มุมสุขภาพตา : #ล้างตา

เรียงตาม

กระจกตาบางเกิดจากอะไร? อาการ ผลกระทบต่อสายตาและวิธีรักษา

กระจกตาบางคือภาวะที่กระจกตาซึ่งเป็นชั้นโปร่งใสด้านหน้าตาของดวงตามีความหนาน้อยกว่าปกติ ส่งผลต่อการมองเห็นและสุขภาพตา กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมตามวัย การขยี้ตาบ่อยๆ โรคทางพันธุกรรม หรือผลข้างเคียงจากการผ่าตัดตา เช่น เลสิก อาการของกระจกตาบางที่สังเกตได้ เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย มองเห็นภาพบิดเบี้ยว และสายตาเอียงสูงผิดปกติ กระจกตาบางคือภาวะที่ความหนาของกระจกตาลดลงกว่าปกติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการโฟกัสแสงเข้าสู่ดวงตา ทำให้การมองเห็นมีความคมชัด หากกระจกตาบางเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสายตา เช่น สายตาผิดปกติ หรือมีผลกระทบต่อการรักษาดวงตาด้วยวิธีต่างๆ เช่น เลสิก การเข้าใจสาเหตุ อาการ และการดูแลกระจกตาบางอย่างถูกต้อง จึงช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและดูแลสุขภาพตาได้ดีขึ้น       กระจกตาคืออะไร? สิ่งสำคัญต่อการมองเห็น กระจกตา (Cornea) คือชั้นโปร่งใสและโค้งอยู่ด้านหน้าสุดของดวงตา ครอบคลุมตาดำ มีหน้าที่ช่วยหักเหแสงให้เข้าสู่ดวงตา ทำให้เรามองเห็นชัดเจน และยังเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคโดยตรง โดยปกติความหนาของกระจกตาจะอยู่ที่ประมาณ 520-550 ไมครอน และสามารถบางลงได้ตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย       รู้จักกับกระจกตาบาง กระจกตาบางคือลักษณะของกระจกตาที่มีความหนาน้อยกว่า 500 ไมครอน (0.5 มิลลิเมตร) โดยทั่วไปไม่ถือเป็นโรคและไม่ต้องรักษา แต่กระจกตาบางจะส่งผลต่อการวินิจฉัยโรคบางอย่าง เช่น ต้อหิน เพราะทำให้วัดความดันตาต่ำกว่าความจริง รวมถึงส่งผลต่อการเลือกวิธีแก้ไขสายตา เช่น หากผู้ป่วยต้องการทำ LASIK และ มีระดับค่าสายตาที่มีผิดปกติสูง เช่น สั้น หรือ เอียงมาก โดยมีความหนาของกระจกตาน้อย เมื่อเปรียบเทียบกันกับเนื้อกระจกตาที่ต้องใช้ผ่าตัด หลังจากได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เเพทย์ประเมินแล้วอาจจะไม่สามารถแก้ไขค่าสายตาได้หมด หรืออาจทำให้ กระจกตาเสี่ยงเป็นโรคกระจกตาอื่นๆหลังการแก้ไข เเพทย์อาจประเมินให้ผู้ป่วยทำการรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น PRK ICL FemtoLASIK ReLEx SMILE Pro หรือ NanoLASIK  แทนการทำ LASIK แบบทั่วๆไป ซึ่งเป็นการเเก้ไขที่ใช้หรือรบกวนความหนาของกระจกตาน้อยกว่าเพราะฉะนั้น ก่อนทำเลสิกจึงต้องสังเกตและตรวจประเมินความหนาของกระจกตาอย่างละเอียด เพราะหากบางเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะสายตาเอียงผิดปกติ หรือกระจกตาย้วย ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นได้ นอกจากนี้หลายคนยังสงสัยว่า “ใส่คอนแท็กต์เลนส์ ทำให้กระจกตาบางจริงไหม?” คำตอบคือ โดยทั่วไปการใส่คอนแท็กต์เลนส์อย่างถูกวิธี ไม่ได้ทำให้กระจกตาบางลง แต่หากใส่นานเกินไป ไม่ถอดล้างหรือดูแลอย่างถูกต้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเกิดภาวะขาดออกซิเจนที่กระจกตา ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อบางลงได้เช่นกัน       กระจกตาบางเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง? กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้สามารถป้องกันและดูแลสุขภาพตาได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย มีดังนี้   โรคทางพันธุกรรม แม้ว่าภาวะกระจกตาบางมักเกิดจากพฤติกรรมบางอย่าง แต่ในบางกรณี ความผิดปกตินี้อาจมีสาเหตุจากโรคพันธุกรรมที่ถ่ายทอดภายในครอบครัว หนึ่งในโรคที่พบบ่อย คือ กระจกตาย้วย (Keratoconus) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะกระจกตาบาง กระจกตาจะบางลงและโป่งยื่นออกมาคล้ายรูปกรวย ทำให้สายตาเอียงผิดปกติ และการมองเห็นแย่ลงเรื้อรัง มักเริ่มแสดงอาการในช่วงวัยรุ่นถึงอายุ 30 ปี โรคกระจกตาบางจากพันธุกรรมอื่นๆ (Corneal Dystrophies) เช่น Pellucid Marginal Degeneration (PMD) ซึ่งกระจกตาจะบางลงบริเวณขอบด้านล่าง   การบาดเจ็บหรือการผ่าตัดตา การผ่าตัดแก้ไขสายตาบางประเภท เช่น การทำเลสิก (LASIK) หรือ PRK อาจส่งผลให้กระจกตาบางลงได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการเลเซอร์เนื้อกระจกตา ออกไปมากเกินความจำเป็น ทำให้ความหนาของกระจกตาที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาย้วยในอนาคต นอกจากนี้การบาดเจ็บที่กระจกตาซ้ำๆ รวมถึงการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น แผลที่กระจกตาหรือกระจกตาอักเสบ ก็สามารถทำลายเนื้อเยื่อกระจกตาและทำให้เกิดการบางลงได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที   โรคอื่นๆ หรือการใช้ยา โรคทางภูมิคุ้มกันบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคเอสแอลอี (SLE) อาจส่งผลกระทบต่อกระจกตา ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวะกระจกตาบางได้ในระยะยาว เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเนื้อเยื่อของตาเอง ในขณะเดียวกัน การใช้ยาหยอดตาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลข้างเคียงต่อโครงสร้างของกระจกตา ทำให้เนื้อเยื่อกระจกตาอ่อนแอและบางลงได้เช่นกัน       อาการของภาวะกระจกตาบาง ภาวะกระจกตาบางมักพัฒนาอย่างช้าๆ จนอาจไม่สังเกตเห็นได้ในระยะแรก การเรียนรู้ที่จะสังเกตอาการเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยอาการที่อาจพบมีดังนี้ การมองเห็นพร่ามัวหรือไม่ชัดเจน ค่าสายตาเปลี่ยนแปลงบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ มีค่าสายตาเอียงสูงกว่าปกติ มองเห็นภาพบิดเบี้ยว หรือมีลักษณะผิดรูปจากความจริง       วิธีการตรวจและวินิจฉัยกระจกตาบาง โดยปกติแล้วภาวะกระจกตาบางมักถูกตรวจพบในขั้นตอนการประเมินสายตาก่อนทำเลสิก ซึ่งแพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Keratometerตรวจวัดความโค้งของกระจกตาและค่าสายตาเอียง โดยการสะท้อนแสงบนกระจกตาเพื่อตรวจหารูปร่างและความโค้งที่ผิดปกติ ซึ่งความโค้งที่ผิดปกตินี้ อาจสัมพันธ์กับความบางของกระจกตา นอกจากนั้นยังมีการตรวจ Corneal Tophography หรือแผนภูมิดวงตาเพื่อประเมินค่าความหนาบางและความผิดปกติของกระจกตาอื่นๆด้วย โดยอาจจะมีการวัด Tomographic Biomechanical Index หรือ ค่าความเเข็งเเรงของกระจกตา เสริมเพื่อตรวจความเสี่ยงของโรค Corneal Ectasia หรือโรคกระจกตาโป้งอีกด้วย แม้ว่าจะสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ เช่น มองเห็นไม่ชัดหรือค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย แต่การวินิจฉัยว่ามีกระจกตาบางจริงหรือไม่นั้น ต้องอาศัยการตรวจโดยจักษุแพทย์เท่านั้น เพราะการสังเกตอาการด้วยตนเองเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น ไม่สามารถยืนยันผลได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าตนเองมีกระจกตาบาง ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการดูแลและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น   สรุป กระจกตาบางเป็นภาวะที่หลายคนไม่รู้ตัว แต่สามารถส่งผลกระทบต่อการมองเห็น เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย หรือภาพบิดเบี้ยว ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรม โรคภูมิคุ้มกัน การผ่าตัดแก้ไขสายตา หรือการใช้ยาบางชนิด การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่วางแผนทำเลสิก ควรเข้ารับการตรวจวัดความหนาและความโค้งของกระจกตาอย่างละเอียดที่ Bangkok Eye Hospital ด้วยเครื่องมือทันสมัยและแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพดวงตาได้อย่างมั่นใจ   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระจกตาบาง (FAQ) หลายคนที่เพิ่งเคยได้ยินเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบางอาจมีข้อสงสัยมากมาย เพื่อช่วยให้เข้าใจมากขึ้น เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบาง พร้อมคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันในบทความนี้   ทำอย่างไรให้กระจกตาหนาขึ้น ความหนาของกระจกตาไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติที่เกิดจากโครงสร้างภายในชั้นกระจกตาเอง   ถ้าปล่อยให้กระจกตาบางแล้วไม่รักษา จะเป็นอย่างไร? สายตาพร่ามัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถแก้ไขด้วยแว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์ปกติได้ กระจกตาโป่งยื่นออกมามากผิดปกติ ทำให้การมองเห็นแย่ลงอย่างถาวร ในบางกรณีรุนแรงมาก อาจเกิดภาวะกระจกตาบวมน้ำฉับพลัน (Acute Hydrops) หรือกระจกตาทะลุ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินและอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา   สามารถป้องกันภาวะกระจกตาบางได้ไหม หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ เพราะการขยี้ตาเป็นประจำและรุนแรงสามารถทำให้กระจกตาบางลงและเป็นตัวกระตุ้นให้โรคกระจกตาย้วยแย่ลง ดูแลสุขภาพตาโดยรวม เช่น ไม่ใช้คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป และรักษาความสะอาดของดวงตา พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกี่ยวกับกระจกตา เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและเริ่มการรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะให้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีกว่า  
อ่านเพิ่มเติม

วิธีการล้างตาที่ถูกต้อง ปลอดภัย ป้องกันการติดเชื้อ ระคายเคืองดวงตา

ดวงตาของเราเป็นอวัยวะที่บอบบางและสำคัญต่อการมองเห็น หากมีสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่นละออง หรือสารเคมีเข้าตา การล้างตาอย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น เพื่อป้องกันการระคายเคือง การติดเชื้อ หรืออาการบาดเจ็บรุนแรง บทความนี้จะพามาดูขั้นตอนการล้างตาที่ถูกต้อง ถูกสุขอนามัย เมื่อสิ่งแปลกปลอมเข้าตาจนเคืองตา พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุเพื่อดูแลดวงตาของคุณให้สะอาดและปลอดภัย สิ่งแปลกปลอมและสารเคมีที่เข้าตาอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง ตั้งแต่การติดเชื้อไปจนถึงการสูญเสียการมองเห็น การล้างตาทันทีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มีตัวเลือกในการล้างตาที่ปลอดภัย ได้แก่ น้ำเกลือ น้ำยาล้างตา และน้ำสะอาด โดยน้ำเกลือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะมีความเข้มข้นใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติ ควรหลีกเลี่ยงการขยี้ตาเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา เพราะอาจทำให้เกิดแผลที่กระจกตา เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงในระยะยาว วิธีการล้างตาที่ถูกต้องเริ่มจากการกระพริบตาหลายครั้ง ตามด้วยการล้างด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพบจักษุแพทย์ การดูแลสุขอนามัยรอบดวงตาเป็นประจำ เช่น การล้างเครื่องสำอางให้สะอาด และการหลีกเลี่ยงการสัมผัสตาด้วยมือที่ไม่สะอาด จะช่วยป้องกันการติดเชื้อและปัญหาสุขภาพตาในระยะยาว     ทำไมต้องล้างตา? การล้างตาสำคัญอย่างไร เมื่อดวงตาเกิดการระคายเคืองหรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา ไม่ว่าจะเป็นสารเคมี ฝุ่นละออง หรือสิ่งสกปรกต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำความสะอาดหรือล้างตาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากสิ่งเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อที่เป็นอันตรายต่อดวงตาและการมองเห็นได้ วิธีทำความสะอาดตาเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น การล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด หรือการขยี้ตาด้วยมือที่สกปรก อาจนำไปสู่การติดเชื้อและก่อให้เกิดอาการผิดปกติได้หลายรูปแบบ ทั้งเปลือกตาอักเสบ เปลือกตาบวมแดง ตาแดง หรือเยื่อบุตาอักเสบ ที่สำคัญที่สุดคือกรณีที่สารเคมีกระเด็นเข้าตา หากไม่รีบล้างออกทันทีอาจเกิดอันตรายร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นได้     ล้างตาด้วยอะไรได้บ้าง? การดูแลสุขภาพตาด้วยการทำความสะอาดอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนสามารถทำได้เองที่บ้าน