มุมสุขภาพตา : #ทำเลสิก

เรียงตาม

ตาแห้งมีอาการอย่างไร วิธีรักษา ป้องกัน และพฤติกรรมที่ช่วยลดอาการตาแห้ง

อาการตาแห้ง คือภาวะตาขาดความชุ่มชื้นเพราะการผลิตน้ำตาน้อยเกินไปหรือคุณภาพน้ำตาไม่ดี ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและไม่สบายตาได้ ตาแห้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้นทำให้การผลิตน้ำตาน้อยลง การสวมใส่คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป การจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ รวมถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรักษาตาแห้งทำได้หลายวิธี เช่น ยาหยอดตา น้ำตาเทียม การประคบอุ่น และการรักษาด้วยยาลดการอักเสบ รักษาอาการตาแห้งที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ได้รับการดูแลจากจักษุแพทย์ พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยและการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ   ตาแห้งเป็นโรคที่ทำให้ตารู้สึกแห้งและระคายเคือง เนื่องจากการผลิตน้ำตาลดลงหรือคุณภาพของน้ำตาไม่ดีพอ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย หากดูแลอย่างถูกวิธี จะช่วยลดอาการและป้องกันภาวะตาแห้งในระยะยาว มาหาสาเหตุของอาการตาแห้ง วิธีรักษา รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้งได้ในบทความนี้     อาการตาแห้ง คืออะไร? ก่อนทำความรู้จักกับอาการตาแห้ง ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘น้ำตา’ กันก่อน โดยน้ำตามีความสำคัญต่อดวงตา เป็นตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างชัดเจน หล่อเลี้ยงเลี้ยงกระจกตาด้วยออกซิเจน และป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาทำร้ายดวงตา ตาแห้ง เป็นอาการที่ปริมาณน้ำตาที่เข้ามาหล่อเลี้ยงผิวตามีไม่เพียงพอส่งผลให้ผิวตาอักเสบได้ โดยอาการของตาแห้งอาจเริ่มจากการแสบตา หรือรู้สึกระคายเคืองเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา รวมถึงอาจพบอาการตาแดง เจ็บ หรือมีการพร่ามัวที่ดีขึ้นเมื่อกะพริบตา นอกจากนี้ยังอาจรู้สึกฝืดๆ หนักๆ ที่ตา หรือลืมตาลำบาก และบางครั้งอาจมีอาการตาล้าหรือมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ     ทำไมถึงมีอาการตาแห้งได้ ตาแห้งเป็นปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความสบายของดวงตาและการมองเห็น โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานเกินไป อาการภูมิแพ้ที่ตาซึ่งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน หรือมลภาวะ อยู่ในที่ร้อน ลมแรง หรือความชื้นต่ำ ความผิดปกติของต่อมไขมันขอบตา การพบตัวไร (Demodex blepharitis) บริเวณโคนขนตา ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อมน้ำตา การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาต้านซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิตบางชนิด ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล โดยเฉพาะในเพศหญิงที่อาจทำให้คุณภาพของน้ำตาลดลง     อาการตาแห้งเกิดจากอะไร มีปัจจัยอะไรบ้าง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำตาหรือการทำงานของต่อมน้ำตา หากมีลักษณะดังต่อไปนี้ จะทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ง่ายขึ้น สร้างน้ำตาได้น้อยกว่าปกติ  (Aqueous Tear Deficiency) กลุ่มคนที่มีความผิดปกติหรือปัจจัยที่ส่งผลให้สามารถสร้างน้ำตาได้น้อย ได้แก่   กลุ่มคนที่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome โรครูมาตอยด์ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือภาวะที่ไม่พบสาเหตุชัดเจน เช่น Primary Sjogren’s Syndrome กลุ่มคนที่ไม่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome เช่น ต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติตั้งแต่เกิด โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง การแพ้ยารุนแรง หรือการอักเสบที่ทำให้ท่อน้ำตาตัน กลุ่มคนที่ฮอร์โมนเปลี่ยน มักพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลให้การผลิตน้ำตาและสารคัดหลั่งอื่นๆ ในร่างกายลดลง การกินยาบางประเภท เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต หรือยาคลายเครียดบางชนิด ที่มีสารกันเสียเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้ตาแห้งมากขึ้น เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถลดการผลิตน้ำตาได้ น้ำตาระเหยเร็ว (Evaporative Dry Eyes)  ปัจจัยที่ส่งผลให้การระเหยของน้ำตาเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ได้แก่   ต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ เปลือกตาอักเสบที่เกิดจากความผิดปกติของชั้นไขมัน จะทำให้การสร้างน้ำตาชั้นน้ำมันลดลง ซึ่งทำให้เกิดการระเหยของน้ำตาได้เร็วขึ้น ความผิดปกติของเปลือกตา การปิดตาไม่สนิทหรือการกะพริบตาน้อยผิดปกติ ซึ่งทำให้การกระจายน้ำตาผิดปกติ และเพิ่มการระเหยของน้ำตา โดนสารเคมีหรือแพ้ยารุนแรง การอักเสบของเยื่อบุตาอาจทำให้เกิดแผลเป็น ซึ่งส่งผลต่อการสร้างน้ำตาชั้นเมือกที่ติดกับกระจกตา ทำให้การสร้างน้ำตาผิดปกติ การใช้สายตามาก พบมากในวัยทำงานจากพฤติกรรมจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ โดยไม่ค่อยกะพริบตา และการใส่คอนแท็กต์เลนส์ที่ดูดน้ำออกจากดวงตา ทำให้การผลิตน้ำตาลดลงและน้ำตาระเหยเร็ว     วิธีรักษาหรือวิธีแก้โรคตาแห้ง วิธีรักษาโรคตาแห้งจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล โดยใช้วิธีต่างๆ รวมทั้งการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ ดังนี้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตาแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน หรือแสงจ้า โดยการใส่แว่นกันแดดและแว่นกันลม เพื่อป้องกันสิ่งแวดล้อมที่อาจทำให้ตาแห้งขึ้น นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการใส่คอนแท็กต์เลนส์เป็นเวลานานๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงจากดวงตาที่อาจทำให้อาการตาแห้งแย่ลงได้ ใช้น้ำตาเทียม ในการรักษาอาการตาแห้ง น้ำตาเทียมเป็นตัวช่วยที่ดี โดยมี 2 ชนิดให้เลือกใช้ ได้แก่   น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย ในรูปแบบขวด ควรใช้ไม่เกิน 4-5 ครั้งต่อวัน อาจแบ่งการใช้ยาเพิ่มน้ำตาตามช่วงเวลาของวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ซึ่งเหมาะสำหรับอาการตาแห้งที่ไม่รุนแรง น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย แบบกระเปาะ เปิดแล้วมีอายุ 24 ชั่วโมง หรือขวดที่มีระบบวาล์วพิเศษใช้ได้นาน 6 เดือน ใช้บ่อยได้ตามต้องการ เช่น ทุก 1-2 ชั่วโมง เหมาะกับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง  ใช้ยาหยอดตาเพิ่มปริมาณน้ำตา มียาหยอดตาที่ช่วยเพิ่มน้ำตาและรักษาอาการตาแห้งได้ โดยแต่ละชนิดจะช่วยรักษาตามอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้   ยา Diquafosol ช่วยเพิ่มการสร้างน้ำตาชั้นเมือกและชั้นน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาและลดอาการแห้ง ยาปฏิชีวนะ Doxycycline ยาลดการอักเสบของเปลือกตาช่วยลดการอักเสบและอาการระคายเคืองที่เกิดจากตาแห้ง ยากลุ่ม Steroids โดยยานี้ช่วยบรรเทาการอักเสบของผิวตาและลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากการขาดน้ำตา ยา Cyclosporine ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressant) ชนิดหยอดตา ช่วยลดการอักเสบในตาและเพิ่มการผลิตน้ำตา โดยการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้ การทำความสะอาดเปลือกตา การทำความสะอาดเปลือกตาและประคบอุ่นด้วยแชมพูเด็กผสมเจือจางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเปลือกตาช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันในเปลือกตา ทำให้ชั้นไขมันที่เคลือบน้ำตาทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันน้ำตาระเหยเร็วและลดอาการตาแห้ง ใช้ Autologous Serum การรักษาอาการตาแห้งชนิดรุนแรงโดยใช้สารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อทำได้โดยการเจาะเลือดจากผู้ป่วยไปปั่นแยกเป็น Serum และนำมาหยอดร่วมกับการใช้น้ำตาเทียม ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ และส่งเสริมการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อให้กลับสู่สภาพปกติได้ดีขึ้น การอุดท่อระบายน้ำตาที่หัวตา (Punctal Plug) การรักษาอาการตาแห้งที่รุนแรงทำได้โดยการอุดช่องทางที่น้ำตาไหลออกจากตา (Punctum) ซึ่งมีทั้งชนิดอุดชั่วคราวและชนิดอุดถาวร โดยการใส่ Silicone Plug หรือ Punctal Cautery ซึ่งเป็นการจี้บริเวณช่องทางที่น้ำตาระบายออกจากตา วิธีนี้ช่วยให้ดวงตาเก็บน้ำตาไว้ได้นานขึ้น ลดการระเหยของน้ำตา และช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก     การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง การป้องกันอาการตาแห้งทำได้ง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน ดังนี้    หยุดพักจากการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือทุกๆ 20 นาที โดยการหลับตาสัก 20 วินาที หรือมองสิ่งที่อยู่ไกลประมาณ 20 ฟุต เพื่อให้ตาได้พักและผ่อนคลาย งดการใช้คอนแท็กต์เลนส์ต่อเนื่อง ควรสลับใส่แว่นในระหว่างวันเพื่อให้ดวงตาได้พัก ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อช่วยลดความเครียดของดวงตา เตือนตัวเองให้กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้น้ำตาเคลือบตาและช่วยลดการระเหยของน้ำตา หากอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้ง ร้อน หรือมีลมแรง ควรสวมแว่นกันแดดกันลมเพื่อปกป้องตาจากสภาพแวดล้อม กินอาหารที่ครบทุกหมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ปลา หรืออาหารที่มีโอเมกา 3 ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบของตา  ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน สรุป ตาแห้งคืออาการที่น้ำตาผลิตไม่เพียงพอหรือระเหยเร็วเกินไป ทำให้ดวงตารู้สึกแห้ง ระคายเคือง และอาจเกิดการอักเสบได้ รักษาได้หลายวิธี เช่น ใช้น้ำตาเทียม ประคบอุ่น ใช้ยาเพื่อเพิ่มการสร้างน้ำตาหรือลดการอักเสบ และป้องกันตาแห้งได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ดวงตา รวมถึงการใช้ยาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา  สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง รับการรักษาได้ที่ ศูนย์โรคจักษุประสาทวิทยา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ซึ่งให้การดูแลปัญหาตาแห้งที่ส่งผลต่อการมองเห็นและระบบประสาท โดยจักษุแพทย์ในการวินิจฉัยและรักษาภาวะตาแห้งอย่างครบวงจร
อ่านเพิ่มเติม
ศูนย์รักษาต้อกระจก
ศูนย์รักษาจอประสาทตา
ศูนย์เลสิก LASER VISION
ศูนย์รักษาต้อหิน
ศูนย์รักษากระจกตา
ศูนย์รักษาตาเด็ก
ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา
ศูนย์รักษาจักษุประสาทวิทยา

เลสิกสำหรับนักแบดมินตัน เพิ่มความคมชัดเพื่อชัยชนะทุกคอร์ต | Bangkok Eye Hospital

เลสิกสำหรับนักแบดมินตัน: พลิกเกมด้วยสายตาที่คมชัดกว่า 🏸 “พริบตาเดียวบนคอร์ต อาจเปลี่ยนชัยชนะเป็นความพลาด” การเล่นแบดมินตันไม่ได้อาศัยเพียงแค่พละกำลังหรือความเร็ว แต่หัวใจสำคัญคือ การมองเห็นที่แม่นยำและรวดเร็ว เพื่อการ "อ่านเกม อ่านลูก และอ่านทางคู่แข่ง" ได้เหนือกว่าใคร! อุปสรรคทางสายตาที่นักกีฬาต้องเจอ เคยไหมที่ต้องมัวดันแว่นระหว่างการแข่งขัน? หรือกังวลว่าคอนแทคเลนส์จะหลุดกลางเกม? ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้คุณเสียสมาธิและพลาดจังหวะสำคัญในเสี้ยววินาที... ซึ่งอาจหมายถึงการเสียคะแนนหรือพลาดชัยชนะไปอย่างน่าเสียดาย LASIK: คำตอบสำหรับนักกีฬายุคใหม่ การทำเลสิก (LASIK) คือทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับนักกีฬาแบดมินตันและผู้ที่รักการออกกำลังกายทุกคน ช่วยปลดล็อกศักยภาพของคุณให้เหนือกว่าเดิม สายตาคมชัด: โฟกัสการเคลื่อนไหวของลูกขนไก่ได้ดีขึ้น คล่องตัวทุกการเคลื่อนไหว: ไม่ต้องกังวลเรื่องแว่นหรือคอนแทคเลนส์ มั่นใจในทุกช็อต: ทั้งลูกตบ ลูกหยอด หรือลูกตัด เมื่อไร้กังวลเรื่องสายตา คุณจะสามารถโฟกัสที่เกมการแข่งขันได้อย่างเต็มที่ เพราะการมองเห็นที่ดี ไม่ได้แค่ทำให้เล่นดีขึ้น แต่ทำให้คุณ “มั่นใจในทุกการเคลื่อนไหว” ปรึกษาการทำเลสิกสำหรับนักกีฬา ดวงตามีคู่เดียว มั่นใจให้แพทย์เฉพาะทางดูแล ที่ Laser Vision at Bangkok Eye Hospital เลียบทางด่วนรามอินทรา โทรเลย: 02-511-2111 #LASERVISION #SMILEPro #LASIK #BangkokEyeHospital #เลสิกไร้ใบมีด #LASIKForSport #Badminton #กีฬาแบดมินตัน
ศูนย์รักษาต้อกระจก
ศูนย์รักษาจอประสาทตา
ศูนย์เลสิก LASER VISION
ศูนย์รักษาต้อหิน
ศูนย์รักษากระจกตา
ศูนย์รักษาตาเด็ก
ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา
ศูนย์รักษาจักษุประสาทวิทยา

Laser Vision: ปลดล็อกศักยภาพนักกอล์ฟ ด้วยเลสิก (LASIK) และ SMILE Pro

กอล์ฟ คือ เกมของการโฟกัส 🏌️‍♂️ เล่นกอล์ฟเก่งแค่ไหน ถ้ามองไม่ชัด… ก็พลาดได้ง่าย ๆ การทำเลสิก ไม่ได้แค่ช่วยให้คุณมองชัดขึ้นแต่ช่วย “ยกระดับเกม” ของคุณไปอีกขั้น ไม่ต้องเล็งผ่านเลนส์ ไม่ต้องพะวงแว่นหลุด เห็นธงชัดตั้งแต่ระยะ 200 หลา เล่นได้มั่นใจ โฟกัสได้เต็มที่ในทุกหลุม อย่าปล่อยให้สายตาเป็นอุปสรรคของวงสวิง ยกระดับเกมกอล์ฟของคุณวันนี้ 📍 Laser Vision at Bangkok Eye Hospital เลียบทางด่วนรามอินทรา ดวงตามีคู่เดียว มั่นใจให้แพทย์เฉพาะทางดูแล ปรึกษาการทำเลสิกสอบถามได้ที่ 02-511-2111 #LASERVISION #SMILEPro #LASIK #smarteyehospital #BangkokEyeHospital #QualityEyeCare #BestVisionBestVersion #GolfVision #LASIKForGolfers
ศูนย์เลสิก LASER VISION

เลสิก (LASIK) คืออะไร? ขั้นตอน ข้อดี และการดูแลหลังทำ แก้ไขปัญหาสายตาให้มองเห็นชัดเจน |Bangkok Eye Hospital

เลสิก หรือ LASIK คือการผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัยด้วยการยิงเลเซอร์ที่กระจกตา ช่วยคืนการมองเห็นให้กลับมาเป็นปกติได้ การทำเลสิก สามารถแก้ไขปัญหาสายตาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง และสายตาสั้นร่วมกับสายตายาวตามวัย เลสิกตามีหลายประเภท เลือกได้ตามความเหมาะสม ได้แก่ PRK เลสิกแบบใบมีด เฟมโตเลสิก เลสิกแบบไร้ใบมีด เลสิกไร้ใบมีดสำหรับสายตายาวตามอายุ และเลสิกแบบแผลเล็ก ทำเลสิกที่ ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ที่นี่ให้บริการด้วยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีเทคโนโลยีเลสิกที่ทันสมัยและหลากหลาย เลือกได้ตามความเหมาะสม โรงพยาบาลสะอาด ได้มาตรฐาน มั่นใจได้ในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ   ในปัจจุบัน ปัญหาสายตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน ดังนั้นการทำเลสิกจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาสายตาอย่างถาวร   บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยีการผ่าตัดเลสิกที่มีหลากหลายประเภท พร้อมรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการรักษา รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุดและสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นสายตาหรือคอนแท็กต์เลนส์อีกต่อไป     การทำเลสิก (LASIK) คืออะไร? การทำเลสิก (LASIK หรือ Laser In Situ Keratomileusis) เป็นวิธีการผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัย ซึ่งชื่อนี้ใช้เรียกโดยรวมสำหรับการปรับค่าสายตาด้วยการยิงเลเซอร์ที่กระจกตา โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เลเซอร์เจียระไนกระจกตาให้ได้ความโค้งที่เหมาะสม เปรียบเสมือนการปรับแต่งเลนส์ให้มีความโค้งที่พอดี ส่งผลให้แสงตกกระทบจอประสาทตาได้อย่างถูกต้อง ทำให้การมองเห็นชัดเจนขึ้นโดยธรรมชาติ     เลสิกตารักษาสายตาผิดปกติอะไรบ้าง การทำเลสิกในปัจจุบันสามารถแก้ไขปัญหาสายตาผิดปกติได้หลายรูปแบบ โดยแต่ละอาการมีสาเหตุและลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้ สายตาสั้น (Myopia)เป็นภาวะที่คนไข้มองเห็นวัตถุที่อยู่ไกลไม่ชัด แต่จะมองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ได้ชัดเจน สาเหตุเกิดจากกระจกตาที่โค้งมากเกินไป หรือกระบอกตายาวเกินไป ทำให้ภาพตกกระทบก่อนถึงจอประสาทตา สายตายาว (Hyperopia)เป็นอาการที่คนไข้มองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ได้ไม่ชัด ซึ่งมีสาเหตุมาจากกระจกตาโค้งน้อยกว่าปกติ (แบน) หรือกระบอกตาสั้นเกินไป นอกจากนี้ ในกรณีที่เป็นสายตายาวตามวัย มักเกิดจากกล้ามเนื้อตาที่เสื่อมสภาพลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น สายตาเอียง (Astigmatism)เป็นภาวะที่คนไข้มองเห็นภาพไม่ชัดเจน เนื่องจากมีการหักเหของแสงที่ตกกระทบโฟกัสที่จอประสาทตาไม่สม่ำเสมอในระนาบเดียวกัน ส่งผลให้มองเห็นภาพบิดเบี้ยวหรือไม่คมชัด สายตาสั้นร่วมกับสายตายาวตามวัยเป็นภาวะที่เกิดจากการที่คนไข้มีสายตาสั้นอยู่แล้ว (กระจกตาโค้งเกินไปหรือกระบอกตายาวเกินไป) และเมื่อมีอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อที่ใช้หักเหแสงของกระจกตาเริ่มเสื่อมลง จึงไม่มีกำลังมากพอที่จะบีบกระจกตาให้โป่งออกเป็นเลนส์นูนได้เหมือนเดิม ทำให้มีปัญหาทั้งการมองระยะไกลและระยะใกล้ ซึ่งการทำเลสิกก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้เช่นกัน     ประเภทของเลสิกตา ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ ทำให้การทำเลสิกมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ดังนี้ เฟมโตเลสิก (FemtoLASIK) เป็นนวัตกรรมการรักษาสายตา ด้วยการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์สองระบบที่ทำงานร่วมกัน ระบบแรกคือ Femtosecond Laser เพื่อเตรียมชั้นกระจกตา และตามด้วย Excimer Laser ที่ทำหน้าที่ปรับแต่งเนื้อกระจกตาให้ได้รูปทรงที่เหมาะสม การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยค่าใช้จ่าย Lasik ราคาประมาณ 118,000 บาท เป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับดวงตาเงื่อนไขสุขภาพดวงตาของแต่ละท่าน ข้อดีและจุดเด่น แก้ไขปัญหาสายตาได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่สายตาสั้นระดับสูง สายตายาว และอาการเอียง การใช้เลเซอร์ทั้งระบบช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษา ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัวระหว่างการรักษา เนื่องจากใช้เพียงยาชาชนิดหยอด ระยะเวลาการฟื้นตัวรวดเร็ว ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติในเวลาไม่นาน มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำ เนื่องจากไม่ใช้เครื่องมือกล ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง อาจพบรอยเปลี่ยนแปลงบริเวณผิวกระจกตา แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามเวลา ต้องระมัดระวังการกระแทกบริเวณตาในช่วงแรก เพื่อป้องกันปัญหาแทรกซ้อน อาจพบอาการตาแห้งในระยะแรกมากกว่าการผ่าตัดบางประเภท คนที่เหมาะกับเลสิกประเภทนี้ ผู้ที่มีข้อจำกัดทางกายภาพของดวงตา เช่น กระจกตาบาง หรือเปลือกตาแคบ ผู้ที่ต้องการความมั่นใจสูงสุดในเรื่องความปลอดภัย ผู้ที่พร้อมลงทุนเพื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยและผลลัพธ์ที่แม่นยำ   เลสิกแบบไร้ใบมีด (NanoLASIK) เป็นการพัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยีFemtoLASIKโดยใช้เครื่อง Femtosecond Laser Ziemer FEMTO Z8 รุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูงและใช้พลังงานระดับนาโนจูล ในการแยกชั้นกระจกตา ก่อนใช้ Excimer Laser ปรับแต่งความโค้งของกระจกตาตามค่าสายตาที่ออกแบบไว้ การทำเลสิกประเภทนี้ใช้เลเซอร์ในทุกขั้นตอนโดยไม่ต้องใช้ใบมีด จึงมีความแม่นยำและความปลอดภัยสูง ข้อดีและจุดเด่น แยกชั้นกระจกตาด้วยเลเซอร์พลังงานต่ำระดับนาโนจูล ทำให้แผลหายเร็วและลดอาการข้างเคียง เช่น แสบตา ตาบวม มีระบบสแกนลายม่านตาที่แม่นยำสูง สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของลูกตาได้ถึง 1,050 ครั้งต่อวินาที ใน 6 ทิศทาง มีโปรแกรมการรักษาที่ประหยัดเนื้อกระจกตา และปรับให้เข้ากับสภาพตาแต่ละบุคคล เหมาะสำหรับผู้ที่มีสายตาสั้นมาก ใช้เทคโนโลยี Optimized Aspheric ที่รักษาความโค้งของกระจกตาให้เป็นธรรมชาติ ช่วยลดแสงกระจายในเวลากลางคืน ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ต้องผ่านการประเมินและวางแผนการรักษาอย่างละเอียด มีข้อจำกัดในการรักษาตามสภาพตาของแต่ละบุคคล คนที่เหมาะกับเลสิกประเภทนี้ ผู้ที่มีสายตาสั้นมากและต้องการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุดและมีความกังวลเรื่องการใช้ใบมีด ผู้ที่ต้องการลดอาการข้างเคียงและระยะเวลาการฟื้นตัว ผู้ที่มีปัญหาเรื่องแสงรบกวนในเวลากลางคืนและต้องการผลการรักษาที่เป็นธรรมชาติ เลสิกไร้ใบมีดสำหรับสายตายาวตามอายุ (Nano NV LASIK) Nano NV LASIKเป็นนวัตกรรมเลสิกที่พัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยีNanoLASIKที่โดดเด่นด้วยการรักษาสายตายาวตามวัย (Presbyopia) ร่วมกับสายตาผิดปกติอื่น ๆ ด้วยหลักการ Blended Vision โดยปรับให้ตาแต่ละข้างมีความสามารถในการมองเห็นที่ต่างกัน ทำให้สามารถมองเห็นได้ทั้งระยะใกล้และไกลได้อย่างเป็นธรรมชาติ วิธีนี้ใช้เลเซอร์ Femtosecond Ziemer FEMTO Z8 รุ่นใหม่ที่มีความเร็วสูงและพลังงานระดับนาโนจูล ช่วยแยกชั้นกระจกตาได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ข้อดีและจุดเด่น เทคโนโลยี Blended Vision ปรับสมดุลการมองเห็นของตาทั้งสองข้าง เพื่อให้มองเห็นได้ครบทุกระยะ เลเซอร์พลังงานระดับนาโนจูลช่วยลดการรบกวนเนื้อกระจกตา ทำให้แผลหายเร็วและลดอาการข้างเคียง เช่น แสบตา ตาบวม มีระบบสแกนลายม่านตาที่ทันสมัย สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของลูกตาได้ถึง 1,050 ครั้งต่อวินาที ใน 6 ทิศทาง ทำให้การยิงเลเซอร์แม่นยำแม้มีการกลอกตา โปรแกรม Optimized Aspheric ช่วยรักษารูปทรงของกระจกตาให้เป็นธรรมชาติ ลดปัญหาแสงกระจายในเวลากลางคืน ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง อาจทำให้ความคมชัดของภาพลดน้อยลงบ้าง โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความละเอียดมาก เช่น งานเย็บปักถักร้อย สำหรับผู้ที่ต้องการความคมชัดมาก ๆ เช่น นักกีฬา หรือผู้ที่ต้องทำงานระยะใกล้เป็นประจำ อาจต้องเลือกวิธีการรักษาแบบให้ตาทั้งสองข้างมองไกลชัดเจน และใช้แว่นสำหรับอ่านหนังสือเมื่อต้องทำงานระยะใกล้ ในกรณีที่ไม่สามารถปรับตัวกับการรักษาได้ อาจต้องทำการเติมเลเซอร์เพิ่มเติม เพื่อปรับให้สามารถมองเห็นชัดในระยะไกลทั้งสองข้าง คนที่เหมาะกับเลสิกประเภทนี้ ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปที่มีปัญหาสายตายาวตามวัยร่วมกับสายตาผิดปกติอื่น ๆ ผู้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นหลายคู่ ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องมองทั้งระยะใกล้และไกล แต่ไม่ได้ต้องการความคมชัดสูงมาก ผู้ที่มีความเข้าใจในข้อจำกัดของการรักษาและพร้อมให้เวลากับการปรับตัวในช่วงแรก   เลสิกแบบแผลเล็ก (NanoRelex) NanoRelexเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในการผ่าตัดเลสิกที่ใช้เทคโนโลยี Femtosecond Laser ร่วมกับระบบ AI ในการรักษาสายตาสั้น เอียง และสายตายาว โดยใช้เลเซอร์พลังงานระดับนาโนจูลสร้างแผลขนาดเล็กเพียง 2-3 มิลลิเมตร พร้อมระบบ OCT Scan ที่ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นกระจกตาได้แบบ Real-Time ขณะผ่าตัด และสามารถปรับแต่งเนื้อเยื่อภายในชั้น Stroma ของกระจกตาด้วยการคำนวณชิ้นเนื้อกระจกตาแบบ 3 มิติ ตามค่าสายตาของแต่ละบุคคล ข้อดีและจุดเด่น ใช้เลเซอร์พลังงานระดับนาโนจูล ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด มีระบบ AI และกล้อง OCT Scan ช่วยในการวิเคราะห์และเพิ่มความแม่นยำในการรักษา แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กเพียง 2-3 มิลลิเมตร ใช้ระยะเวลาผ่าตัดสั้น ลดอาการตาแห้งและการเคืองตาหลังการรักษา กระจกตายังคงรูปร่างและความแข็งแรง ทำให้แผลหายเร็ว ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง แก้ปัญหาสายตายาว สายตาเอียงได้ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาสายตายาว หลังทำ 1-2 สัปดาห์อาจมีอาการมองเห็นเป็นหมอก แต่อาการจะดีขึ้นเอง คนที่เหมาะกับเลสิกประเภทนี้ ผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้น เอียง ผู้ที่ต้องการความแม่นยำในการรักษาสูง ผู้ที่มีเวลาพักฟื้นน้อย     การเตรียมตัวก่อนทำเลสิกตา เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย ผู้เข้ารับการทำเลสิกควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้ งดใส่คอนแท็กต์เลนส์ก่อนวันผ่าตัด ทำความสะอาดร่างกาย ล้างหน้า และสระผมในวันผ่าตัด งดแต่งหน้าในวันที่ทำการผ่าตัด สวมเสื้อผ้าที่ติดกระดุมด้านหน้าเพื่อความสะดวกในการเปลี่ยน งดใช้น้ำหอมหรือสเปรย์ดับกลิ่นทุกชนิด งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แจ้งประวัติการใช้ยาประจำให้จักษุแพทย์ทราบ เพื่อพิจารณาว่าต้องหยุดยาหรือไม่ ควรมีผู้ติดตามมาด้วยในวันผ่าตัด และไม่ควรขับรถมาเอง เพื่อความสะดวกและปลอดภัย     สิ่งที่ห้ามทำหลังจากทำเลสิกตา เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น หลังการทำเลสิกผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตนเอง ดังนี้ ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด หากรู้สึกคัน ให้ล้างมือให้สะอาดและใช้นิ้วชี้แตะเบา ๆ ที่หัวตาหรือหางตาแทน ห้ามล้างหน้าหรือให้น้ำเข้าตา ห้ามว่ายน้ำหรือดำน้ำ งดการแต่งหน้าบริเวณรอบดวงตา หยอดยาตามที่จักษุแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ใส่ฝาครอบตาก่อนนอนให้ครบ 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว หากต้องใช้สายตามาก ควรพักสายตาเป็นระยะ ใครที่ไม่สามารถทำเลสิกตาได้ ผู้ที่มีสายตาสั้นเกิน 1,400 ไม่ควรทำเลสิก เนื่องจากอาจพบข้อจำกัดในการรักษาที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ ผู้ที่มีความผิดปกติของกระจกตา เช่น กระจกตาบางหรือหนาเกินไป ก็อาจไม่เหมาะสมกับการทำเลสิก ดังนั้น การตรวจประเมินสภาพดวงตาอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์และขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรักษาที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทำเลสิกที่ศูนย์เลเซอร์วิชชั่น Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ดีอย่างไร หากต้องการทำเลสิก แนะนำให้เข้ามาปรึกษาและรักษาอาการเหล่านี้ได้ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospitalที่นี่โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีจุดเด่นดังนี้   โรงพยาบาลมีทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาสมัยใหม่ เครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย พร้อมให้การรักษาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป ในปัจจุบัน การทำเลสิกถือเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตาผิดปกติ เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่หลากหลายให้เลือกใช้ โดยเริ่มตั้งแต่วิธีดั้งเดิมอย่าง PRK และ LASIK ไปจนถึงนวัตกรรมล่าสุดอย่างSMILE Pro, NanoRelex และ Nano NV LASIK ทำให้ผู้ป่วยสามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพสายตาและความต้องการของตนเอง เพื่อให้กลับมามองเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นสายตาอีกต่อไป เข้ามาทำเลสิกรักษาอาการสายตาสั้น ยาว เอียง ได้ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ)ที่นี่ให้บริการโดยจักษุแพทย์มากความสามารถ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณืด้านการรักษาดวงตาอย่างยาวนาน ที่นี่มีเทคโนโลยีการทำเลสิกที่ทันสมัย มั่นใจได้ในความปลอดภัยและผลลัพธ์หลังการรักษา
