มุมสุขภาพตา : #คอนเเทคเลนส์

เรียงตาม

กระจกตาบางเกิดจากอะไร? อาการ ผลกระทบต่อสายตาและวิธีรักษา

กระจกตาบางคือภาวะที่กระจกตาซึ่งเป็นชั้นโปร่งใสด้านหน้าตาของดวงตามีความหนาน้อยกว่าปกติ ส่งผลต่อการมองเห็นและสุขภาพตา กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมตามวัย การขยี้ตาบ่อยๆ โรคทางพันธุกรรม หรือผลข้างเคียงจากการผ่าตัดตา เช่น เลสิก อาการของกระจกตาบางที่สังเกตได้ เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย มองเห็นภาพบิดเบี้ยว และสายตาเอียงสูงผิดปกติ กระจกตาบางคือภาวะที่ความหนาของกระจกตาลดลงกว่าปกติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการโฟกัสแสงเข้าสู่ดวงตา ทำให้การมองเห็นมีความคมชัด หากกระจกตาบางเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสายตา เช่น สายตาผิดปกติ หรือมีผลกระทบต่อการรักษาดวงตาด้วยวิธีต่างๆ เช่น เลสิก การเข้าใจสาเหตุ อาการ และการดูแลกระจกตาบางอย่างถูกต้อง จึงช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและดูแลสุขภาพตาได้ดีขึ้น       กระจกตาคืออะไร? สิ่งสำคัญต่อการมองเห็น กระจกตา (Cornea) คือชั้นโปร่งใสและโค้งอยู่ด้านหน้าสุดของดวงตา ครอบคลุมตาดำ มีหน้าที่ช่วยหักเหแสงให้เข้าสู่ดวงตา ทำให้เรามองเห็นชัดเจน และยังเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคโดยตรง โดยปกติความหนาของกระจกตาจะอยู่ที่ประมาณ 520-550 ไมครอน และสามารถบางลงได้ตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย       รู้จักกับกระจกตาบาง กระจกตาบางคือลักษณะของกระจกตาที่มีความหนาน้อยกว่า 500 ไมครอน (0.5 มิลลิเมตร) โดยทั่วไปไม่ถือเป็นโรคและไม่ต้องรักษา แต่กระจกตาบางจะส่งผลต่อการวินิจฉัยโรคบางอย่าง เช่น ต้อหิน เพราะทำให้วัดความดันตาต่ำกว่าความจริง รวมถึงส่งผลต่อการเลือกวิธีแก้ไขสายตา เช่น หากผู้ป่วยต้องการทำ LASIK และ มีระดับค่าสายตาที่มีผิดปกติสูง เช่น สั้น หรือ เอียงมาก โดยมีความหนาของกระจกตาน้อย เมื่อเปรียบเทียบกันกับเนื้อกระจกตาที่ต้องใช้ผ่าตัด หลังจากได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เเพทย์ประเมินแล้วอาจจะไม่สามารถแก้ไขค่าสายตาได้หมด หรืออาจทำให้ กระจกตาเสี่ยงเป็นโรคกระจกตาอื่นๆหลังการแก้ไข เเพทย์อาจประเมินให้ผู้ป่วยทำการรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น PRK ICL FemtoLASIK ReLEx SMILE Pro หรือ NanoLASIK  แทนการทำ LASIK แบบทั่วๆไป ซึ่งเป็นการเเก้ไขที่ใช้หรือรบกวนความหนาของกระจกตาน้อยกว่าเพราะฉะนั้น ก่อนทำเลสิกจึงต้องสังเกตและตรวจประเมินความหนาของกระจกตาอย่างละเอียด เพราะหากบางเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะสายตาเอียงผิดปกติ หรือกระจกตาย้วย ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นได้ นอกจากนี้หลายคนยังสงสัยว่า “ใส่คอนแท็กต์เลนส์ ทำให้กระจกตาบางจริงไหม?” คำตอบคือ โดยทั่วไปการใส่คอนแท็กต์เลนส์อย่างถูกวิธี ไม่ได้ทำให้กระจกตาบางลง แต่หากใส่นานเกินไป ไม่ถอดล้างหรือดูแลอย่างถูกต้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเกิดภาวะขาดออกซิเจนที่กระจกตา ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อบางลงได้เช่นกัน       กระจกตาบางเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง? กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้สามารถป้องกันและดูแลสุขภาพตาได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย มีดังนี้   โรคทางพันธุกรรม แม้ว่าภาวะกระจกตาบางมักเกิดจากพฤติกรรมบางอย่าง แต่ในบางกรณี ความผิดปกตินี้อาจมีสาเหตุจากโรคพันธุกรรมที่ถ่ายทอดภายในครอบครัว หนึ่งในโรคที่พบบ่อย คือ กระจกตาย้วย (Keratoconus) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะกระจกตาบาง กระจกตาจะบางลงและโป่งยื่นออกมาคล้ายรูปกรวย ทำให้สายตาเอียงผิดปกติ และการมองเห็นแย่ลงเรื้อรัง มักเริ่มแสดงอาการในช่วงวัยรุ่นถึงอายุ 30 ปี โรคกระจกตาบางจากพันธุกรรมอื่นๆ (Corneal Dystrophies) เช่น Pellucid Marginal Degeneration (PMD) ซึ่งกระจกตาจะบางลงบริเวณขอบด้านล่าง   การบาดเจ็บหรือการผ่าตัดตา การผ่าตัดแก้ไขสายตาบางประเภท เช่น การทำเลสิก (LASIK) หรือ PRK อาจส่งผลให้กระจกตาบางลงได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการเลเซอร์เนื้อกระจกตา ออกไปมากเกินความจำเป็น ทำให้ความหนาของกระจกตาที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาย้วยในอนาคต นอกจากนี้การบาดเจ็บที่กระจกตาซ้ำๆ รวมถึงการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น แผลที่กระจกตาหรือกระจกตาอักเสบ ก็สามารถทำลายเนื้อเยื่อกระจกตาและทำให้เกิดการบางลงได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที   โรคอื่นๆ หรือการใช้ยา โรคทางภูมิคุ้มกันบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคเอสแอลอี (SLE) อาจส่งผลกระทบต่อกระจกตา ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวะกระจกตาบางได้ในระยะยาว เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเนื้อเยื่อของตาเอง ในขณะเดียวกัน การใช้ยาหยอดตาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลข้างเคียงต่อโครงสร้างของกระจกตา ทำให้เนื้อเยื่อกระจกตาอ่อนแอและบางลงได้เช่นกัน       อาการของภาวะกระจกตาบาง ภาวะกระจกตาบางมักพัฒนาอย่างช้าๆ จนอาจไม่สังเกตเห็นได้ในระยะแรก การเรียนรู้ที่จะสังเกตอาการเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยอาการที่อาจพบมีดังนี้ การมองเห็นพร่ามัวหรือไม่ชัดเจน ค่าสายตาเปลี่ยนแปลงบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ มีค่าสายตาเอียงสูงกว่าปกติ มองเห็นภาพบิดเบี้ยว หรือมีลักษณะผิดรูปจากความจริง       วิธีการตรวจและวินิจฉัยกระจกตาบาง โดยปกติแล้วภาวะกระจกตาบางมักถูกตรวจพบในขั้นตอนการประเมินสายตาก่อนทำเลสิก ซึ่งแพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Keratometerตรวจวัดความโค้งของกระจกตาและค่าสายตาเอียง โดยการสะท้อนแสงบนกระจกตาเพื่อตรวจหารูปร่างและความโค้งที่ผิดปกติ ซึ่งความโค้งที่ผิดปกตินี้ อาจสัมพันธ์กับความบางของกระจกตา นอกจากนั้นยังมีการตรวจ Corneal Tophography หรือแผนภูมิดวงตาเพื่อประเมินค่าความหนาบางและความผิดปกติของกระจกตาอื่นๆด้วย โดยอาจจะมีการวัด Tomographic Biomechanical Index หรือ ค่าความเเข็งเเรงของกระจกตา เสริมเพื่อตรวจความเสี่ยงของโรค Corneal Ectasia หรือโรคกระจกตาโป้งอีกด้วย แม้ว่าจะสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ เช่น มองเห็นไม่ชัดหรือค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย แต่การวินิจฉัยว่ามีกระจกตาบางจริงหรือไม่นั้น ต้องอาศัยการตรวจโดยจักษุแพทย์เท่านั้น เพราะการสังเกตอาการด้วยตนเองเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น ไม่สามารถยืนยันผลได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าตนเองมีกระจกตาบาง ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการดูแลและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น   สรุป กระจกตาบางเป็นภาวะที่หลายคนไม่รู้ตัว แต่สามารถส่งผลกระทบต่อการมองเห็น เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย หรือภาพบิดเบี้ยว ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรม โรคภูมิคุ้มกัน การผ่าตัดแก้ไขสายตา หรือการใช้ยาบางชนิด การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่วางแผนทำเลสิก ควรเข้ารับการตรวจวัดความหนาและความโค้งของกระจกตาอย่างละเอียดที่ Bangkok Eye Hospital ด้วยเครื่องมือทันสมัยและแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพดวงตาได้อย่างมั่นใจ   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระจกตาบาง (FAQ) หลายคนที่เพิ่งเคยได้ยินเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบางอาจมีข้อสงสัยมากมาย เพื่อช่วยให้เข้าใจมากขึ้น เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบาง พร้อมคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันในบทความนี้   ทำอย่างไรให้กระจกตาหนาขึ้น ความหนาของกระจกตาไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติที่เกิดจากโครงสร้างภายในชั้นกระจกตาเอง   ถ้าปล่อยให้กระจกตาบางแล้วไม่รักษา จะเป็นอย่างไร? สายตาพร่ามัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถแก้ไขด้วยแว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์ปกติได้ กระจกตาโป่งยื่นออกมามากผิดปกติ ทำให้การมองเห็นแย่ลงอย่างถาวร ในบางกรณีรุนแรงมาก อาจเกิดภาวะกระจกตาบวมน้ำฉับพลัน (Acute Hydrops) หรือกระจกตาทะลุ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินและอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา   สามารถป้องกันภาวะกระจกตาบางได้ไหม หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ เพราะการขยี้ตาเป็นประจำและรุนแรงสามารถทำให้กระจกตาบางลงและเป็นตัวกระตุ้นให้โรคกระจกตาย้วยแย่ลง ดูแลสุขภาพตาโดยรวม เช่น ไม่ใช้คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป และรักษาความสะอาดของดวงตา พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกี่ยวกับกระจกตา เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและเริ่มการรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะให้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีกว่า  
อ่านเพิ่มเติม

คอนเเทคเลนส์คืออะไร? วิธีดูแลทำความสะอาด พร้อมข้อควรรู้เบื้องต้น

