มุมสุขภาพตา : #เปลือกตา

เรียงตาม

ตาแห้งมีอาการอย่างไร วิธีรักษา ป้องกัน และพฤติกรรมที่ช่วยลดอาการตาแห้ง

อาการตาแห้ง คือภาวะตาขาดความชุ่มชื้นเพราะการผลิตน้ำตาน้อยเกินไปหรือคุณภาพน้ำตาไม่ดี ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและไม่สบายตาได้ ตาแห้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้นทำให้การผลิตน้ำตาน้อยลง การสวมใส่คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป การจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ รวมถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรักษาตาแห้งทำได้หลายวิธี เช่น ยาหยอดตา น้ำตาเทียม การประคบอุ่น และการรักษาด้วยยาลดการอักเสบ รักษาอาการตาแห้งที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ได้รับการดูแลจากจักษุแพทย์ พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยและการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ   ตาแห้งเป็นโรคที่ทำให้ตารู้สึกแห้งและระคายเคือง เนื่องจากการผลิตน้ำตาลดลงหรือคุณภาพของน้ำตาไม่ดีพอ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย หากดูแลอย่างถูกวิธี จะช่วยลดอาการและป้องกันภาวะตาแห้งในระยะยาว มาหาสาเหตุของอาการตาแห้ง วิธีรักษา รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้งได้ในบทความนี้     อาการตาแห้ง คืออะไร? ก่อนทำความรู้จักกับอาการตาแห้ง ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘น้ำตา’ กันก่อน โดยน้ำตามีความสำคัญต่อดวงตา เป็นตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างชัดเจน หล่อเลี้ยงเลี้ยงกระจกตาด้วยออกซิเจน และป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาทำร้ายดวงตา ตาแห้ง เป็นอาการที่ปริมาณน้ำตาที่เข้ามาหล่อเลี้ยงผิวตามีไม่เพียงพอส่งผลให้ผิวตาอักเสบได้ โดยอาการของตาแห้งอาจเริ่มจากการแสบตา หรือรู้สึกระคายเคืองเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา รวมถึงอาจพบอาการตาแดง เจ็บ หรือมีการพร่ามัวที่ดีขึ้นเมื่อกะพริบตา นอกจากนี้ยังอาจรู้สึกฝืดๆ หนักๆ ที่ตา หรือลืมตาลำบาก และบางครั้งอาจมีอาการตาล้าหรือมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ     ทำไมถึงมีอาการตาแห้งได้ ตาแห้งเป็นปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความสบายของดวงตาและการมองเห็น โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานเกินไป อาการภูมิแพ้ที่ตาซึ่งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน หรือมลภาวะ อยู่ในที่ร้อน ลมแรง หรือความชื้นต่ำ ความผิดปกติของต่อมไขมันขอบตา การพบตัวไร (Demodex blepharitis) บริเวณโคนขนตา ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อมน้ำตา การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาต้านซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิตบางชนิด ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล โดยเฉพาะในเพศหญิงที่อาจทำให้คุณภาพของน้ำตาลดลง     อาการตาแห้งเกิดจากอะไร มีปัจจัยอะไรบ้าง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำตาหรือการทำงานของต่อมน้ำตา หากมีลักษณะดังต่อไปนี้ จะทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ง่ายขึ้น สร้างน้ำตาได้น้อยกว่าปกติ  (Aqueous Tear Deficiency) กลุ่มคนที่มีความผิดปกติหรือปัจจัยที่ส่งผลให้สามารถสร้างน้ำตาได้น้อย ได้แก่   กลุ่มคนที่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome โรครูมาตอยด์ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือภาวะที่ไม่พบสาเหตุชัดเจน เช่น Primary Sjogren’s Syndrome กลุ่มคนที่ไม่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome เช่น ต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติตั้งแต่เกิด โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง การแพ้ยารุนแรง หรือการอักเสบที่ทำให้ท่อน้ำตาตัน กลุ่มคนที่ฮอร์โมนเปลี่ยน มักพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลให้การผลิตน้ำตาและสารคัดหลั่งอื่นๆ ในร่างกายลดลง การกินยาบางประเภท เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต หรือยาคลายเครียดบางชนิด ที่มีสารกันเสียเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้ตาแห้งมากขึ้น เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถลดการผลิตน้ำตาได้ น้ำตาระเหยเร็ว (Evaporative Dry Eyes)  ปัจจัยที่ส่งผลให้การระเหยของน้ำตาเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ได้แก่   ต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ เปลือกตาอักเสบที่เกิดจากความผิดปกติของชั้นไขมัน จะทำให้การสร้างน้ำตาชั้นน้ำมันลดลง ซึ่งทำให้เกิดการระเหยของน้ำตาได้เร็วขึ้น ความผิดปกติของเปลือกตา การปิดตาไม่สนิทหรือการกะพริบตาน้อยผิดปกติ ซึ่งทำให้การกระจายน้ำตาผิดปกติ และเพิ่มการระเหยของน้ำตา โดนสารเคมีหรือแพ้ยารุนแรง การอักเสบของเยื่อบุตาอาจทำให้เกิดแผลเป็น ซึ่งส่งผลต่อการสร้างน้ำตาชั้นเมือกที่ติดกับกระจกตา ทำให้การสร้างน้ำตาผิดปกติ การใช้สายตามาก พบมากในวัยทำงานจากพฤติกรรมจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ โดยไม่ค่อยกะพริบตา และการใส่คอนแท็กต์เลนส์ที่ดูดน้ำออกจากดวงตา ทำให้การผลิตน้ำตาลดลงและน้ำตาระเหยเร็ว     วิธีรักษาหรือวิธีแก้โรคตาแห้ง วิธีรักษาโรคตาแห้งจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล โดยใช้วิธีต่างๆ รวมทั้งการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ ดังนี้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตาแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน หรือแสงจ้า โดยการใส่แว่นกันแดดและแว่นกันลม เพื่อป้องกันสิ่งแวดล้อมที่อาจทำให้ตาแห้งขึ้น นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการใส่คอนแท็กต์เลนส์เป็นเวลานานๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงจากดวงตาที่อาจทำให้อาการตาแห้งแย่ลงได้ ใช้น้ำตาเทียม ในการรักษาอาการตาแห้ง น้ำตาเทียมเป็นตัวช่วยที่ดี โดยมี 2 ชนิดให้เลือกใช้ ได้แก่   น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย ในรูปแบบขวด ควรใช้ไม่เกิน 4-5 ครั้งต่อวัน อาจแบ่งการใช้ยาเพิ่มน้ำตาตามช่วงเวลาของวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ซึ่งเหมาะสำหรับอาการตาแห้งที่ไม่รุนแรง น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย แบบกระเปาะ เปิดแล้วมีอายุ 24 ชั่วโมง หรือขวดที่มีระบบวาล์วพิเศษใช้ได้นาน 6 เดือน ใช้บ่อยได้ตามต้องการ เช่น ทุก 1-2 ชั่วโมง เหมาะกับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง  ใช้ยาหยอดตาเพิ่มปริมาณน้ำตา มียาหยอดตาที่ช่วยเพิ่มน้ำตาและรักษาอาการตาแห้งได้ โดยแต่ละชนิดจะช่วยรักษาตามอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้   ยา Diquafosol ช่วยเพิ่มการสร้างน้ำตาชั้นเมือกและชั้นน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาและลดอาการแห้ง ยาปฏิชีวนะ Doxycycline ยาลดการอักเสบของเปลือกตาช่วยลดการอักเสบและอาการระคายเคืองที่เกิดจากตาแห้ง ยากลุ่ม Steroids โดยยานี้ช่วยบรรเทาการอักเสบของผิวตาและลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากการขาดน้ำตา ยา Cyclosporine ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressant) ชนิดหยอดตา ช่วยลดการอักเสบในตาและเพิ่มการผลิตน้ำตา โดยการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้ การทำความสะอาดเปลือกตา การทำความสะอาดเปลือกตาและประคบอุ่นด้วยแชมพูเด็กผสมเจือจางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเปลือกตาช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันในเปลือกตา ทำให้ชั้นไขมันที่เคลือบน้ำตาทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันน้ำตาระเหยเร็วและลดอาการตาแห้ง ใช้ Autologous Serum การรักษาอาการตาแห้งชนิดรุนแรงโดยใช้สารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อทำได้โดยการเจาะเลือดจากผู้ป่วยไปปั่นแยกเป็น Serum และนำมาหยอดร่วมกับการใช้น้ำตาเทียม ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ และส่งเสริมการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อให้กลับสู่สภาพปกติได้ดีขึ้น การอุดท่อระบายน้ำตาที่หัวตา (Punctal Plug) การรักษาอาการตาแห้งที่รุนแรงทำได้โดยการอุดช่องทางที่น้ำตาไหลออกจากตา (Punctum) ซึ่งมีทั้งชนิดอุดชั่วคราวและชนิดอุดถาวร โดยการใส่ Silicone Plug หรือ Punctal Cautery ซึ่งเป็นการจี้บริเวณช่องทางที่น้ำตาระบายออกจากตา วิธีนี้ช่วยให้ดวงตาเก็บน้ำตาไว้ได้นานขึ้น ลดการระเหยของน้ำตา และช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก     การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง การป้องกันอาการตาแห้งทำได้ง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน ดังนี้    หยุดพักจากการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือทุกๆ 20 นาที โดยการหลับตาสัก 20 วินาที หรือมองสิ่งที่อยู่ไกลประมาณ 20 ฟุต เพื่อให้ตาได้พักและผ่อนคลาย งดการใช้คอนแท็กต์เลนส์ต่อเนื่อง ควรสลับใส่แว่นในระหว่างวันเพื่อให้ดวงตาได้พัก ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อช่วยลดความเครียดของดวงตา เตือนตัวเองให้กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้น้ำตาเคลือบตาและช่วยลดการระเหยของน้ำตา หากอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้ง ร้อน หรือมีลมแรง ควรสวมแว่นกันแดดกันลมเพื่อปกป้องตาจากสภาพแวดล้อม กินอาหารที่ครบทุกหมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ปลา หรืออาหารที่มีโอเมกา 3 ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบของตา  ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน สรุป ตาแห้งคืออาการที่น้ำตาผลิตไม่เพียงพอหรือระเหยเร็วเกินไป ทำให้ดวงตารู้สึกแห้ง ระคายเคือง และอาจเกิดการอักเสบได้ รักษาได้หลายวิธี เช่น ใช้น้ำตาเทียม ประคบอุ่น ใช้ยาเพื่อเพิ่มการสร้างน้ำตาหรือลดการอักเสบ และป้องกันตาแห้งได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ดวงตา รวมถึงการใช้ยาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา  สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง รับการรักษาได้ที่ ศูนย์โรคจักษุประสาทวิทยา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ซึ่งให้การดูแลปัญหาตาแห้งที่ส่งผลต่อการมองเห็นและระบบประสาท โดยจักษุแพทย์ในการวินิจฉัยและรักษาภาวะตาแห้งอย่างครบวงจร
อ่านเพิ่มเติม

ต่อมไขมันเปลือกตาอุดตันเกิดจากอะไร? รู้ทันสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

ต่อมไขมันเปลือกตาอุดตันเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันที่เปลือกตา ทำให้เกิดการสะสมของไขมันและอาการบวมเจ็บ หากไม่รักษาอาจติดเชื้อและรบกวนการมองเห็น การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว ต่อมไขมันเปลือกตาอุดตันเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การไม่ทำความสะอาดเปลือกตา การระคายเคืองจากสารเคมี ความเครียด การใช้คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป หรือปัจจัยภายในร่างกาย ทั้งโรคเบาหวานและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การรักษาต่อมไขมันอุดตันที่ตาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ เช่น การประคบร้อน การใช้ยาหยอดตาหรือยาครีม หรือในกรณีที่รุนแรงอาจต้องผ่าตัด แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสม เคยรู้สึกเจ็บหรือบวมที่เปลือกตากันไหม? อาการเหล่านี้อาจเกิดจากต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน ซึ่งหลายคนมักมองข้าม ต่อมไขมันในเปลือกตาอุดตันทำให้เกิดการอักเสบและปวดได้หากไม่รักษา อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพตาอื่นๆ บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุของการอุดตัน อาการที่เกิดขึ้น และวิธีการรักษา เพื่อให้คุณมีสุขภาพดวงตาที่ดีและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต     ต่อมไขมันเปลือกตาอุดตันคืออะไร? ทำไมถึงไม่ควรมองข้าม ต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ตากุ้งยิงด้านใน” (Meibomian Gland Dysfunction – MGD) คือการที่ต่อมไขมันที่อยู่บริเวณเปลือกตาเกิดการอุดตัน ทำให้ไขมันสะสมและกลายเป็นก้อนนูนที่เปลือกตา ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการบวม เจ็บปวด และระคายเคืองได้ ในบางกรณีหากไม่รักษาอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและบวมมากขึ้นจนรบกวนการมองเห็น   การมองข้ามปัญหานี้อาจทำให้ภาวะอุดตันยิ่งรุนแรงขึ้น ทำให้การรักษายากขึ้นและส่งผลต่อสุขภาพดวงตาในระยะยาว ดังนั้น การรู้ทันสาเหตุและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้     รู้ทัน! สาเหตุที่ต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน การที่ต่อมไขมันเปลือกตาอุดตันเกิดได้จากหลายสาเหตุ บางส่วนก็เป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกหรือภายในร่างกาย