนิคของแพทย์     แก้หนังตาตก ที่ศูนย์ศัลยกรรมจักษุตกแต่งและเสริมสร้าง Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร หากสนใจแก้หนังตาหย่อนคล้อย สามารถเข้ามาปรึกษาและรักษาอาการตั้งแต่ระยะเริ่มต้นได้ที่ศูนย์ศัลยกรรมจักษุตกแต่งและเสริมสร้าง Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ที่โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับเปลือกตา ท่อน้ำตา และโครงสร้างใบหน้ารอบดวงตาด้วยจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการ โดยมีจุดเด่นดังนี้   มีจักษุแพทย์ชำนาญการและมากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาครอบคลุมถึงความงาม  เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาที่ทันสมัย และเครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างปลอดภัยและแม่นยำ พร้อมให้การรักษา ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นมิตร  สรุป ภาวะหนังตาตกเป็นภาวะที่เปลือกตาบนหย่อนคล้อยต่ำกว่าปกติ ส่งผลต่อการมองเห็นและรูปลักษณ์ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามอาการและสาเหตุการเกิด ได้แก่ ผิวหนังที่เปลือกตาหย่อน และเปลือกตาตก สาเหตุของภาวะหนังตาหย่อนมาจากหลายปัจจัย ทั้งเป็นตั้งแต่กำเนิด อายุมากขึ้น และสาเหตุอื่นๆ เช่น กล้ามเนื้อเปลือกตาอ่อนแรง หรืออาการทางระบบประสาท โดยอาการหนังตาหย่อนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการลืมตาได้ไม่เต็ม การมองเห็นลดลง ตาปรือคล้ายคนง่วงนอนตลอดเวลา ฯลฯ ส่วนวิธีแก้หนังตาตกมีทั้งการใช้ยาตามอาการ การแก้หนังตาตกแบบไม่ผ่าตัดในกรณีหนังตาตกไม่มาก และการผ่าตัดแก้หนังตาตกในกรณีที่เป็นมาก   แนะนำ Bangkok Eye Hospital โรงพยาบาลเฉพาะทางเกี่ยวกับดวงตา พร้อมให้คำปรึกษา ดูแล และแก้หนังตาหย่อน ด้วยเทคโนโลยีเครื่องมือที่ทันสมัยจากจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการ ช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัย และได้ดวงตาที่สวยงาม อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  เข้าใจตาขี้เกียจในเด็ก ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงและวิธีป้องกันตั้งแต่แรกเริ่ม รู้เท่าทันโรคตาขี้เกียจ! วิธีสังเกตอาการ พร้อมหาสาเหตุและวิธีรักษา กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ปัญหาที่ส่งผลมากกว่าความงาม รักษาได้อย่างไร?   FAQ – คำถามที่พบบ่อย   หนังตาตกสามารถหายเองได้หรือไม่? ไม่สามารถหายได้เอง เนื่องจากสาเหตุหลักมาจากโครงสร้างผิวหนังหย่อนคล้อย หรือกล้ามเนื้อยกเปลือกตาอ่อนแรง ซึ่งต้องรักษาด้วยการผ่าตัดแก้ไขเท่านั้นในกรณีที่เป็นหนัก  หนังตาตกแก้ไขอย่างไรได้บ้าง? หากอาการหนังตาตกยังเป็นไม่มากสามารถแก้ได้ด้วยการรับประทานยาตามอาการ ภายใต้การดูแลของแพทย์ หรือแก้หนังตาตกโดยไม่ผ่าตัดก็ได้เช่นกัน ส่วนในกรณีที่รุนแรงหรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถแก้ได้ด้วยการผ่าตัด เพื่อแก้ไขให้สามารถลืมตาได้เต็มที่ แก้ไขหนังตาตกราคาเท่าไร? ค่าใช้จ่ายในการแก้หนังตาตกจะขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาหนังตาของแต่ละบุคคล วิธีการรักษาแบบผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัด ความชำนาญและเทคนิคของแพทย์
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111