คอนเเทคเลนส์คือเลนส์ใสที่สวมบนดวงตาเพื่อแก้ไขปัญหาสายตาหรือเปลี่ยนลุคให้ดูดีขึ้น คอนเเทคเลนส์มีหลายประเภท เช่น เลนส์นิ่ม เลนส์แข็ง (RGP) เลนส์รายวัน เลนส์รายเดือน เลนส์แก้สายตาเอียง และเลนส์แฟชันสีต่างๆ วิธีดูแลคอนเเทคเลนส์ที่ถูกต้อง คือล้างมือให้สะอาดก่อนจับ ใช้น้ำยาล้างถูเลนส์ทุกครั้งหลังถอด หลีกเลี่ยงน้ำเปล่าหรือน้ำลาย เก็บเลนส์ในกล่องพร้อมน้ำยาใหม่ทุกวัน และทำความสะอาดกล่องพร้อมเปลี่ยนทุก 3 เดือน เพื่อป้องกันเชื้อโรคและติดเชื้อที่ตา ข้อควรรู้ในการใช้คอนเเทคเลนส์ คือใส่ตามคำแนะนำแพทย์ ไม่ใช้เลนส์ร่วมกับผู้อื่น ล้างมือก่อนจับเลนส์ หลีกเลี่ยงใส่นานเกินไปและไม่ควรนอนหลับขณะใส่ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและระคายเคืองตา คอนเเทคเลนส์ (Contact Lens) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการแก้ปัญหาสายตาหรือเปลี่ยนลุคให้ดวงตาดูโดดเด่นมากขึ้น ไม่ว่าจะใส่แทนแว่นสายตาหรือเพื่อความสวยงาม แต่การใช้คอนเเทคเลนส์อย่างไม่ระวัง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพตาได้ ดังนั้นจึงควรรู้วิธีการใช้งาน การดูแลรักษา และข้อควรระวังเบื้องต้น เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพตาที่ดีในระยะยาว   คอนเเทคเลนส์คืออะไร? คอนเเทคเลนส์เป็นแผ่นพลาสติกบางใสรูปวงกลม ที่สวมใส่บนกระจกตาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาภาวะสายตาผิดปกติ ซึ่งเกิดจากการที่ดวงตาไม่สามารถรวมแสงให้ตกบนจอรับภาพได้อย่างพอดี ทำให้มองเห็นภาพไม่ชัดเจน โดยคอนเเทคเลนส์สามารถช่วยปรับการมองเห็นให้ดีขึ้นในผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้น สายตายาวโดยกำเนิด สายตาเอียง และสายตายาวตามอายุ     ประเภทของคอนเเทคเลนส์ คอนเเทคเลนส์มีให้เลือกหลายประเภท ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ลักษณะสายตา และความสะดวกสบายของผู้ใช้ โดยสามารถแบ่งออกได้ตามวัสดุและระยะเวลาการใช้งานดังนี้   คอนเเทคเลนส์แบบแข็ง คอนเเทคเลนส์ชนิดแข็งที่พบได้บ่อยคือแบบกึ่งแข็ง (Rigid Gas-Permeable: RGP) ซึ่งสามารถให้ออกซิเจนซึมผ่านเข้าสู่กระจกตาได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาเอียงมาก หรือผู้ป่วยโรคกระจกตาโป่ง (Keratoconus) โดยเลนส์ชนิดนี้จะช่วยปรับรูปร่างความโค้งของกระจกตาให้ใกล้เคียงปกติมากขึ้น ส่งผลให้การมองเห็นชัดเจนขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ   คอนเเทคเลนส์แบบนิ่ม คอนเเทคเลนส์ชนิดนิ่มเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากสวมใส่สบายและหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด แบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ดังนี้ คอนเเทคเลนส์รายวัน คือเลนส์ที่ใส่เฉพาะระหว่างวันแล้วถอดทิ้ง ไม่ต้องทำความสะอาด ลดความเสี่ยงติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้งาน และเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและสะดวกที่สุด คอนเเทคเลนส์รายสัปดาห์ คือเลนส์ที่ใส่และถอดออกทุกวัน และเปลี่ยนใหม่ทุก 1-2 สัปดาห์ คอนเเทคเลนส์รายเดือน คือเลนส์ที่ใส่และถอดออกทุกวัน