ជ្រុងនៃសុខភាពភ្នែក : #ดวงตา

តម្រៀប

Dry eyes

Dry eyes ទឹកភ្នែកដើរតួនាទីយ៉ាងសំខាន់ក្នុងការរក្សាភ្នែករបស់យើងឱ្យមានសំណើម, ធានាឱ្យឃើញច្បាស់ដោយអនុញ្ញាតឱ្យពន្លឺឆ្លងកាត់កែវភ្នែកប្រកបដោយប្រសិទ្ធភាព និងផ្គត់ផ្គង់អុកស៊ីហ្សែនចិញ្ចឹមភ្នែក។ វាក៏ជួយការពារការឆ្លងមេរោគនិងសារធាតុផ្សេងៗផងដែរ។    នៅពេលដែលភ្នែកស្ងួត, វាជាបញ្ហាទូទៅមួយដែលអាចកើតឡើងពីការផលិតទឹកភ្នែកមិនប្រក្រតីឬទឹកភ្នែកមានការហួតលឿនពេក។ វាអាចធ្វើអោយមានភាពមិនស្រណុក, ក្រហាយ, មានអារម្មណ៍ថាដូចមានអ្វីនៅក្នុងភ្នែករបស់អ្នក, ភ្នែកមានសភាពក្រហម, រោយ, មើលឃើញព្រិលៗដែលទទួលភាពប្រសើរជាមួយការព្រិចភ្នែក, ឬសូម្បីតែមានអារម្មណ៍ថារោយភ្នែក។ ហេតុផលដែលមានភ្នែកស្ងួតអាចមានការប្រែប្រួលនៅពេលកាន់តែចាស់ឬជាស្រ្ដី (យេស៎, យើងងាយនឹងរងនូវភ្នែកស្ងួត) ការអាលាក់ហ្សីជាមួយថ្នាំ, ការចំណាយជាច្រើនពេលទៅលើ Screens, នៅទីកន្លែងដែលមានដី ផ្សែង ឬ មានខ្យល់ខ្លាំងនិងមានពន្លឺច្រើន, រួមបញ្ចូលទាំងអស់។    ប៉ុន្ដែមានដំណឹងល្អនោះគឺជាពិធីនៃការព្យាបាលភ្នែកស្ងួត:   ការចៀសឆ្ងាយពីអ្វីដែលអាចធ្វើអោយវាកាន់តែអាក្រក់ដូចជាខ្យល់ខ្លាំងនិងធូលីដីដោយគ្រាន់តែពាក់វែនតានិងការការពារភ្នែក។ ចងចាំថាត្រូវសំរាកឬព្រិចភ្នែកអោយបានញឹកញាប់ ជាពិសេសនៅពេលអ្នកជាប់ជាមួយ Screen ខណៈណាមួយ។  អ្នកទទួលបាននូវថ្នាំបណ្ដក់ភ្នែកដែលហៅថាទឹកភ្នែកសុប្បនិមិត្ត។ មានពីប្រភេទគឺសម្រាប់ពេលថ្ងៃ (ទឹកច្រើន) និងពេលយប់ (ក្រាស់បន្ដិច) ដែលត្រូវប្រើអាស្រ័យទៅលើស្ថានភាពភ្នែកស្ងួតរបស់អ្នក។  ពេលខ្លះពេទ្យរបស់អ្នកអាចនែនាំថ្នាំបណ្ដក់ភ្នែកពិសេសដែលជំរុញអោយភ្នែករបស់អ្នកបង្កើតទឹកភ្នែកបានច្រើន។  ផ្ដល់ការព្យាបាលភ្នែករបស់អ្នកជាមួយក្រណាត់ស្អាតហើយក្ដៅឧន្ឌៗ រួចស្អំលើភ្នែកដើម្បីជូយអោយមានអារម្មណ៍ល្អប្រសើរ។ ប្រសិនបើភ្នែកស្ងួតកាន់តែខ្លាំងហើយមិនប្រសើរឡើង ការជជែកជាមួយគ្រូពេទ្យភ្នែកគឺជារឿងល្អ។   សរុបមក ភ្នែកស្ងួតអាចជាបញ្ហារំខានមួយ ប៉ុន្តែមានដំណោះស្រាយនៅទីនោះ។ វាជារឿងសំខាន់ក្នុងការថែរក្សាភ្នែករបស់អ្នកឱ្យបានល្អ ជាពិសេសនៅពេលដែលមានសភាពស្ងួតនៅខាងក្រៅ (អាកាសធាតុស្ងួត)។ ប្រសិនបើអ្នកសង្ស័យថាអ្នកមានបញ្ហាភ្នែកស្ងួត ការជជែកជាមួយអ្នកជំនាញផ្នែកថែរក្សាភ្នែកគឺជាទង្វើដ៏ឆ្លាតវៃ។
អាន​បន្ថែម