ต่อไปนี้คือสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดการอุดตันของต่อมไขมัน   ไม่ทำความสะอาดเปลือกตา หากไม่รักษาความสะอาดของเปลือกตาอย่างเหมาะสม อาจทำให้สิ่งสกปรกและน้ำมันสะสมบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะเป็นสาเหตุของการอุดตันในต่อมไขมัน การระคายเคืองจากสารเคมี สารเคมีจากเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลดวงตาบางชนิด อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบในบริเวณรอบดวงตา ส่งผลให้ต่อมไขมันเกิดการอุดตัน การผลิตไขมันมากเกินไป ผู้ที่มีผิวมันหรือมีการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป อาจจะพบกับปัญหาต่อมไขมันอุดตันได้ง่ายกว่าผู้ที่มีผิวแห้ง ความเครียดและฮอร์โมน ความเครียดและการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายทำให้เกิดปัญหาผิวหน้ามันมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดการอุดตันในต่อมไขมันได้ ภาวะทางสุขภาพ โรคบางชนิด เช่น เบาหวาน หรือโรคผิวหนังบางประเภท อาจทำให้เกิดการอุดตันในต่อมไขมันได้ง่ายขึ้น ใช้คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป การใส่คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไปทำให้ดวงตาแห้งและระคายเคือง ส่งผลให้ต่อมไขมันเปลือกตาอุดตันได้ เพราะไขมันไม่สามารถระบายออกได้ ทำให้เกิดการสะสมและอักเสบ อายุที่มากขึ้น เมื่ออายุเพิ่มขึ้นต่อมไขมันเปลือกตาจะเริ่มทำงานได้ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากการผลิตไขมันที่ช่วยป้องกันการระเหยของน้ำตาลดลง รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของต่อมไขมันทำให้เกิดการอุดตันได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ตาแห้ง ระคายเคือง และบวมที่เปลือกตาได้มากขึ้น อาการต่อมไขมันเปลือกตาอุดตันเป็นอย่างไร เมื่อต่อมไขมันเปลือกตาอุดตันมักจะแสดงอาการที่สามารถมองเห็นหรือรู้สึกได้ ดังนี้ ขอบเปลือกตาบวมแดง ขอบตาดูหนา บวม หรือมีสีแดงเรื่อๆ บางคนอาจรู้สึกคัน หรือระคายเคืองตลอดเวลา มีตุ่มเล็กๆ หรือจุดสีขาวที่ขอบตา มองใกล้ๆ อาจเห็นเป็นจุดเล็กๆ คล้ายสิวตรงแนวขนตา ตุ่มนี้เกิดจากไขมันที่อุดตัน ไม่สามารถระบายออกได้ เปลือกตาดูมันหรือมีสะเก็ด ไขมันที่อุดตันอาจดันออกมาเล็กน้อย ทำให้เปลือกตาดูมันๆ หรือมีสะเก็ดแห้งเกาะที่ขอบเปลือกตาเหมือนขี้ตาแห้ง ขนตาร่วง หรือขึ้นผิดทิศทาง หากนานๆ เป็นที ต่อมไขมันที่อักเสบอาจไปรบกวนการขึ้นของขนตา ขนตาบางเส้นอาจร่วงหรือขึ้นผิดทิศ เช่น แทงเข้าในตา เมื่อกดที่เปลือกตา ไขมันไม่ไหลออก แพทย์อาจกดเบาๆ บริเวณต่อมไขมัน หากมีการอุดตันจะไม่เห็นไขมันสีเหลืองอ่อนๆ ไหลออกมา หรืออาจออกมาเป็นก้อนเหนียวขุ่น ตามัวเป็นพักๆ โดยเฉพาะเวลาจ้องจอ เนื่องจากฟิล์มน้ำตาขาดชั้นไขมันทำให้น้ำตาระเหยเร็ว ภาพอาจมัวๆ แล้วกลับมาชัดเมื่อกะพริบตา น้ำตาไหลทั้งที่ไม่ได้ร้องไห้ เพราะดวงตาแห้งจึงกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งน้ำตามากขึ้นแบบไม่สมดุล     รวม 3 วิธีรักษาต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน วิธีรักษาต่อมไขมันอุดตันจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยแบ่งได้ดังนี้ 1. การประคบร้อน การใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น หรือการประคบอุ่นบริเวณเปลือกตาจะช่วยบรรเทาอาการบวมและลดความตึงเครียดที่เกิดจากการอุดตัน การประคบอุ่นช่วยให้ท่อของต่อมไขมันคลายตัวและเปิดออก ทำให้ไขมันที่สะสมอยู่สามารถระบายออกมาได้ วิธีนี้ทำได้ง่ายที่บ้านและควรทำวันละ 2 - 3 ครั้ง ประมาณ 10 - 15 นาที เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด 2. การรักษาด้วยยาหยอดตาหรือยาครีม หากมีการติดเชื้อร่วมกับการอุดตัน เช่น มีอาการบวมแดงหรือปวดแสบปวดร้อน แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาหยอดตาหรือยาครีมที่มีสารต้านการอักเสบหรือยาปฏิชีวนะ เพื่อช่วยลดการอักเสบและป้องกันการติดเชื้อ การใช้ยาจะช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ 3. การผ่าตัด ในกรณีที่ก้อนอุดตันไม่หายไปหลังจากการใช้วิธีประคบอุ่น หรือหากมีการอักเสบเรื้อรัง เกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อน การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกสุดท้าย โดยการผ่าตัดจะเป็นการเอาก้อนออกจากเปลือกตาอย่างปลอดภัยเพื่อให้หายขาด