และเปลี่ยนเป็นชิ้นใหม่ทุก 1 เดือน คอนเเทคเลนส์แบบใส่ระยะยาว สามารถใส่นอนได้ต่อเนื่องหลายวัน แต่เสี่ยงติดเชื้อสูง แพทย์จึงไม่แนะนำให้ใช้งานเป็นประจำ คอนเเทคเลนส์แก้สายตาเอียง เป็นเลนส์ชนิดนิ่ม ราคาสูง แก้ปัญหาสายตาเอียงได้แต่ประสิทธิภาพอาจสู้เลนส์แข็งไม่ได้ มีทั้งแบบรายวันและใส่ระยะยาว คอนเเทคเลนส์สี ใช้ได้ทั้งแก้ไขสายตาผิดปกติและเสริมความสวยงาม แบ่งตามการใช้งาน เช่น เลนส์แฟชั่น บิ๊กอาย เลนส์กรองแสงยูวี และเลนส์แก้ตาบอดสี ควรปรึกษาจักษุแพทย์ก่อนใช้งานเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คอสเมติกคอนเเทคเลนส์ (Cosmetic Contact Lenses) เป็นเลนส์ที่ใส่เพื่อเปลี่ยนสีหรือลักษณะดวงตา เช่น ตาแมวหรือแวมไพร์ แม้ไม่ใช้เพื่อแก้สายตา แต่ควรปรึกษาจักษุแพทย์ก่อนใช้เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ   คอนเเทคเลนส์แบบอื่นๆ นอกจากคอนเเทคเลนส์ที่ใช้เพื่อแก้ไขค่าสายตาทั่วไปแล้ว ยังมีคอนเเทคเลนส์ประเภทอื่นๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น คอนเเทคเลนส์ไฮบริด เป็นเลนส์ผสมระหว่างนิ่มและแข็ง ช่วยแก้ไขสายตาสั้น ยาว เอียง และปัญหากระจกตาได้ดี เหมาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่มีกระจกตาผิดปกติ คอนเเทคเลนส์ชนิดแก้สายตายาวตามอายุ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ใช้ช่วยให้มองเห็นทั้งใกล้และไกลได้ชัด เช่น แบบ Bifocal, Multifocal หรือแบบ Monovision ที่ใส่คนละค่าสายตาในแต่ละข้าง คอนเเทคเลนส์หลายระดับ (Multifocal Contact Lenses) คือเลนส์ที่มีทั้งแบบแข็งและนิ่ม ภายในเลนส์มีค่าสายตาหลายระดับช่วยให้ใช้งานได้สะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตายาวตามวัย (Presbyopia) คอนเเทคเลนส์ครอบแผลชนิดพิเศษ ใช้หลังการผ่าตัดดวงตา เพื่อช่วยปกป้องและส่งเสริมการสมานตัวของผิวกระจกตาให้เร็วขึ้น     ประโยชน์ของคอนเเทคเลนส์ คอนเเทคเลนส์มีประโยชน์หลากหลายด้าน เช่น ช่วยแก้ไขปัญหาสายตา ด้วยการใส่คอนเเทคเลนส์สายตาสั้นและสายตายาว ทำให้ผู้ใส่มองเห็นชัดทั้งระยะใกล้และไกล รวมถึงมีทัศนวิสัยที่ดีกว่าแว่นตา นอกจากนี้ผู้ใส่แว่นมักมีมุมมองด้านข้าง (Peripheral Vision) ที่จำกัด คอนเเทคเลนส์สายตาจึงช่วยเพิ่มการมองเห็นด้านข้างให้ชัดเจนขึ้น คอนเเทคเลนส์ยังเหมาะสำหรับคนที่ไม่สะดวกใส่แว่น และช่วยปรับลุคให้ดูดี มีความมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะคอนเเทคเลนส์แฟชัน เช่น เลนส์สี หรือเลนส์บิ๊กอาย     วิธีใส่คอนเเทคเลนส์อย่างถูกวิธี การใส่คอนเเทคเลนส์อย่างถูกวิธีช่วยเพิ่มความสบายตาและลดความเสี่ยงในการระคายเคืองหรือการติดเชื้อ โดยมีขั้นตอนดังนี้ ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ หลีกเลี่ยงสบู่ที่มีกลิ่นหรือน้ำมันมาก เพราะอาจทำให้ตาระคายเคือง เช็ดมือให้แห้งด้วยผ้าสะอาดที่ไม่เป็นขุยหรือผ้าเช็ดมือ ยืนบนพื้นเรียบและสะอาด เช่น ใกล้อ่างล้างหน้า ปิดฝาท่อระบายน้ำถ้าอยู่เหนืออ่าง เริ่มใส่เลนส์ข้างขวาก่อน (ถ้าถนัดซ้าย ให้เริ่มข้างซ้าย) เพื่อไม่ให้ใส่สลับข้าง หยิบเลนส์จากกล่องเก็บโดยใช้ปลายนิ้ว (หลีกเลี่ยงเล็บ) ล้างเลนส์ด้วยน้ำยาล้างคอนเเทคเลนส์ทุกครั้ง