มุมสุขภาพตา : #กระจกตาถลอก

เรียงตาม

กระจกตาบางเกิดจากอะไร? อาการ ผลกระทบต่อสายตาและวิธีรักษา

กระจกตาบางคือภาวะที่กระจกตาซึ่งเป็นชั้นโปร่งใสด้านหน้าตาของดวงตามีความหนาน้อยกว่าปกติ ส่งผลต่อการมองเห็นและสุขภาพตา กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมตามวัย การขยี้ตาบ่อยๆ โรคทางพันธุกรรม หรือผลข้างเคียงจากการผ่าตัดตา เช่น เลสิก อาการของกระจกตาบางที่สังเกตได้ เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย มองเห็นภาพบิดเบี้ยว และสายตาเอียงสูงผิดปกติ กระจกตาบางคือภาวะที่ความหนาของกระจกตาลดลงกว่าปกติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการโฟกัสแสงเข้าสู่ดวงตา ทำให้การมองเห็นมีความคมชัด หากกระจกตาบางเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสายตา เช่น สายตาผิดปกติ หรือมีผลกระทบต่อการรักษาดวงตาด้วยวิธีต่างๆ เช่น เลสิก การเข้าใจสาเหตุ อาการ และการดูแลกระจกตาบางอย่างถูกต้อง จึงช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและดูแลสุขภาพตาได้ดีขึ้น       กระจกตาคืออะไร? สิ่งสำคัญต่อการมองเห็น กระจกตา (Cornea) คือชั้นโปร่งใสและโค้งอยู่ด้านหน้าสุดของดวงตา ครอบคลุมตาดำ มีหน้าที่ช่วยหักเหแสงให้เข้าสู่ดวงตา ทำให้เรามองเห็นชัดเจน และยังเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคโดยตรง โดยปกติความหนาของกระจกตาจะอยู่ที่ประมาณ 520-550 ไมครอน และสามารถบางลงได้ตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย       รู้จักกับกระจกตาบาง กระจกตาบางคือลักษณะของกระจกตาที่มีความหนาน้อยกว่า 500 ไมครอน (0.5 มิลลิเมตร) โดยทั่วไปไม่ถือเป็นโรคและไม่ต้องรักษา แต่กระจกตาบางจะส่งผลต่อการวินิจฉัยโรคบางอย่าง เช่น ต้อหิน เพราะทำให้วัดความดันตาต่ำกว่าความจริง รวมถึงส่งผลต่อการเลือกวิธีแก้ไขสายตา เช่น หากผู้ป่วยต้องการทำ LASIK และ มีระดับค่าสายตาที่มีผิดปกติสูง เช่น สั้น หรือ เอียงมาก โดยมีความหนาของกระจกตาน้อย เมื่อเปรียบเทียบกันกับเนื้อกระจกตาที่ต้องใช้ผ่าตัด หลังจากได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เเพทย์ประเมินแล้วอาจจะไม่สามารถแก้ไขค่าสายตาได้หมด หรืออาจทำให้ กระจกตาเสี่ยงเป็นโรคกระจกตาอื่นๆหลังการแก้ไข เเพทย์อาจประเมินให้ผู้ป่วยทำการรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น PRK ICL FemtoLASIK ReLEx SMILE Pro หรือ NanoLASIK  แทนการทำ LASIK แบบทั่วๆไป ซึ่งเป็นการเเก้ไขที่ใช้หรือรบกวนความหนาของกระจกตาน้อยกว่าเพราะฉะนั้น ก่อนทำเลสิกจึงต้องสังเกตและตรวจประเมินความหนาของกระจกตาอย่างละเอียด เพราะหากบางเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะสายตาเอียงผิดปกติ หรือกระจกตาย้วย ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นได้ นอกจากนี้หลายคนยังสงสัยว่า “ใส่คอนแท็กต์เลนส์ ทำให้กระจกตาบางจริงไหม?” คำตอบคือ โดยทั่วไปการใส่คอนแท็กต์เลนส์อย่างถูกวิธี ไม่ได้ทำให้กระจกตาบางลง แต่หากใส่นานเกินไป ไม่ถอดล้างหรือดูแลอย่างถูกต้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเกิดภาวะขาดออกซิเจนที่กระจกตา ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อบางลงได้เช่นกัน       กระจกตาบางเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง? กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้สามารถป้องกันและดูแลสุขภาพตาได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย มีดังนี้   โรคทางพันธุกรรม แม้ว่าภาวะกระจกตาบางมักเกิดจากพฤติกรรมบางอย่าง แต่ในบางกรณี