โดยจะทำภายใต้การดูแลของจักษุแพทย์และใช้เทคนิคที่ไม่ทำให้เกิดแผลใหญ่ การรักษาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับการประเมินจากแพทย์ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแทรกซ้อนควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ     วิธีป้องกันการเกิดต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน การป้องกันการเกิดต่อมไขมันเปลือกตาอุดตันสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการดูแลสุขภาพดวงตาและเปลือกตาให้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเกิดอาการอุดตันได้ ดังนี้ ทำความสะอาดเปลือกตาอย่างสม่ำเสมอ การทำความสะอาดบริเวณเปลือกตาเป็นประจำช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่อาจสะสมอยู่รอบดวงตา โดยเฉพาะหากใช้เครื่องสำอาง ควรล้างออกให้สะอาดทุกครั้งหลังใช้งาน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับดวงตา หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่ระคายเคือง เครื่องสำอางบางชนิด เช่น มาสคาร่าหรืออายไลเนอร์ อาจทำให้เกิดการอุดตันในต่อมไขมันเปลือกตาได้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีแรงๆ และเหมาะสมกับการใช้งานบริเวณดวงตา เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง การประคบอุ่นเปลือกตา การประคบร้อนด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นที่เปลือกตาช่วยรักษาความสะอาดและเปิดท่อต่อมไขมันที่สะสมไขมันได้ การทำแบบนี้สัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้งจะช่วยป้องกันการอุดตัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสตาด้วยมือที่ไม่สะอาด การสัมผัสหรือขยี้ตาอาจทำให้สิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคเข้าไปในตาและทำให้เกิดการอักเสบหรืออุดตันในต่อมไขมัน การรักษาความสะอาดของมือและหลีกเลี่ยงการสัมผัสตาจะช่วยลดความเสี่ยงนี้ รักษาสุขภาพทั่วไป การดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวม เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอและทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงเกิดปัญหาผิวหนังและสุขภาพตา ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ การไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำจะช่วยให้ตรวจพบปัญหาต่างๆ ได้เร็วและรักษาได้ทันทีก่อนที่จะกลายเป็นปัญหารุนแรง หลีกเลี่ยงการใช้คอนแท็กต์เลนส์เป็นเวลานาน การสวมใส่คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไปอาจทำให้ดวงตาแห้งและเพิ่มความเสี่ยงเกิดการอุดตันของต่อมไขมัน ควรให้ดวงตาได้พักและทำความสะอาดคอนแท็กต์เลนส์เป็นประจำ รักษาต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน ที่ศูนย์รักษาตา Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร ด้วยการบริการที่ครบวงจร ทั้งในด้านเทคโนโลยีการรักษา ประสบการณ์ และผู้ชำนาญการ ที่ศูนย์รักษาตา Bangkok Eye Hospital พร้อมบริการตรวจวินิจฉัย รักษาต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน เพื่อให้คุณมีสุขภาพดวงตาที่ดีอีกครั้ง โรงพยาบาลมีจักษุแพทย์ชำนาญการและมากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาสมัยใหม่ เครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างปลอดภัย พร้อมให้การรักษา ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป ต่อมไขมันเปลือกตาอุดตันเกิดจากการสะสมของไขมันในต่อมที่เปลือกตา ทำให้เกิดอาการบวมและเจ็บ ซึ่งหากไม่รักษาจะทำให้เกิดการติดเชื้อและปัญหาการมองเห็นได้ สาเหตุหลักมาจากการไม่ทำความสะอาดเปลือกตา การระคายเคืองจากสารเคมี การผลิตไขมันมากเกินไป และปัจจัยอื่นๆ เช่น ความเครียดและโรคบางชนิด อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ขอบตาบวมแดง ตุ่มที่ขอบตา และตาแห้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรง สามารถรักษาด้วยการประคบอุ่น ใช้ยาหยอดตาหรือครีม หรือในกรณีรุนแรงอาจต้องผ่าตัด การป้องกันสามารถทำได้โดยการรักษาความสะอาดตาและหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่ระคายเคือง ประคบอุ่นเปลือกตา และควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ ที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) เป็นทางเลือกที่ดีในการรักษาต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน ด้วยเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพดวงตาให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ตาแห้งมีอาตาแห้งมีอาการอย่างไร พร้อมวิธีรักษา และปรับพฤติกรรมป้องกัน ตากุ้งยิงเกิดจากอะไร? หาสาเหตุ อาการ การรักษา และการดูแลตัวเอง ก้อนไขมันที่เปลือกตาบนอันตรายหรือไม่? รู้จักกับสาเหตุและวิธีการรักษา FAQ – คำถามที่พบบ่อย ต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตันรักษาอย่างไร? การรักษาต่อมไขมันที่เปลือกตาสามารถทำได้ด้วยการประคบร้อน ใช้ยาหยอดตาหรือยาครีม ในกรณีที่รุนแรงอาจต้องผ่าตัดเอาก้อนอุดตันออก ต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตันอันตรายไหม? ต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตันอาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือการอักเสบ หากไม่รักษาอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นได้ ต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตันหายเองได้ไหม? ต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตันกรณีอาการไม่รุนแรงอาจหายเองได้ในบางกรณี แต่หากอาการยืดเยื้อหรือมีการติดเชื้อควรพบแพทย์เพื่อรักษา

เปลือกตาอักเสบอันตรายไหม? สาเหตุ อาการ และวิธีป้องกันเบื้องต้น

เปลือกตาอักเสบ คือภาวะอักเสบของผิวหนังบริเวณเปลือกตา มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ภาวะตาแห้ง ไรขนตา การอุดตันของต่อมไขมันที่เปลือกตา รวมถึงการใช้เครื่องสำอางบริเวณดวงตาแต่ทำความสะอาดไม่ทั่วถึง อาการเปลือกตาอักเสบ ได้แก่ คันเปลือกตา เจ็บเปลือกตา ตาแห้ง มีขี้ตามาก เปลือกตาหรือขอบตาบวมแดงเป็นหนอง น้ำตาไหลบ่อย รวมถึงดวงตาไวต่อแสงและแพ้แสง วิธีรักษาเปลือกตาอักเสบสามารถทำได้ด้วยการทำความสะอาดดวงตา ประคบอุ่น  หากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา และใช้ยาปฏิชีวนะ ยาสเตียรอยด์รักษาตามแพทย์สั่ง  การป้องกันอาการเปลือกตาอักเสบ เริ่มจากการรักษาความสะอาดใบหน้าและดวงตา หลีกเลี่ยงการสัมผัสตาหรือขยี้ตา อาการเปลือกตาอักเสบ เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือว่าเด็ก อาจเริ่มจากรู้สึกตาบวม เจ็บ หรือระคายเคืองที่เปลือกตาโดยไม่แน่ใจว่าเป็นแค่อาการชั่วคราว หรือเป็นภาวะอักเสบที่ต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง โดยบทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจกับเปลือกตาอักเสบ ตั้งแต่สาเหตุ อาการ ไปจนถึงวิธีป้องกัน และแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพ  ทำความรู้จักกับเปลือกตาอักเสบ คืออะไร เปลือกตาอักเสบ (Blepharitis) เป็นภาวะอักเสบของผิวหนังบริเวณเปลือกตา โดยเฉพาะของเปลือกตาซึ่งประกอบด้วยขนตา ต่อมรากขนตา (Eyelash Follicles) และต่อมไขมัน (Meibomian Gland) ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองตาและความไม่สบายตาที่พบได้บ่อย ในภาวะนี้ตรวจพบได้ในเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจากจักษุแพทย์ อาจไม่แสดงอาการชัดเจนในบางราย  เปลือกตาอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยมักเกิดกับตาทั้งสองข้าง และมีลักษณะเรื้อรัง แม้ไม่ใช่โรคติดต่อหรืออันตรายถึงขั้นตาบอด แต่ก็ส่งผลต่อชีวิตประจำวันจากอาการคันตา ตาบวม แสบตา ตาแดง ตากุ้งยิงบ่อย รวมถึงอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงถาวรที่ขอบเปลือกตา เช่น ตาแห้งเรื้อรัง ขนตางอกผิดทิศทิ่มกระจกตา ผิวกระจกตาอักเสบ หรือแผลที่กระจกตา ซึ่งอาการดังกล่าวนั้นส่งผลต่อการมองเห็นในระยะยาว     ชนิดของเปลือกตาอักเสบมีอะไรบ้าง? เปลือกตาอักเสบแบ่งเป็น 2 ชนิดตามตำแหน่งของตา ได้แก่ เปลือกตาอักเสบส่วนหน้าและส่วนหลัง แต่มักแยกจากกันยากรวมถึงเกิดร่วมกันได้บ่อย ดังนี้ เปลือกตาอักเสบส่วนหน้า (Anterior Blepharitis) ประกอบด้วยผิวหนังเปลือกตา โคนขนตา ต่อมรากขนตา อาการที่แสดงจะมีขี้ตาติดบนขนตาหรือมีอาการบริเวณที่ขนตาขึ้น โดยสามารถแบ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการเปลือกตาอักเสบ ตาบวม ได้แก่ เปลือกตาอักเสบชนิดที่เกิดจากเปลือกตาติดเชื้อแบคทีเรียสแตฟีโลค็อกคัส (Staphylococcal Blepharitis) เป็นชนิดที่พบบ่อยในผู้หญิงถึง 80% เปลือกตาอักเสบชนิดที่เป็นการอักเสบของต่อมสร้างไขมันผิวหนังเปลือกตา (Seborrheic Blepharitis) เปลือกตาอักเสบส่วนหลัง (Posterior