What is the appropriate age for double eyelid surgery?

อายุเท่าไหร่ ถึงทำตาสองชั้นได้ ? หลายคนใฝ่ฝันอยากมีดวงตาคู่สวยคมชัด มีเสน่ห์ การทำศัลยกรรมตาสองชั้นจึงเป็นตัวเลือกยอดนิยม แต่คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ "อายุเท่าไหร่ ถึงจะทำตาสองชั้นได้อย่างปลอดภัย?" ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ ขอไขข้อข้องใจนี้ พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ทำตาสองชั้น...อายุเท่าไหร่ถึงเหมาะสม? โดยทั่วไป จักษุแพทย์มักแนะนำให้ทำศัลยกรรมตาสองชั้นเมื่ออายุ 18 ปีขึ้นไป เพราะโครงสร้างใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณดวงตาจะหยุดการเจริญเติบโต ทำให้แพทย์สามารถประเมินรูปทรงดวงตาและออกแบบชั้นตาที่สวยงามได้อย่างแม่นยำ ผลลัพธ์ของการผ่าตัดจึงมีแนวโน้มคงอยู่ยาวนาน   ทำไมต้องรอให้ถึง 18 ปี? โครงสร้างดวงตา : ก่อนอายุ 18 ปี ดวงตายังคงมีการเปลี่ยนแปลง การทำศัลยกรรมในช่วงวัยนี้ อาจทำให้ชั้นตาเปลี่ยนแปลงไปตามการเจริญเติบโต ส่งผลต่อผลลัพธ์ในระยะยาว ความพร้อมทางด้านร่างกาย : ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มักมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมรับการผ่าตัด และมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ   แล้วถ้าอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำได้ไหม? ในบางกรณี จักษุแพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดตาสองชั้นให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เช่น มีปัญหาทางด้านการมองเห็น : หนังตาตกบังการมองเห็น รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และส่งผลต่อพัฒนาการทางสายตา มีปัญหาชั้นตาผิดปกติ : เช่น ตาสองชั้นข้างเดียว ชั้นตาไม่เท่ากัน ส่งผลต่อบุคลิกภาพ และความมั่นใจ   อายุมาก...ทำตาสองชั้นได้หรือไม่? สำหรับผู้ที่มีอายุมาก ก็สามารถทำศัลยกรรมตาสองชั้นได้ แต่ควรปรึกษาจักษุแพทย์เฉพาะทาง เพื่อประเมินสภาพผิวและปัญหาสุขภาพ รวมถึงพิจารณาการผ่าตัดเสริมอื่นๆ เช่น การยกคิ้ว หรือ การตัดไขมันใต้ตา เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และ แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด   ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ ให้บริการศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา โดย จักษุแพทย์เฉพาะทาง มากประสบการณ์ เทคโนโลยีที่ทันสมัย แผลเล็ก ฟื้นตัวไว ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ดูแลตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย วางแผนการรักษา จนถึงหลังการผ่าตัด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-511-2111
Retina Center