หากเลนส์ตกพื้น ให้ล้างน้ำยาใหม่ก่อนใส่ วางเลนส์ไว้ที่ปลายนิ้วชี้หรือนิ้วกลาง ตรวจสอบว่าเลนส์ไม่ฉีกขาด ตรวจดูว่าเลนส์ไม่กลับด้าน โดยดูขอบเลนส์ ถ้าขอบเลนส์เป็นรูปถ้วยและตั้งตรงคือถูกต้อง ใช้มือที่ไม่ถนัดดึงเปลือกตาบนขึ้น และใช้นิ้วกลางหรืออื่นๆ ดึงเปลือกตาล่างลง มองตรงไปข้างหน้าแล้วค่อยๆ วางเลนส์ลงบนตา ปิดตาเบาๆ แล้วลืมตา กะพริบตาช้าๆ เพื่อให้เลนส์อยู่กลางตา เช็กในกระจกว่าเลนส์อยู่ตรงกลางและรู้สึกสบาย หากไม่สบายหรือตาไม่ชัด ให้ขยับเลนส์หรือนำเลนส์ออกแล้วใส่ใหม่ ทำซ้ำขั้นตอนเดียวกันกับเลนส์อีกข้าง   วิธีถอดคอนเเทคเลนส์อย่างถูกต้อง การถอดคอนเเทคเลนส์อย่างถูกต้องสำคัญต่อสุขภาพดวงตาและช่วยป้องกันการระคายเคืองหรือการติดเชื้อ มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ ล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนจับคอนเเทคเลนส์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ตา รินสารละลายที่ใช้แช่คอนเเทคเลนส์ทิ้งให้หมด จากนั้นผึ่งลมหรือเช็ดกล่องเก็บเลนส์ให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ยืนหน้ากระจก ดึงเปลือกตาล่างลงด้วยนิ้วกลางของมือที่ถนัด ถอดเลนส์ออกจากตาข้างที่ต้องการก่อน เพื่อป้องกันความสับสน ใช้นิ้วชี้เลื่อนเลนส์ลงไปที่ขอบตาสีขาวอย่างช้าๆ บีบเลนส์ด้วยนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือเบาๆ เพื่อดึงเลนส์ออกจากตา ทำซ้ำขั้นตอนกับตาอีกข้าง ใช้น้ำยาล้างคอนเเทคเลนส์ที่แนะนำทำความสะอาดเลนส์อย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงน้ำยาที่ทำเองหรือไม่ผ่านการรับรอง ใส่คอนเเทคเลนส์ลงในกล่องเก็บเลนส์ที่แช่ในสารละลาย หรือทิ้งเลนส์หากเป็นแบบใช้ครั้งเดียว     การเก็บรักษาคอนเเทคเลนส์หลังใช้งาน การเก็บรักษาคอนเเทคเลนส์หลังใช้งานอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและยืดอายุการใช้งานของเลนส์ รวมถึงช่วยรักษาความสะอาดและความปลอดภัยให้กับดวงตาของคุณก่อนใช้ในครั้งต่อไป ทำความสะอาดคอนเเทคเลนส์ทุกวันด้วยน้ำยาล้างเลนส์ โดยถูเลนส์เบาๆ ด้วยปลายนิ้วเพื่อขจัดเชื้อและสิ่งสกปรกอย่างทั่วถึง ก่อนเก็บแช่ค้างคืนในตลับ เปลี่ยนน้ำยาแช่เลนส์ใหม่ทุกครั้งหลังใช้ หลีกเลี่ยงการแช่เลนส์ทันทีหลังถอดโดยไม่ทำความสะอาดก่อน ล้างทำความสะอาดตลับใส่เลนส์ทุกสัปดาห์ด้วยน้ำสะอาดและสบู่ แล้วปล่อยให้แห้งก่อนใช้งานครั้งต่อไป ห้ามล้างคอนเเทคเลนส์ด้วยน้ำเปล่า น้ำเกลือ หรือน้ำลายเด็ดขาด เพราะเสี่ยงติดเชื้อและทำให้เลนส์ปนเปื้อนได้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมาตรฐาน เพื่อยืดอายุเลนส์และป้องกันติดเชื้อดวงตา ควรเปลี่ยนตลับคอนเเทคเลนส์ทุก 3 เดือน และล้างตลับก่อนใช้แล้วตากให้แห้งเพื่อฆ่าเชื้อ หลีกเลี่ยงการแบ่งน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ใส่ขวดอื่น เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ห้ามใช้น้ำยาล้างคอนเเทคเลนส์ที่หมดอายุ เก่าเก็บ หรือเปิดทิ้งไว้นานแล้ว   ผู้ที่ไม่ควรใส่คอนเเทคเลนส์ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพดวงตาหรือภาวะบางอย่างควรหลีกเลี่ยงการใส่คอนเเทคเลนส์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรุนแรง ผู้ที่มีอาการตาแห้งหรือกระจกตาผิดปกติ ผู้ป่วยโรคผิวหนังที่มีอาการบริเวณหนังตาหรือเปลือกตา ผู้ป่วยโรคไทรอยด์ที่มีอาการตาโปน ซึ่งอาจทำให้คอนเเทคเลนส์หลุดง่าย ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี อาจส่งผลต่อการสร้างน้ำตา ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่อาจแพ้วัสดุพลาสติกในคอนเเทคเลนส์หรือน้ำยาล้างเลนส์ ผู้ที่มีปัญหาในการหยิบจับคอนเเทคเลนส์ เช่น มือสั่นจากโรคสมอง หรือมีปัญหาผิวหนังบริเวณนิ้วมือและเล็บ   สิ่งควรรู้ เพื่อให้ใส่คอนเเทคเลนส์อย่างปลอดภัย คอนเเทคเลนส์สัมผัสกับดวงตาที่บอบบาง จึงต้องใส่ให้ถูกวิธี เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อและปัญหาร้ายแรง วิธีใช้ที่ปลอดภัยมีดังนี้ เลือกใช้คอนเเทคเลนส์ที่เหมาะสมกับดวงตา โดยปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจวัดสายตาและลักษณะลูกตาก่อนใช้ ล้างมือให้สะอาดและเช็ดมือให้แห้งก่อนใส่คอนเเทคเลนส์ทุกครั้ง ใส่เลนส์ด้วยปลายนิ้วชี้ และตรวจสอบเลนส์ว่าด้านถูกต้อง (ขอบเลนส์เป็นรูปตัว U ไม่แหลม) หลีกเลี่ยงการใช้เลนส์ร่วมกับผู้อื่น เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ ห้ามสลับใส่เลนส์ข้างซ้าย-ขวาหรือใส่ขณะว่ายน้ำ ไม่ควรนอนหลับขณะใส่เลนส์ เพราะจะลดการรับออกซิเจนของดวงตา หลีกเลี่ยงให้ปลายขวดน้ำยาล้างเลนส์สัมผัสกับสิ่งอื่น เพื่อป้องกันการปนเปื้อน สวมแว่นกันแดดเมื่อต้องใส่คอนเเทคเลนส์ เพื่อลดอาการแสบตาจากแสง ใช้น้ำตาเทียมหยอดตาเพื่อช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้น ป้องกันอาการตาแห้ง     อันตรายจากการใช้คอนเเทคเลนส์ผิดวิธี คอนเเทคเลนส์เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์และปลอดภัยเมื่อใช้อย่างถูกวิธี แต่หากใช้งานไม่ถูกต้อง ไม่ได้มาตรฐาน หรือขาดความสะอาด อาจทำให้เกิดปัญหารุนแรงต่อสุขภาพดวงตาได้ เช่น   ปัญหาที่มาจากคอนเเทคเลนส์ การเลือกคอนเเทคเลนส์ที่มีขนาดไม่พอดีกับตาดำ อาจส่งผลกระทบต่อกระจกตาและการมองเห็นได้ โดยเลนส์ที่เล็กเกินไปอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตาและเกิดปัญหากระจกตา ส่วนเลนส์ที่ใหญ่เกินไปอาจเคลื่อนหลุดง่าย ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน นอกจากนี้การดูแลและเก็บรักษาคอนเเทคเลนส์ไม่ถูกต้อง ยังเสี่ยงให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ทำให้เกิดอันตรายต่อกระจกตาและเสียสมรรถภาพการใช้งานได้ด้วยเช่นกัน   ปัญหาต่อเยื่อบุตาและกระจกตา ปัญหาเยื่อบุตาและกระจกตาอาจเกิดจากคอนเเทคเลนส์ไม่สะอาด ใช้ของไม่ได้มาตรฐาน หรือแพ้วัสดุที่ใช้ผลิต โดยอันตรายที่พบได้บ่อยมีดังนี้ ตาแห้ง (Dry eyes) อาจเกิดจากการใส่คอนเเทคเลนส์นาน หรือมีน้ำตาน้อย ทำให้ระคายเคือง แสบตา และไวต่อแสง โรคภูมิแพ้ (Allergies) อาจเกิดจากการแพ้คอนเเทคเลนส์หรือสารที่ใช้ร่วม ทำให้ตาแดง แสบ และคันตา เยื่อบุตาอักเสบจากคอนเเทคเลนส์ (Giant Papillary Conjunctivitis) ใส่คอนเเทคเลนส์แล้วตาแดงมักเกิดจากการแพ้เลนส์หรือสารดูแลเลนส์ นอกจากนี้อาจมีอาการระคายเคือง และตุ่มด้านในเปลือกตา เยื่อบุตาอักเสบจากสารเคมี (Toxic