Blepharitis) มักเกิดจากต่อมไขมันที่ขอบเปลือกตา (Meibomian Gland) ทำงานผิดปกติ (Meibomian Gland Dysfunction – MGD) ซึ่งหากต่อมนี้ทำงานได้น้อยลง จะทำให้น้ำตาระเหยได้เร็ว จนเกิดเป็นตาแห้ง ตาแดง เคืองตา คันตา น้ำตาไหล แต่หากใช้งานมากไปก็จะทำให้หนังตาแดง มีคราบขี้ตา หรือสะเก็ดบริเวณขนตา     สาเหตุหลักของเปลือกตาอักเสบมีอะไรบ้าง? สาเหตุของเปลือกตาอักเสบยังไม่ทราบแน่ชัด อาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ได้แก่ โรคผื่นแพ้ต่อมไขมันที่ผิวหนัง (Seborrheic Dermatitis) สะเก็ดรังแค อาจทำให้เกิดการอักเสบระคายเคืองที่ผิวหนังบริเวณเปลือกตา การติดเชื้อแบคทีเรียหรือติดเชื้อราที่เปลือกตา การอุดตันหรือการทำงานผิดปกติของต่อมไขมันที่ขอบเปลือกตา (Meibomian Gland Dysfunction – MGD) โรคภูมิแพ้ รวมถึงโรคทางระบบร่างกาย เช่น โรคแพ้ภูมิตนเอง โรคต่อมไมโบเมียนทำงานผิดปกติ โรคผิวหนังอักเสบเซบเดิร์ม โรคโรซาเซีย ผู้มีภาวะหมดประจำเดือน มีการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง เป็นต้น ไรฝุ่นหรือไรขนตา (Demodex) ภาวะตาแห้ง การได้รับสิ่งสกปรกบริเวณเปลือกตา เช่น ฝุ่นละออง การเขียนขอบตา การติดขนตาปลอม การใช้เครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตา การสักขอบเปลือกตา รวมถึงการใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ การได้รับยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยารักษาโรคซึมเศร้า ยารักษาโรคต่อมลูกหมากโต เป็นต้น     เช็กสัญญาณอาการเปลือกตาอักเสบที่ไม่ควรมองข้าม หากมีอาการเหล่านี้บ่อยๆ อาจมีอาการของโรคเปลือกตาอักเสบ มีดังนี้ ตาเป็นกุ้งยิง เปลือกตาอักเสบบวมแดงเป็นหนอง มีตุ่มสีขาวคล้ายสิว แต่ไม่มีหัว บริเวณเปลือกตาหรือขอบเปลือกตา คันเปลือกตาหรือเจ็บเปลือกตา รู้สึกเหมือนมีทรายหรือสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา รู้สึกปวดแสบปวดร้อนตา แสบตา มีการระคายเคืองตา ตาแดง ตาแห้ง น้ำตาไหลบ่อย มีขี้ตาเยอะหรือคราบสะเก็ดบริเวณขนตาหรือหัวตา มักเป็นช่วงเช้าเวลาตื่นนอน บางครั้งขนตาติดกันจนลืมตาไม่ขึ้น ขนตาเกหรือจับตัวกันเป็นกระจุก ขนตาร่วง และขนตาขึ้นผิดปกติ งอกแล้วงอเข้าด้านใน ทำให้ขนตาทิ่มตา ตาแพ้แสง ไวต่อแสง รวมถึงตาพร่ามัว แต่เมื่อกระพริบตาแล้วมักจะดีขึ้น ภาวะแทรกซ้อนจากเปลือกตาอักเสบ โรคเปลือกตาอักเสบอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ โดยมีอาการดังนี้ มีความผิดปกติของผิวหนังเปลือกตา เช่น แผลเป็นที่ขอบเปลือกตา ขอบเปลือกตาม้วนเข้าหรือม้วนออก เกิดการอุดตันของต่อมไขมันบริเวณขอบเปลือกตา ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อภายในต่อมไขมันและทำให้เปลือกตาบวม แดง เจ็บ หรือตากุ้งยิง หากอาการอักเสบติดเชื้อดีขึ้น อาจทิ้งร่องรอยเป็นตุ่มนูนแข็งบริเวณเปลือกตา (Chalazion) ได้ ตาแดงเรื้อรังจากเยื่อบุตาอักเสบ กระจกตาถลอกหรือเป็นแผล จากการระคายเคืองจากเปลือกตาอักเสบหรือขนตางอกผิดทิศทาง เพื่อความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่กระจกตา จากอาการตาแห้งหรือน้ำตาไม่เพียงพอ หากกระจกตาขุ่นจากแผลเป็นอาจทำให้การมองเห็นแย่ลงแบบถาวรได้     วิธีรักษาเปลือกตาอักเสบด้วยตัวเอง ทำอย่างไร? อาการเปลือกตาอักเสบมีวิธีรักษาที่ง่ายและดีที่สุดคือ การรักษาความสะอาดบริเวณเปลือกตาและขอบเปลือกตา สามารถทำได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้ หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น หยุดใช้เครื่องสำอางบริเวณตาและคอนแทคเลนส์ชั่วคราว ประคบอุ่น ด้วยการใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นประคบตา 10-15 นาที วันละ 1-2 ครั้ง เพื่อละลายสิ่งอุดตัน นวดเปลือกตา ใช้นิ้วสะอาดกรีดเบาๆ ตามแนวไขมัน เพื่อระบายสารคัดหลั่งที่อุดตัน (หลีกเลี่ยงหากมีอาการอักเสบรุนแรง) ทำความสะอาดตา โดยนำแชมพูเด็กผสมกับน้ำในอัตรา 1:1 ใช้สำลีเช็ดโคนขนตาเบาๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะ รักษาเปลือกตาอักเสบด้วยการใช้ยา  ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรง จำเป็นต้องพบจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการรักษาด้วยยาตามความเหมาะสมและตามสาเหตุของโรค โดยยาที่ใช้รักษาอาการเปลือกตาอักเสบจะสามารถใช้ยาอะไรบ้าง ดังนี้ ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) อาจเป็นยาหยอดตา ขี้ผึ้งป้ายตา