5 สุดยอดอาหารบำรุงจอประสาทตา

5 สุดยอดอาหารบำรุงจอประสาทตา :  เสริมแกร่งสายตาคู่ใจ เพื่อการมองเห็นที่คมชัด จอประสาทตา คือ อวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่รับภาพและส่งสัญญาณไปยังสมอง ทำให้เรามองเห็นโลกอันสวยงามรอบตัวเรา การดูแลรักษาจอประสาทตาจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้น อาจส่งผลต่อการมองเห็นอย่างถาวรได้ นอกจากการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยบำรุงและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับจอประสาทตาได้ อาหาร 5 ชนิด ที่ช่วยบำรุงจอประสาทตา และความสำคัญของสารอาหารแต่ละชนิดในอาหาร 1.    ผักใบเขียวเข้ม : ผักใบเขียว เช่น คะน้า ตำลึง ผักโขม และผักบุ้ง อุดมไปด้วยลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องจอประสาทตาจากแสงสีฟ้าและรังสียูวี o    ลูทีนและซีแซนทีน : ทำหน้าที่เป็นเหมือน “แว่นกันแดดภายใน” ช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ (Age-related Macular Degeneration - AMD) อ้างอิงจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Ophthalmology 2.    ปลาที่มีไขมันสูง : ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาแมคเคอเรล เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพของจอประสาทตา o    กรดไขมันโอเมก้า-3 : ช่วยลดการอักเสบและป้องกันจอประสาทตาแห้ง นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าโอเมก้า-3 อาจช่วยชะลอการลุกลามของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ อ้างอิงจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Archives of Ophthalmology 3.    ไข่ : ไข่แดงอุดมไปด้วยลูทีน ซีแซนทีน และสังกะสี o    สังกะสี : ช่วยในการขนส่งวิตามินเอไปยังจอประสาทตา ซึ่งวิตามินเอมีบทบาทสำคัญในการมองเห็นในที่แสงน้อย การขาดสังกะสีอาจนำไปสู่ภาวะตาบอดกลางคืนได้ 4.    ผลไม้ตระกูลเบอร์รี : บลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี และราสเบอร์รี เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ o    สารต้านอนุมูลอิสระ : ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาจากความเสียหาย และยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังดวงตา ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพตาโดยรวม 5.    ถั่วและเมล็ดพืช : อัลมอนด์ วอลนัท และเมล็ดทานตะวัน เป็นแหล่งของวิตามินอี o    วิตามินอี : เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตา วิตามินอียังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อมตามที่ระบุในวารสารทางการแพทย์หลายฉบับ เมนูอาหารบำรุงสายตาที่คุณสามารถทำเองได้ง่ายๆ สลัดผักโขมกับปลาแซลมอนย่าง : อุดมไปด้วยลูทีน ซีแซนทีน และโอเมก้า-3 ไข่เจียวใส่ผัก : ได้รับทั้งลูทีน ซีแซนทีน และสังกะสี โยเกิร์ตกับผลไม้รวมและถั่ว : รวมสารอาหารบำรุงสายตาหลายชนิดไว้ในเมนูเดียว น้ำปั่นบลูเบอร์รี : ดื่มง่าย ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระเต็มๆ ผลงานวิจัยสนับสนุน งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Ophthalmology พบว่า การรับประทานอาหารที่มีลูทีนและซีแซนทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมขั้นสูงได้ งานวิจัยในวารสาร Archives of Ophthalmology ระบุว่า ผู้ที่รับประทานปลาที่มีไขมันสูงเป็นประจำ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมน้อยกว่าผู้ที่ไม่ค่อยรับประทาน  ที่ศูนย์รักษาจอประสาทตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ เรามีทีมจักษุแพทย์เฉพาะทางด้านจอประสาทตา พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย คอยให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคทางจอประสาทตาอย่างครบวงจรหากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพตา หรือต้องการเข้ารับการตรวจเช็คสุขภาพตา สามารถติดต่อได้ที่ 02-511-2111 ศูนย์รักษาจอประสาทตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ ได้ทันที เราพร้อมดูแลดวงตาของคุณ เพื่อให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมองเห็นโลกได้อย่างชัดเจน สุขภาพตาที่ดี เริ่มต้นจากการใส่ใจ
Retina Center