ศูนย์เลสิก LASER VISION

สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำเลสิกและขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนทำเลสิก

ข้อดีของเลสิก ได้แก่ การมองเห็นที่ชัดเจนถาวร ไม่ต้องพึ่งพาแว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์ ชีวิตหลังเลสิกคล่องตัวมากขึ้น โอกาสลดการเกิดอุบัติเหตุจากการมองเห็นที่ดีขึ้น ข้อจำกัดของเลสิก ได้แก่ ไม่สามารถทำได้สำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคเบาหวาน สะเก็ดเงิน หรือโรคต้อหิน ต้องงดใส่คอนแท็กต์เลนส์ก่อนการตรวจและผ่าตัด รวมถึงอาจมีอาการตาแห้งในบางกรณี การเตรียมตัวก่อนทำเลสิก ได้แก่ งดใส่คอนแท็กต์เลนส์ก่อนการตรวจและผ่าตัด งดน้ำหอมและเครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตาก่อนวันผ่าตัด ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้เป็นประจำ จัดเตรียมแว่นกันแดดไว้ใส่หลังผ่าตัด ทำเลสิกที่Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ)มีจักษุแพทย์และเทคโนโลยีล้ำสมัยในการดูแลรักษาสายตาอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย รวมถึงการบริการที่ครบวงจรและการดูแลหลังการผ่าตัดที่ดี   การทำเลสิกคือการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาสายตา เช่น สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง โดยใช้เลเซอร์ปรับรูปทรงกระจกตาให้แสงตกกระทบจุดรับภาพอย่างแม่นยำ ก่อนทำเลสิกควรเตรียมตัวให้พร้อมและตัดสินใจอย่างรอบคอบว่าจะทำเลสิกที่ไหนดี เพื่อผลลัพธ์การรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ     รู้จักกับการทำเลสิกก่อน เลสิก(LASIK) หรือ Laser in Situ Keratomileusis เป็นเทคโนโลยีการผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาสายตาที่ผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง โดยใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer Laser) ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นสั้นในระดับอัลตราไวโอเลต มีคุณสมบัติเฉพาะที่ทำปฏิกิริยากับพื้นผิวที่สัมผัสโดยตรง โดยไม่กระจายออกด้านข้างหรือทะลุผ่านเข้าไปในลูกตา จึงมีความปลอดภัยและแม่นยำสูง หากคุณสงสัยว่าควรเตรียมตัวก่อนทำเลสิกอย่างไร และเลสิกมีกี่แบบ คำตอบคือเลสิกแบ่งออกเป็น 7 แบบ ดังนี้ Photorefractive Keratectomyวิธีนี้ไม่แยกชั้นกระจกตา แต่ลอกผิวกระจกตาชั้นนอกสุดออกก่อน จากนั้นใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer Laser) ปรับความโค้งของกระจกตา และปิดกระจกตาด้วยคอนแท็กต์เลนส์เพื่อช่วยลดอาการระคายเคือง MicrokeratomeLASIKเทคนิคนี้ใช้ใบมีดขนาดเล็กเปิดฝากระจกตา จากนั้นใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ ปรับความโค้งของกระจกตาให้ได้ค่าสายตาที่ต้องการ แล้วปิดกระจกตากลับเข้าที่ Bladeless FemtoLASIKเทคนิคนี้ใช้เลเซอร์ Femtosecond Laser ในการเปิดฝากระจกตา และปรับความโค้งด้วยเอ็กไซเมอร์เลเซอร์โดยไม่ต้องใช้ใบมีด ทำให้การรักษามีความแม่นยำและปลอดภัยมากกว่าแบบใช้ใบมีด ReLEx SMILEเทคโนโลยีที่ใช้เลเซอร์ Femtosecond Laser ที่มีความแม่นยำสูง ไม่ต้องเปิดฝากระจกตา แต่ใช้เลเซอร์ตัดเนื้อกระจกตาเป็นชิ้นเลนส์ แล้วดึงออกผ่านแผลเล็กเพียง 2-4 มม. ซึ่งช่วยลดการรบกวนกระจกตา NanoLASIKเป็นการรักษาสายตาด้วยเลเซอร์ทุกขั้นตอน แยกชั้นกระจกตาด้วย Femtosecond Laser ไม่ใช้ใบมีด ปลอดภัย แม่นยำ เจ็บน้อย NanoRelexใช้ Femtosecond Laser สร้างแผลขนาด 2-3 มม. เพื่อนำชิ้นเนื้อ Lenticule ออก ใช้เวลาผ่าตัดน้อย หลังผ่าตัดช่วยลดอาการตาแห้ง แผลเล็กและกระจกตายังคงแข็งแรง SMILE Proคือเทคโนโลยี Femtosecond Laser รุ่นล่าสุด Visumax 800 โดยสร้างแผ่นเลนส์ติคูล (Lenticule) ใน 8-10 วินาที แล้วนำออกผ่านแผลขนาดเล็ก 2-4 มม. แล้วปรับรูปร่างกระจกตาให้แสงตกยังจอประสาทตาพอดี     การทำเลสิกเหมาะกับใครบ้าง ก่อนตัดสินใจทำเลสิก ควรทราบว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำได้ ซึ่งผู้ที่เหมาะสมสำหรับการรักษาด้วยเลสิกควรมีอายุอย่างน้อย 18 ปี ค่าสายตาคงที่หรือไม่เปลี่ยนแปลงมากกว่า 50 (0.5D) อย่างน้อย 1 ปี รวมถึงควรเตรียมตัวก่อนทำเลสิก โดยมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติด้วยเลเซอร์ จึงจะสามารถทำเลสิกได้อย่างเหมาะสม การทำเลสิกไม่เหมาะกับใคร กลุ่มคนที่ไม่เหมาะกับการทำเลสิก เพราะอาจส่งผลต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ของการรักษา ได้แก่ ผู้ที่อายุน้อยกว่า 18 ปี ยกเว้นในกรณีที่ต้องการไปสอบเตรียมทหารหรือตำรวจ ซึ่งจะพิจารณาเป็นรายๆ ไป ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคกลุ่มรูมาตอยด์ โรคเอสแอลอี (SLE) สะเก็ดเงิน หรือ HIV ผู้ที่เป็นโรคทางจักษุ เช่น ต้อหิน ต้อกระจก ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่เป็นโรคจิตเวชหรือมีภาวะเจ็บป่วยทางจิตที่ยังอยู่ในการดูแลของแพทย์     ข้อดีของการผ่าทำเลสิก ข้อดีที่คนมีปัญหาทางสายตาควรพิจารณาผ่าตัดการทำเลสิก เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ขณะทำการผ่าตัด มีเพียงการหยอดยาชาที่ตา ไม่มีการเย็บแผล จึงไม่รู้สึกเจ็บ ใช้เวลาในการผ่าตัดและการพักฟื้นน้อย แผลสามารถหายได้เร็ว หลังจากผ่าตัด สามารถกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องนอนค้างคืนที่โรงพยาบาล เลสิกสามารถแก้ไขปัญหาความผิดปกติของสายตาให้กลับมามองเห็นชัดเจนได้อย่างถาวร ชีวิตหลังทำเลสิกมองเห็นชัดเจนขึ้น ไม่ต้องใส่แว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์ มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ทำกิจกรรมต่างๆ งานอดิเรก และเล่นกีฬา โดยเฉพาะกีฬาทางน้ำและกีฬากลางแจ้ง ได้โดยไม่ต้องกังวล เมื่อความสามารถในการมองเห็นกลับมาชัดเจน โอกาสในการเกิดอุบัติเหตุหรืออันตรายต่างๆ จะลดลง ข้อจำกัดของการทำเลสิก ก่อนที่จะตัดสินใจทำเลสิก ควรรู้ข้อจำกัดต่างๆ ที่อาจมีผลต่อผลลัพธ์หลังผ่าตัด เพื่อให้สามารถเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสมและเข้าใจในขอบเขตของการรักษา ดังนี้ ผลข้างเคียงจากการทำเลสิกที่อาจเกิดขึ้นได้ ราคาค่าทำเลสิกค่อนข้างสูง หลังทำเลสิก อาจมีอาการตาแห้งในบางราย จำเป็นต้องดูแลตามคำแนะนำของแพทย์     ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนทำเลสิก เพื่อให้การทำเลสิกเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ควรเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ดังนี้ ศึกษาหาข้อมูลและปรึกษากับแพทย์ เริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่รองรับการทำเลสิกหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการได้ รวมถึงพิจารณาถึงคุณภาพ มาตรฐาน และฝีมือของจักษุแพทย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกสถานที่เข้ารับบริการ   เมื่อเลือกสถานที่แล้ว ให้ทำการนัดหมายเพื่อเข้าพบแพทย์ เพื่อปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น ตรวจวัดสายตาอย่างละเอียด และเลือกวิธีการทำเลสิกที่เหมาะสม รวมถึงวางแผนการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เตรียมตัวให้พร้อมก่อนตรวจ ก่อนเข้ารับการตรวจเพื่อทำเลสิก ควรมีการเตรียมตัวเบื้องต้น ดังนี้ หากใส่คอนแท็กต์เลนส์ชนิดนิ่ม ควรถอดออกก่อนเข้ารับการตรวจอย่างน้อย 3 วัน และหากใส่คอนแท็กต์เลนส์ชนิดแข็ง ควรถอดออกก่อนอย่างน้อย 7 วัน หากใช้ยาใดๆ เป็นประจำ ควรแจ้งให้จักษุแพทย์ทราบ ในวันที่มีการตรวจสายตา ควรเตรียมแว่นกันแดดและพาผู้ดูแลมาด้วย เนื่องจากในวันนั้นจะมีการใช้ยาหยอดขยายม่านตา ซึ่งทำให้ตาพร่ามัวและไม่สามารถรับแสงได้ประมาณ 4-6 ชั่วโมง เตรียมตัวให้พร้อมก่อนผ่าตัดทำเลสิก การเตรียมตัวก่อนทำเลสิกเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผู้เข้ารับบริการควรเตรียมตนเองให้พร้อม ดังนี้ งดใช้น้ำหอม เครื่องสำอาง ครีมบำรุงต่างๆ บริเวณรอบดวงตาก่อนวันผ่าตัด งดการทำผม เช่น การใส่น้ำมันบำรุงผม เจลใส่ผม หรือใช้เครื่องประดับใดๆ งดดื่มชาหรือกาแฟก่อนเข้ารับการผ่าตัด ดูแลและสังเกตร่างกายตนเอง หากพบความผิดปกติ เช่น ตาแดง ไม่สบาย เกิดการเจ็บป่วย เป็นต้น ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการผ่าตัด พกแว่นตากันแดดเพื่อป้องกันดวงตาจากแสงหลังการผ่าตัด     วิธีเลือกทำเลสิก ทำที่ไหนดี สิ่งที่สำคัญกว่าการเตรียมตัวก่อนทำเลสิก คือการเลือกว่าจะทำเลสิกที่ไหนดี? โดยวิธีเลือกโรงพยาบาลสำหรับทำเลสิก เพื่อให้ได้การรักษาที่มีคุณภาพและปลอดภัย ซึ่งควรพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้ มีความเป็นมาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาการติดเชื้อหลังการผ่าตัด สถานที่ต้องมีความน่าเชื่อถือในแง่ของการประสานงานและดำเนินการต่างๆ โดยมีความเป็นมืออาชีพ อุปกรณ์ครบครันและทันสมัย โดยเฉพาะในด้านการใช้เทคโนโลยีในการดูแลรักษาและผ่าตัด จักษุแพทย์ควรมีประสบการณ์ และมีใบประกอบวิชาชีพที่ถูกต้อง มีบริการหลากหลายรูปแบบ เพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับผู้รับบริการ ได้รับคุณภาพและการบริการที่ดี คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป สรุป ก่อนทำเลสิกควรเตรียมตัวและรู้ข้อดี เช่น การมองเห็นที่ชัดเจนถาวร ลดการพึ่งพาแว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์ ชีวิตหลังทำเลสิกจะมีความคล่องตัวมากขึ้นเวลาทำกิจกรรมต่างๆ ข้อจำกัดคือไม่สามารถทำได้สำหรับบางกลุ่ม เช่น ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ที่มีโรคเบาหวาน สะเก็ดเงิน หรือโรคต้อหิน ควรงดใส่คอนแท็กต์เลนส์ก่อนการตรวจและผ่าตัด รวมถึงงดน้ำหอมและเครื่องสำอางก่อนวันผ่าตัด การเตรียมตัวต้องปรึกษาแพทย์ และเตรียมแว่นกันแดดไว้ใส่หลังผ่าตัด สำหรับคนที่ต้องการทำเลสิก สามารถมาได้ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ)ซึ่งเป็นศูนย์รักษาสายตาผิดปกติที่มีทางเลือกครบครันในการรักษา และเน้นการบริการที่มีประสิทธิภาพ
ศูนย์เลสิก LASER VISION

การตรวจตาก่อนทำเลสิกคืออะไร ทำไมต้องตรวจถึง 3 ชั่วโมง?!!