และหากมีการติดเชื้อต้องใช้เป็นยากิน ยาสเตียรอยด์ (Steroids) ช่วยลดอาการอักเสบ บวม แดง หรืออาการระคายเคือง ยาปรับภูมิต้านทาน (Immunomodulators) เช่น ยาหยอดตาบางชนิด เพื่อช่วยลดอาการอักเสบในบางกรณี เช่น การอักเสบของขอบเปลือกตาส่วนหลัง น้ำตาเทียม ช่วยลดอาการตาแห้งและการระคายเคือง วิธีป้องกันเปลือกตาอักเสบ ทำอย่างไร? เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังที่มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ การดูแลสุขอนามัยและปรับพฤติกรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังนี้ รักษาความสะอาดเปลือกตาด้วยการล้างหน้าและล้างมือด้วยสบู่อ่อนๆ เช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด และทำความสะอาดทุกวันด้วยผลิตภัณฑ์เฉพาะหรือน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา ห้ามขยี้ตา เกาเปลือกตาเพื่อลดการระคายเคือง และใช้ทิชชูสะอาดซับน้ำตาหรือยาหยอดตาส่วนเกิน ล้างเครื่องสำอางรอบดวงตาทุกคืน รวมถึงหมั่นเปลี่ยนเครื่องสำอางที่เกี่ยวข้องกับตาทุกๆ 3-6 เดือน ปรับการใช้คอนแท็กต์เลนส์ ใส่แว่นตาแทนคอนแท็กต์เลนส์ในช่วงที่มีอาการ และหมั่นทำความสะอาดคอนแท็กต์เลนส์อย่างเคร่งครัด     รักษาเปลือกตาอักเสบ ที่ศูนย์รักษากระจกตา Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร หากมีอาการของโรคเปลือกตาอักเสบ สามารถเข้ามาปรึกษาและรักษาอาการตั้งแต่ระยะเริ่มต้นได้ที่ศูนย์รักษากระจกตา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ที่โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการ มีจุดเด่นดังนี้ มีจักษุแพทย์ชำนาญการและมากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาอย่างเหมาะสม เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาสมัยใหม่ และเครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากลครบครัน เพื่อการรักษาดวงตาอย่างปลอดภัย พร้อมให้การรักษา ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป เปลือกตาอักเสบ (Blepharitis) เป็นภาวะอักเสบเรื้อรังบริเวณขอบเปลือกตา เกิดจากการทำงานผิดปกติของต่อไขมัน (Meibomian Gland) หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย มักพบร่วมกับโรคผิวหนังเซบเดิร์ม ภูมิแพ้ หรือตาแห้ง โดยมีอาการหลัก ได้แก่ คันตา แสบตา ขนตาขึ้นผิดทิศทาง ตากุ้งยิง และไวต่อแสง ส่วนการรักษาเน้นทำความสะอาดเปลือกตาด้วยการประคบอุ่น นวดเบาๆ ในกรณีที่อาการไม่รุนแรง แต่หากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและใช้ยาปฏิชีวนะหรือสเตียรอยด์เฉพาะที่ และน้ำตาเทียม เพื่อป้องกันการกลับไปเป็นซ้ำ และสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขอนามัยเป็นประจำและเลี่ยงการขยี้ตา  โดย Bangkok Eye Hospital โรงพยาบาลเฉพาะทางเกี่ยวกับดวงตา พร้อมให้คำปรึกษา ดูแล และรักษาเปลือกตาอักเสบ ด้วยเทคโนโลยีเครื่องมือที่ทันสมัยจากจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการ ช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัย และถูกต้องแม่นยำ อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  ตาแห้งมีอาการอย่างไร พร้อมวิธีรักษา และปรับพฤติกรรมป้องกันตาแห้ง วิธีการล้างตาที่ถูกต้อง ปลอดภัย ป้องกันการติดเชื้อ ระคายเคืองดวงตา กระจกตาติดเชื้อคืออาการอะไร การรักษาและป้องกันที่ถูกต้องทำอย่างไร FAQ – คำถามที่พบบ่อย เปลือกตาอักเสบหายเองได้ไหม? ในกรณีที่อาการไม่รุนแรง สามารถหายเองได้เมื่อดูแลสุขอนามัยอย่างเหมาะสม ทั้งการรักษาความสะอาดร่างกายและอุปกรณ์ส่วนตัวเป็นประจำ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเปลือกตาอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปลือกตาอักเสบควรใช้ยาอะไร? ก่อนใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ โดยสามารถใช้เป็นยาปฏิชีวนะ ยาสเตียรอยด์ ยาปรับภูมิต้านทาน และน้ำตาเทียม เปลือกตาอักเสบต่างกับตากุ้งยิงอย่างไร? ถึงแม้จะเกิดอาการบริเวณเปลือกตาเหมือนกันแต่มีสาเหตุต่างกัน คือเปลือกตาอักเสบเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ต่อมไขมันผิดปกติ ภูมิแพ้ ไรขนตา มีอาการบวมทั้งเปลือกตาและโคนขนตา ส่วนตากุ้งยิงเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย อาการบวมแดงเป็นหัวหนอง มีทั้งแบบในและนอกเปลือกตา
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111