จอประสาทตา: กุญแจสำคัญสู่โลกที่สดใส - ใส่ใจสุขภาพดวงตา ตรวจเช็กก่อนสาย

"จอประสาทตา" กุญแจสำคัญสู่โลกที่สดใส ดวงตา คือ หน้าต่างที่เปิดให้เราเห็นโลกใบนี้ แต่เบื้องหลังความงดงามนั้น มี "จอประสาทตา" หรือเรตินา ทำหน้าที่เสมือนกล้องถ่ายรูปที่มีความละเอียดสูงสุด คอยบันทึกทุกภาพที่เราเห็น แปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วส่งต่อไปยังสมอง ให้เราได้สัมผัสกับสีสัน ความเคลื่อนไหว และรายละเอียดต่างๆ รอบตัว จอประสาทตา สำคัญอย่างไร? ลองนึกภาพว่า หาก "กล้อง" หรือจอประสาทตาของเราเกิดขีดข่วนหรือเสียหาย ภาพที่ออกมาก็จะเบลอ พร่ามัว ไม่คมชัด จอประสาทตาก็เช่นกัน หากเกิดความผิดปกติ จะส่งผลโดยตรงต่อการมองเห็น อาจเริ่มจากตามัว มองเห็นภาพบิดเบี้ยว จนลุกลามถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อคุณภาพชีวิต ภัยเงียบที่จ้องคุกคาม : โรคจอประสาทตา โรคจอประสาทตามีหลายชนิด บางชนิดอาจไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่ค่อยๆ ทำลายการมองเห็นอย่างช้าๆ จึงเป็น "ภัยเงียบ" ที่เราต้องตระหนักและหมั่นตรวจเช็คสุขภาพดวงตาอยู่เสมอ ตัวอย่างโรคจอประสาทตาที่พบบ่อย ได้แก่ : จอประสาทตาเสื่อม : พบมากในผู้สูงอายุ ทำให้สูญเสียการมองเห็นบริเวณกลางภาพ ส่งผลต่อการอ่านหนังสือ การขับรถ และกิจวัตรประจำวันอื่นๆ เบาหวานขึ้นจอประสาทตา : ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ทำให้หลอดเลือดที่จอประสาทตาผิดปกติ อาจนำไปสู่การมองเห็นภาพซ้อน หรือสูญเสียการมองเห็นได้ จอประสาทตาฉีกขาด : เกิดจากการลอกตัวของชั้นจอประสาทตา อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างกะทันหัน จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน   ในโอกาสวันจอประสาทตาโลกนี้ โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ ขอเชิญชวนทุกท่านมาดูแลและใส่ใจสุขภาพดวงตา โดยเฉพาะการตรวจเช็คจอประสาทตาเป็นประจำ เพื่อป้องกันและรักษาความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคทางตา   ศูนย์รักษาจอประสาทตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ: มั่นใจ..ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง เรามีทีมจักษุแพทย์เฉพาะทางด้านจอประสาทตา พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย คอยให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคจอประสาทตาอย่างครบวงจร ด้วยความใส่ใจและมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้คุณมั่นใจว่าดวงตาของคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด  
Laser Vision LASIK Centre