ไม่ยุ่งยากและไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษมากมาย วิธีการล้างตาที่ถูกต้องไม่เพียงช่วยให้ดวงตาสะอาดสดใสเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันการติดเชื้อและปัญหาสุขภาพตาต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นในระยะยาว มาดูวิธีล้างตาที่ถูกต้องและปลอดภัยเพื่อการดูแลดวงตาให้มีสุขภาพดีกัน! 1. ล้างตาด้วยน้ำเกลือ น้ำเกลือล้างตาได้ไหม? การล้างตาด้วยน้ำเกลือหรือ Normal Saline เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากน้ำเกลือผ่านการฆ่าเชื้อและมีความเข้มข้นของเกลือใกล้เคียงกับน้ำตาตามธรรมชาติ จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแสบตาหรือระคายเคือง เมื่อมีสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตา สามารถใช้น้ำเกลือล้างตาได้ทันที โดยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใช้นิ้วมือดึงเปลือกตาข้างที่ต้องการล้างลง แล้วค่อยๆ เทน้ำเกลือเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกออก 2. ล้างตาด้วยน้ำยาล้างตากับยาหยอดตา น้ำยาล้างตากับยาหยอดตาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับวิธีทำความสะอาดดวงตาโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับใช้เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตาหรือเมื่อมีอาการระคายเคืองและแสบตา ด้วยคุณสมบัติที่ปราศจากเชื้อ มีส่วนผสมของสารควบคุมความเป็นกรดด่าง และส่วนประกอบอื่นๆ ที่ปลอดภัยต่อดวงตา ทำให้น้ำยาล้างตาเป็นตัวเลือกที่ดีในการดูแลสุขอนามัยของดวงตา อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรศึกษาฉลากผลิตภัณฑ์ให้ละเอียดก่อนใช้งาน และหากพบว่าอาการระคายเคืองหรือแสบตาไม่บรรเทาลง หรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป 3. ล้างตาและประคบอุ่น สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา ไม่ว่าจะเป็นอาการเปลือกตาอักเสบ ต่อมไขมันเปลือกตาอุดตัน หรือตาล้า การประคบอุ่นร่วมกับการล้างตาและทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตาเป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยความอุ่นจะช่วยคลายการอุดตันของต่อมไขมันและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย     วิธีล้างตาที่ถูกต้องเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา เมื่อฝุ่นละออง เศษผง หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตา ควรทำตามขั้นตอนการล้างตาดังต่อไปนี้ กระพริบตาหลายครั้ง การกระพริบตาเป็นกลไกธรรมชาติที่ช่วยให้น้ำตาไหลและชะล้างสิ่งแปลกปลอมออกจากดวงตา ให้กระพริบตาเบาๆ หลายๆ ครั้งจนรู้สึกว่าอาการระคายเคืองลดลง ใช้น้ำสะอาดล้างตาให้ใช้น้ำสะอาดที่ผ่านการต้มสุกและเย็นลงแล้ว หรือน้ำดื่มบริสุทธิ์ล้างตาเบาๆ โดยอาจใช้ภาชนะสะอาดรองน้ำแล้วกะพริบตาในน้ำ หรือใช้มือสะอาดตักน้ำล้างตาก็ได้ ใช้น้ำยาล้างตาหรือพบแพทย์หากล้างตาด้วยน้ำสะอาดแล้วยังรู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอมค้างอยู่ ให้ใช้น้ำยาล้างตาที่ปราศจากเชื้อ หรือรีบไปพบจักษุแพทย์โดยเร็ว โดยเฉพาะถ้ามีอาการปวด แสบ หรือตาแดงร่วมด้วย สิ่งที่ห้ามทำเมื่อสิ่งแปลกปลอมเข้าตา เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตาจนเกิดอาการระคายเคือง หลายคนอาจเผลอขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว การถูขยี้ตานั้นเป็นพฤติกรรมที่ทำให้อาการผิดปกติแย่ลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ รวมถึงในกรณีที่ขยี้ตาอย่างแรง อาจทำให้เกิดแผลที่กระจกตาได้ นอกจากนี้พฤติกรรมการขยี้ตาเป็นประจำ อาจนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง และผิวหนังรอบดวงตาเหี่ยวย่นได้อีกด้วย ล้างตาทุกวันดีไหม? ดวงตาของมนุษย์มีกลไกทำความสะอาดตัวเองตามธรรมชาติผ่านการกระพริบและการหลั่งน้ำตา จึงไม่จำเป็นต้องล้างตาทุกวันหากไม่มีปัญหาใดๆ การล้างตาควรทำเฉพาะเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา หรือเมื่อรู้สึกระคายเคืองเท่านั้น ในสภาวะปกติ การกระพริบตาตามธรรมชาติจะช่วยกระจายน้ำตาและชะล้างสิ่งสกปรกเล็กๆ น้อยๆ ออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การล้างตาบ่อยเกินไปโดยไม่จำเป็นอาจรบกวนสมดุลตามธรรมชาติของดวงตาได้ ใช้น้ำประปาล้างตาได้ไหม? การใช้น้ำประปาล้างตาเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากน้ำประปามีการปนเปื้อนของคลอรีนและเชื้อโรคหลายชนิด ทั้งไวรัส แบคทีเรีย และอะมีบา แม้เชื้อโรคเหล่านี้อาจไม่ส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายโดยตรง แต่สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อที่ดวงตาได้ อย่างไรก็ตาม ในกรณีฉุกเฉินที่มีสารเคมีเข้าตา และไม่มีน้ำเกลือหรือน้ำยาล้างคอนแท็กต์เลนส์อยู่ใกล้ตัว การใช้น้ำประปาล้างตาก็ถือเป็นทางเลือกที่จำเป็น เนื่องจากการปล่อยให้สารเคมีค้างอยู่ในดวงตาเป็นเวลานานจะยิ่งก่อให้เกิดอันตรายมากขึ้น ดังนั้น จึงควรเตรียมน้ำเกลือหรือน้ำยาล้างตาติดบ้านไว้เสมอเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน     ใช้น้ำเกลือล้างตาแทนน้ำยาล้างตาได้ไหม? น้ำเกลือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่สามารถใช้ล้างตาได้อย่างปลอดภัย แต่สิ่งสำคัญคือต้องเลือกใช้เฉพาะน้ำเกลือทางการแพทย์ (Sterile Saline) ที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อและบรรจุในภาชนะที่ปราศจากเชื้อเท่านั้น การผสมน้ำเกลือใช้เองที่บ้านไม่แนะนำเลย เพราะแม้จะใช้น้ำสะอาดและเกลือบริสุทธิ์ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรก ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อที่ตาและก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตาที่ร้ายแรงได้ ระคายเคืองตาแบบไหนที่ควรไปพบแพทย์? หากล้างตาตามขั้นตอนที่ถูกต้องแล้ว แต่ยังคงมีอาการผิดปกติ เช่น รู้สึกระคายเคืองรุนแรง เจ็บปวดภายในดวงตา มีอาการตาแดงที่ไม่ดีขึ้น หรือสังเกตเห็นความผิดปกติในการมองเห็น เช่น มองเห็นภาพไม่ชัด มีจุดดำ หรือแสงจ้า ไม่ควรรอให้อาการรุนแรงขึ้น ควรรีบไปพบจักษุแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพดวงตาในระยะยาว     รักษาอาการระคายเคืองตา ที่ศูนย์รักษาตา Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร หากมีอาการระคายเคืองตาจากสิ่งแปลกปลอม แต่ล้างตาอย่างเดียวไม่หาย แนะนำให้เข้ามาปรึกษาและรักษาอาการเหล่านี้ได้ที่ศูนย์รักษาตา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ที่นี่โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยทีมจักษุแพทย์มากความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับดวงตา มีจุดเด่นดังนี้ โรงพยาบาลมีทีมจักษุแพทย์มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาสมัยใหม่ เครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย พร้อมให้การรักษาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป การล้างตาที่ถูกต้องนั้นมีความสำคัญในการป้องกันปัญหาการระคายเคืองและการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นกับดวงตา การเลือกใช้น้ำสะอาดที่ผ่านการต้มหรือกรองแล้ว หรือน้ำยาล้างตาที่เหมาะสมกับสภาพและอาการของดวงตา จะช่วยให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากสังเกตพบความผิดปกติใดๆ เช่น อาการแสบ ระคายเคือง หรือตาแดงที่ไม่หายไป ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและคำแนะนำในการดูแลรักษาที่เหมาะสม เพราะการดูแลสุขอนามัยของดวงตาอย่างถูกวิธีจะช่วยให้เรามีสุขภาพตาที่ดีและสามารถใช้สายตาได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว สำหรับคนที่มีปัญหาดวงตา แนะนำมาที่Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ)โรงพยาบาลเฉพาะทางที่มีทีมแพทย์มากประสบการณ์ อุปกรณ์ที่ทันสมัย ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล มั่นใจได้ว่าการรักษาเป็นไปอย่างถูกต้อง แม่นยำ และปลอดภัย
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111