การตรวจตาก่อนทำเลสิกคืออะไร ทำไมต้องตรวจถึง 3 ชั่วโมง?!! การตรวจตาก่อนทำเลสิกคืออะไร ทำไมต้องตรวจถึง 3 ชั่วโมง?!!      แน่นอนว่าคำตอบก็คือเพื่อการมองเห็น หลังการรักษาด้วยเลสิกที่ดีที่สุดของคนไข้ แต่ทำไมถึงต้องใช้เวลานานถึง 3 ช.ม. นั่นก็เป็นเพราะว่าที่ Laser Vision เรามีการซักถามประวัติของคนไข้ที่ค่อนข้างละเอียด อีกทั้งยังมีเครื่องมือทันสมัยอีกหลายอย่างที่จะช่วยตรวจวัดการมองเห็น เพิ่มข้อมูลให้กับแพทย์ในการวินิจฉัย ออกแบบ และเลือกการวิธีการทำเลสิก เพื่อคุณภาพการมองเห็นที่ชัดเจนที่สุดให้กับคุณ โดยจะเเบ่งเป็น 4 ขั้นตอนหลักดังต่อไปนี้   ขั้นตอนที่ 1 การซักประวัติคนไข้      ในการเข้ารับการผ่าตัดเลสิก เบื้องต้นทีมบุคลากรทางการแพทย์จะให้คนไข้กรอกแบบฟอร์ม และ ซักประวัติคนไข้ เพื่อตรวจเช็คว่าคนไข้ที่ต้องการทำเลสิกมีการทานยารักษาโรคหรือเคยมีประวัติโรคบางชนิดที่อาจจะที่ส่งผลหรือเป็นข้อห้ามในการผ่าตัดเลสิกหรือไม่ เพื่อที่จะได้ประเมินเบื้องต้นว่าคนไข้ควรเข้ารับการตรวจเพื่อประเมินสภาพตาอย่างละเอียด เพื่อทำเลสิกต่อ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 10 – 20 นาที    ขั้นตอนที่ 2 การตรวจประเมินสายตาอย่างละเอียด      โดยเริ่มต้นด้วยการ การวัดระดับการมองเห็นเบื้องต้นมีการตรวจวัดสายตาด้วยเครื่อง Auto Refractometer ตรวจวัดระดับความดันในลูกตาด้วยเครื่อง IOP แบบใช้ลมเป่า  ตรวจวิเคราะห์ความโค้งความหนาของกระจกตาด้วยเครื่อง Pentacam ตรวจความแข็งแรงของกระจกตาด้วยเครื่อง Corvis  หลังจากนั้น จะมีทั้งการตรวจวัดความสามารถในการมองเห็นของดวงตาแต่ละข้างโดยนักทัศนมาตร หลังจากนั้นจะมีการตรวจวัดตรวจค่าความเพี้ยนในการรวมแสงระดับสูงด้วย OPD Scan เป็นขั้นตอนสุดท้าย อาจมีคนไข้บางท่านจำเป็นที่จะต้องมีการลองแว่นตา เพื่อให้คนไข้ได้ทดลองใช้สายตาที่จะเกิดขึ้นคล้ายกับผลของค่าสายตาหลังการรักษา โดยเฉพาะในคนไข้ที่มีค่าสายตามยาวร่วมกับสายตาสั้นด้วย ขั้นตอนทั้งหมด นี้อาจจะใช้เวลาในแต่ละท่านแตกต่างกันโดยประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับการให้ความร่วมมือของคนไข้เอง   ขั้นตอนที่ 3 การตรวจประเมินสายตาอย่างละเอียดหลังขยายม่านตา      เจ้าหน้าที่จะทำการวัดค่าต่างๆ ทั้งหมดอีกครั้งเพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบก่อนและหลังม่านตาขยาย เป็นการคอนเฟิร์มและให้เห็นความแตกต่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยจะมีการวัดซ้ำในขั้นตอนที่ 2 ทั้งหมด อีกครั้ง   ขั้นตอนที่ 4 พบจักษุแพทย์      ขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นการเข้าพบกับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยจักษุแพทย์จะใช้กล้องจุลทรรศน์ชนิดพิเศษเพื่อตรวจดูสุขภาพของลูกตาทั้งภายในและภายนอก หลังจากนั้นจะอธิบายสภาพการมองเห็นในปัจจุบันและสุขภาพลูกตาของคนไข้ การมองเห็นหลังการทำเลสิก นอกจากนี้ยังแพทย์มีการสอบถามไลฟ์สไตล์ของคนไข้แต่ละท่านและแนะนำข้อจำกัดของการทำเลสิกในแต่ละประเภท รวมไปถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติหลังทำเลสิกอีกด้วย เพื่อสร้างความเข้าใจในการทำเลสิก ที่นำไปสู่ผลลัพธ์ของการมองเห็นที่ชัดเจนและดีที่สุดของคนไข้
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111