អាហារបំប៉នភ្នែកដ៏ល្អបំផុត

អាហារបំប៉នភ្នែកដ៏ល្អបំផុត ភ្នែក​របស់​អ្នក​ទាមទារ​ការ​ថែទាំ និង​ការ​យក​ចិត្ត​ទុក​ដាក់ ដូច​ផ្នែក​ផ្សេង​ទៀត​នៃ​រាង​កាយ​របស់​អ្នក​ដែរ។ ការទទួលទានអាហារធម្មជាតិដែលមានប្រយោជន៍អាចជួយរក្សាសុខភាពភ្នែកឱ្យរឹងមាំ និងរក្សាចក្ខុវិស័យរបស់អ្នកឱ្យស្រស់ថ្លាសម្រាប់ឆ្នាំខាងមុខ។   Apricots៖ ផ្លែ Apricot មានរសជាតិផ្អែម និងមានសារធាតុ Beta-carotene ដែលជួយពន្យឺតការចុះខ្សោយនៃកែវភ្នែក។ ពួកគេចិញ្ចឹមភ្នែក និងជួយការពារជំងឺភ្នែកឡើងបាយ។   ផ្លែ Goji Berries៖ សម្បូរទៅដោយសារធាតុ Beta-carotene និង zeaxanthin ផ្លែ goji បង្កើនការមើលឃើញ និងអាចជួយព្យាបាលពិការភ្នែកពេលយប់។ ពួកវាក៏ធ្វើអោយប្រសើរឡើងនូវការទទួលរូបភាព និងការពារពីពន្លឺពណ៌ខៀវ និងពណ៌ស្វាយ ដែលបង្កគ្រោះថ្នាក់ ទីបំផុតបន្ថយភាពចាស់នៃភ្នែក។   ផ្លែស្ត្របឺរី៖ ផ្លែស្ត្របឺរីមានទាំងផ្អែម និងជូរ សម្បូរទៅដោយវីតាមីន A ដែលធានាបាននូវចក្ខុវិស័យច្បាស់លាស់។ ពួកវាមានវីតាមីន C ច្រើនជាងក្រូចឆ្មា ជួយពង្រឹងប្រព័ន្ធការពាររាងកាយ និងការពារជំងឺផ្សេងៗ។ ផ្លែឈើក្រូចឆ្មារ៖ ផ្លែក្រូចដូចជា ក្រូច ប៉េងប៉ោះ និងម្ទេសមានផ្ទុកវីតាមីន C កម្រិតខ្ពស់។ វីតាមីននេះអាចកាត់បន្ថយហានិភ័យនៃជំងឺភ្នែកឡើងបាយ និងធ្វើឱ្យឈាមរត់ក្នុងភ្នែកប្រសើរឡើង។ ជាពិសេស ផ្លែក្រូចមានអត្ថប្រយោជន៍សម្រាប់ការពារជំងឺផ្តាសាយ និងមានប្រសិទ្ធិភាពធូររលុងស្រាល។   ស្លឹកបៃតងងងឹត៖ ស្លឹកបៃតងងងឹតដូចជា ខាត់ណា ស្ពៃណាច និងប្រូខូលី សម្បូរទៅដោយវីតាមីន A និងបេតាការ៉ូទីន។ ពួកវាមិនត្រឹមតែចិញ្ចឹមភ្នែកប៉ុណ្ណោះទេ ប៉ុន្តែថែមទាំងរួមចំណែកក្នុងការការពារជំងឺមហារីក និងរក្សាប្រព័ន្ធការពារដែលមានសុខភាពល្អផងដែរ។   សណ្តែកក្រហម៖ សណ្តែកក្រហមគឺជាប្រភពដ៏ល្អនៃស័ង្កសី ដែលផ្តល់អត្ថប្រយោជន៍ដល់ភ្នែក។ ការទទួលទានជាប្រចាំអាចកាត់បន្ថយហានិភ័យនៃជំងឺភ្នែកឡើងបាយដែលទាក់ទងនឹងអាយុ (AMD) មហារីកសុដន់ និងជំងឺបេះដូង។   Watercress: Watercress កាត់បន្ថយភាពតានតឹងភ្នែកនៅពេលប្រើសម្រាប់រយៈពេលយូរ។ វាក៏ជួយបំបាត់ភ្នែកស្ងួតផងដែរ។   ល្ពៅ៖ ផ្លែល្ពៅជួយដល់ការមើលឃើញច្បាស់ ការពារជំងឺភ្នែកស្ងួត និងជួយព្យាបាលរបួសភ្នែក។   ស្លឹក​អម្ពិល៖ ស្លឹក​អម្ពិល​សម្បូរ​ទៅ​ដោយ​សារធាតុ Beta-carotene និង carotenoids។ ពួកវាជួយបំប៉នភ្នែក និងអាចកាត់បន្ថយហានិភ័យនៃការខ្វាក់ពេលយប់។   ការបញ្ចូលអាហារបំប៉នភ្នែកទាំងនេះទៅក្នុងរបបអាហាររបស់អ្នកអាចរួមចំណែកយ៉ាងសំខាន់ក្នុងការរក្សាសុខភាពភ្នែកឱ្យបានល្អ។ ការទទួលទានអាហារទាំងនេះជាប្រចាំអាចការពារពីជំងឺភ្នែកផ្សេងៗ និងធានាបាននូវចក្ខុវិស័យច្បាស់លាស់ និងរស់រវើកសម្រាប់ឆ្នាំខាងមុខ។
Laser Vision LASIK Centre