Conjunctivitis) เกิดจากการแพ้สารในผลิตภัณฑ์คอนเเทคเลนส์ ทำให้ตาอักเสบหรือกระจกตาถลอกได้ แผลอักเสบที่กระจกตา (Superficial Punctate Keratitis) อาจเกิดจากตาแห้งขณะใส่คอนเเทคเลนส์ ทำให้เกิดแผลเล็กๆ บริเวณกระจกตา ส่งผลให้รู้สึกเจ็บหรือคอนแท็กต​์เลนส์ฉีกขาดได้ อาการเลนส์คับแน่น (Tight Lenses Syndrome) เกิดจากการใส่คอนเเทคเลนส์นานเกินไป ทำให้เลนส์ติดแน่นกับกระจกตา กระจกตาบวมน้ำ มองเห็นไม่ชัด เปลือกตาอักเสบ หรือมีเส้นเลือดเล็กๆ ขึ้นที่ตา กระจกตาขาดออกซิเจน (Corneal hypoxia) มักเกิดจากการใส่คอนเเทคเลนส์นานเกินไป อาจทำให้กระจกตาเป็นแผล เลือดออก และเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็น กระจกตาอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Microbial Keratitis) มักเกิดในผู้ที่ใส่คอนเเทคเลนส์นิ่มหรือใส่ขณะนอนหลับ ทำให้ตาแดง เจ็บตา แฉะ แพ้แสง และระคายเคืองจากการติดเชื้อในเลนส์   สรุป คอนเเทคเลนส์เป็นตัวช่วยแก้ไขปัญหาสายตาที่สะดวกและได้รับความนิยมสูง เช่น คอนเเทคเลนส์รายวัน รายเดือน และคอนเเทคเลนส์สีเพื่อแฟชัน แต่การใช้งานที่ไม่ถูกวิธีหรือขาดการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาตา เช่น ตาแห้ง ติดเชื้อ หรือเยื่อบุตาอักเสบได้ ควรล้างมือก่อนใส่และถอดเลนส์ทุกครั้ง ทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำยาในกล่องเก็บเลนส์อย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ หากมีอาการผิดปกติหรือปัญหาจากการใส่คอนเเทคเลนส์ สามารถมารักษาและปรึกษาจักษุแพทย์ได้ที่ Bangkok Eye Hospital เพื่อดูแลดวงตาให้ปลอดภัยและสุขภาพดีอย่างยั่งยืน   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคอนเเทคเลนส์ (FAQ) รวมคำตอบสำหรับคำถามทั่วไปเกี่ยวกับการใช้งาน การดูแลรักษา และข้อควรรู้ที่สำคัญ เพื่อช่วยให้คุณใช้คอนเเทคเลนส์อย่างถูกวิธีและปลอดภัย ก่อนตัดสินใจใช้งานจริง   ใส่คอนเเทคเลนส์เกิน 8 ชม. อันตรายไหม ใน 1 วัน ใส่คอนเเทคเลนส์เกิน 8 ชม. ได้ไหม? คอนเเทคเลนส์ใส่ได้กี่ชั่วโมง? คำตอบคือควรใส่ไม่เกิน 8-9 ชั่วโมง เพราะใส่นานเกินไปอาจทำให้ตาแห้ง ระคายเคือง หรืออักเสบ หากจำเป็นต้องใส่นาน ให้ใช้หยดน้ำตาเทียมเติมความชุ่มชื้นระหว่างวัน   การใส่คอนเเทคเลนส์นาน ทำให้กระจกตาบางจริงไหม กระจกตาแต่ละคนมีความหนาแตกต่างกันตามธรรมชาติ การใส่คอนเเทคเลนส์อาจทำให้ตาแห้งได้ แต่ไม่ได้ส่งผลต่อความหนาของกระจกตาโดยตรง การหยุดใส่คอนเเทคเลนส์ช่วยให้อาการตาแห้งดีขึ้น แต่กระจกตาจะไม่กลับมาหนาขึ้น   เผลอใส่คอนเเทคเลนส์นอน เป็นอะไรไหม ดวงตาต้องการออกซิเจนตลอดเวลา แต่เมื่อใส่คอนเเทคเลนส์ ไม่ว่าจะรายวันหรือรายเดือน ดวงตาจะได้รับออกซิเจนน้อยกว่าปกติ หากนอนหลับขณะใส่เลนส์จะทำให้ออกซิเจนลดลงมาก เพราะเปลือกตาปิดกระจกตาไม่สามารถรับอากาศได้ ส่งผลให้ตาแดง ระคายเคือง และเพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อได้ง่ายขึ้น   ผู้เขียนบทความ : รศ.นพ.อนันต์ วงศ์ทองศรี จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและการผ่าตัดแก้ไขสายตา (LASIK) ต้อกระจก รักษาโรคตาทั่วไป
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111