ឱសថរុក្ខជាតិសម្រាប់សុខភាពភ្នែក

ឱសថរុក្ខជាតិសម្រាប់សុខភាពភ្នែក ប្រសិនបើអ្នកជាមនុស្សវ័យចំណាស់ ឬជួបប្រទះបញ្ហាទាក់ទងនឹងភ្នែកដូចជា ជំងឺភ្នែកឡើងបាយ ភ្នែកមិនច្បាស់ ភ្នែកក្រហាយ ឬពិបាកមើលនៅពេលយប់ ឱសថទាំងបីនេះអាចផ្តល់ភាពធូរស្រាល និងលើកកម្ពស់សុខភាពភ្នែកកាន់តែប្រសើរឡើង។   Basil: Basil ត្រូវ​បាន​គេ​ប្រើ​ជា​ទូទៅ​ក្នុង​ការ​ធ្វើ​ម្ហូប និង​អាច​កាត់​បន្ថយ​ភាព​មិន​ស្រួល​ភ្នែក។ វាមានសារធាតុចិញ្ចឹមជាច្រើនដូចជា វីតាមីន C ផូស្វ័រ ជាតិដែក និងកាល់ស្យូម។ លើសពីនេះ វាសម្បូរទៅដោយសារធាតុ Beta-carotene ដែលរាងកាយបំប្លែងទៅជាវីតាមីន A ជំនួយដល់សុខភាពភ្នែកទាំងមូល។   ល្មៀត៖ ផ្កា និងស្លឹកខ្ចីរបស់ Cassia ត្រូវបានគេប្រើប្រាស់ក្នុងចានផ្សេងៗ ដូចជា សម្ល និងសម្លដែលមានជាតិដែក។ Cassia ផ្ទុកទៅដោយកម្រិតខ្ពស់នៃ beta-carotene និងល្បីល្បាញសម្រាប់លក្ខណៈសម្បត្តិថ្នាំបញ្ចុះលាមកស្រាលរបស់វា។ ក្រៅ​ពី​លើក​កម្ពស់​សុខភាព​ភ្នែក វា​មាន​តួនាទី​ជា​ថ្នាំ​បន្សាប​ជាតិពុល​យ៉ាង​ទន់ភ្លន់។   ការ៉ុត៖ ការ៉ុត​អាច​យក​ទៅ​ញ៉ាំ​ឆៅ​ជា​សាឡាដ ឬ​ដាក់​បញ្ចូល​ក្នុង​ចាន​ផ្សេងៗ។ ពួកវាមានសារធាតុ Beta-carotene ខ្ពស់ ដែលធ្វើឱ្យពួកវាមានអត្ថប្រយោជន៍យ៉ាងខ្លាំងចំពោះសុខភាពភ្នែក។   ការបញ្ចូលឱសថទាំងនេះទៅក្នុងរបបអាហាររបស់អ្នកអាចរួមចំណែកដល់សុខភាពភ្នែកកាន់តែប្រសើរឡើង។ ទោះជាយ៉ាងណាក៏ដោយ ប្រសិនបើអ្នកមានបញ្ហាភ្នែកធ្ងន់ធ្ងរ ចាំបាច់ត្រូវទៅពិគ្រោះជាមួយគ្រូពេទ្យជំនាញខាងភ្នែក ដើម្បីធ្វើការវាយតម្លៃ និងព្យាបាលយ៉ាងទូលំទូលាយ។
Cataract Center
Laser Vision LASIK Centre

"ពន្លឺព្រះអាទិត្យ និងឥទ្ធិពលរបស់វាទៅលើសុខភាពភ្នែក"

"ពន្លឺព្រះអាទិត្យ និងឥទ្ធិពលរបស់វាទៅលើសុខភាពភ្នែក" ដូចដែលយើងដឹងស្រាប់ហើយថា ពន្លឺព្រះអាទិត្យដើរតួនាទីយ៉ាងសំខាន់ក្នុងទិដ្ឋភាពជាច្រើននៃជីវិតរបស់យើង ប៉ុន្តែវាក៏អាចបង្កគ្រោះថ្នាក់ដល់សុខភាពរបស់យើងផងដែរ ជាពិសេសភ្នែករបស់យើង។ ការប៉ះពាល់នឹងពន្លឺព្រះអាទិត្យយូរដោយគ្មានការការពារអាចបង្កើនហានិភ័យនៃបញ្ហាទាក់ទងនឹងភ្នែកយ៉ាងខ្លាំង។ ការការពារភ្នែករបស់យើងពីព្រះអាទិត្យគឺចាំបាច់ណាស់ព្រោះលក្ខខណ្ឌមួយចំនួនអាចនាំឱ្យបាត់បង់ការមើលឃើញជាអចិន្ត្រៃយ៍។   ខាងក្រោម​នេះ​ជា​លក្ខខណ្ឌ​ទាក់​ទង​នឹង​ភ្នែក​មួយ​ចំនួន​ដែល​ទាក់​ទង​នឹង​ការ​ប៉ះ​នឹង​ពន្លឺ​ថ្ងៃ៖   1. ការខូចខាតស្បែក និងត្របកភ្នែក៖ ការត្រូវកម្តៅថ្ងៃយូរអាចធ្វើឱ្យស្បែកជុំវិញភ្នែកបាត់បង់ភាពយឺត និងបង្កើនហានិភ័យនៃជំងឺមហារីកស្បែកនៅក្នុងតំបន់នេះ។   2. ជម្ងឺរលាកស្រោមខួរ៖ ការប៉ះពាល់នឹងពន្លឺព្រះអាទិត្យច្រើនពេកអាចនាំអោយមានជម្ងឺដូចជា រលាកស្រោមខួរ ដំបៅនៃកែវភ្នែក និងការលូតលាស់នៃ pterygium ។   3. ជំងឺភ្នែកឡើងបាយ៖ វិទ្យុសកម្មកាំរស្មីយូវីគឺជាកត្តាហានិភ័យដែលគេស្គាល់សម្រាប់ជំងឺភ្នែកឡើងបាយ ដែលនាំឱ្យងងឹតនៃកញ្ចក់ភ្នែក។   4. ជំងឺសរសៃប្រសាទអុបទិក៖ ស្ថានភាពដូចជាជំងឺដក់ទឹកក្នុងភ្នែកអាចកាន់តែធ្ងន់ធ្ងរឡើងដោយការប៉ះពាល់នឹងពន្លឺព្រះអាទិត្យយូរ។   មធ្យោបាយដ៏ល្អបំផុតដើម្បីការពារភ្នែករបស់អ្នកគឺ ជៀសវាងពន្លឺព្រះអាទិត្យដោយផ្ទាល់ ជាពិសេសក្នុងអំឡុងពេលម៉ោងកំពូលចាប់ពីម៉ោង 10 ព្រឹកដល់ម៉ោង 4 រសៀល។ បន្ថែមពីលើការជៀសវាងពន្លឺព្រះអាទិត្យដោយផ្ទាល់ អ្នកក៏គួរតែប្រុងប្រយ័ត្នចំពោះពន្លឺដែលឆ្លុះបញ្ចាំងពីផ្ទៃដូចជាទឹក និងខ្សាច់ ដែលអាចឆ្លុះបញ្ចាំងរហូតដល់ 20% និង 15% នៃពន្លឺព្រះអាទិត្យរៀងៗខ្លួន។ ពាក់មួកដែលមានគែមធំទូលាយយ៉ាងហោចណាស់ 3-5 អ៊ីញមិនត្រឹមតែការពារភ្នែករបស់អ្នកប៉ុណ្ណោះទេ ថែមទាំងការពារស្បែកមុខ ក និងត្រចៀកទៀតផង។ វាអាចកាត់បន្ថយការប៉ះពាល់នឹងកាំរស្មីយូវីបានរហូតដល់ 50%។ វ៉ែនតាដែលមានប្រសិទ្ធភាពជាមួយនឹងការការពារកាំរស្មីយូវីក៏អាចជួយកាត់បន្ថយអាំងតង់ស៊ីតេនៃពន្លឺផងដែរ កាត់បន្ថយហានិភ័យនៃជំងឺភ្នែក។   វាមានសារៈសំខាន់ណាស់សម្រាប់កុមារក្នុងការពាក់វ៉ែនតាដែលមានប្រសិទ្ធភាពស្រដៀងនឹងវ៉ែនតាសម្រាប់មនុស្សពេញវ័យ ដោយសារវ៉ែនតាដែលគ្មានប្រសិទ្ធភាព ឬងងឹតដោយគ្មានការការពារកាំរស្មីយូវីអាចបង្កគ្រោះថ្នាក់ដល់ភ្នែករបស់ពួកគេ។ នៅក្នុងបរិយាកាសដែលមានពន្លឺតិចៗ សិស្សភ្នែករីកធំ ដែលអនុញ្ញាតឱ្យពន្លឺ UV ចូលកាន់តែច្រើន ដែលបង្កើនហានិភ័យនៃការខូចខាត។   ជៀសវាងការសម្លឹងមើលព្រះអាទិត្យដោយផ្ទាល់ ព្រោះថាថាមពលពន្លឺព្រះអាទិត្យប្រមូលផ្តុំអាចបំផ្លាញផ្នែកកណ្តាលនៃរីទីណា ដែលនាំឱ្យបាត់បង់ការមើលឃើញជាអចិន្ត្រៃយ៍។   ដោយអនុវត្តតាមការអនុវត្តទាំងនេះ និងអនុវត្តការប្រុងប្រយ័ត្ន អ្នកអាចកាត់បន្ថយហានិភ័យនៃបញ្ហាភ្នែកដែលបណ្តាលមកពីការប៉ះពាល់នឹងពន្លឺព្រះអាទិត្យយ៉ាងខ្លាំង។ សូមចងចាំថា ការការពារភ្នែករបស់អ្នកគឺចាំបាច់សម្រាប់ការថែរក្សាចក្ខុវិស័យឱ្យបានល្អ និងសុខភាពភ្នែកទាំងមូលក្នុងរយៈពេលយូរ។
calling
ទំនាក់ទំនងមកយើងខ្ញុំ : +662 511 2111