ความผิดปกตินี้อาจมีสาเหตุจากโรคพันธุกรรมที่ถ่ายทอดภายในครอบครัว หนึ่งในโรคที่พบบ่อย คือ กระจกตาย้วย (Keratoconus) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะกระจกตาบาง กระจกตาจะบางลงและโป่งยื่นออกมาคล้ายรูปกรวย ทำให้สายตาเอียงผิดปกติ และการมองเห็นแย่ลงเรื้อรัง มักเริ่มแสดงอาการในช่วงวัยรุ่นถึงอายุ 30 ปี โรคกระจกตาบางจากพันธุกรรมอื่นๆ (Corneal Dystrophies) เช่น Pellucid Marginal Degeneration (PMD) ซึ่งกระจกตาจะบางลงบริเวณขอบด้านล่าง   การบาดเจ็บหรือการผ่าตัดตา การผ่าตัดแก้ไขสายตาบางประเภท เช่น การทำเลสิก (LASIK) หรือ PRK อาจส่งผลให้กระจกตาบางลงได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการเลเซอร์เนื้อกระจกตา ออกไปมากเกินความจำเป็น ทำให้ความหนาของกระจกตาที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาย้วยในอนาคต นอกจากนี้การบาดเจ็บที่กระจกตาซ้ำๆ รวมถึงการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น แผลที่กระจกตาหรือกระจกตาอักเสบ ก็สามารถทำลายเนื้อเยื่อกระจกตาและทำให้เกิดการบางลงได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที   โรคอื่นๆ หรือการใช้ยา โรคทางภูมิคุ้มกันบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคเอสแอลอี (SLE) อาจส่งผลกระทบต่อกระจกตา ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวะกระจกตาบางได้ในระยะยาว เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเนื้อเยื่อของตาเอง ในขณะเดียวกัน การใช้ยาหยอดตาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลข้างเคียงต่อโครงสร้างของกระจกตา ทำให้เนื้อเยื่อกระจกตาอ่อนแอและบางลงได้เช่นกัน       อาการของภาวะกระจกตาบาง ภาวะกระจกตาบางมักพัฒนาอย่างช้าๆ จนอาจไม่สังเกตเห็นได้ในระยะแรก การเรียนรู้ที่จะสังเกตอาการเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยอาการที่อาจพบมีดังนี้ การมองเห็นพร่ามัวหรือไม่ชัดเจน ค่าสายตาเปลี่ยนแปลงบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ มีค่าสายตาเอียงสูงกว่าปกติ มองเห็นภาพบิดเบี้ยว หรือมีลักษณะผิดรูปจากความจริง       วิธีการตรวจและวินิจฉัยกระจกตาบาง โดยปกติแล้วภาวะกระจกตาบางมักถูกตรวจพบในขั้นตอนการประเมินสายตาก่อนทำเลสิก ซึ่งแพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Keratometerตรวจวัดความโค้งของกระจกตาและค่าสายตาเอียง โดยการสะท้อนแสงบนกระจกตาเพื่อตรวจหารูปร่างและความโค้งที่ผิดปกติ ซึ่งความโค้งที่ผิดปกตินี้ อาจสัมพันธ์กับความบางของกระจกตา นอกจากนั้นยังมีการตรวจ Corneal Tophography หรือแผนภูมิดวงตาเพื่อประเมินค่าความหนาบางและความผิดปกติของกระจกตาอื่นๆด้วย โดยอาจจะมีการวัด Tomographic Biomechanical Index หรือ ค่าความเเข็งเเรงของกระจกตา เสริมเพื่อตรวจความเสี่ยงของโรค Corneal Ectasia หรือโรคกระจกตาโป้งอีกด้วย แม้ว่าจะสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ เช่น มองเห็นไม่ชัดหรือค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย แต่การวินิจฉัยว่ามีกระจกตาบางจริงหรือไม่นั้น ต้องอาศัยการตรวจโดยจักษุแพทย์เท่านั้น เพราะการสังเกตอาการด้วยตนเองเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น ไม่สามารถยืนยันผลได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าตนเองมีกระจกตาบาง ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการดูแลและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น   สรุป กระจกตาบางเป็นภาวะที่หลายคนไม่รู้ตัว แต่สามารถส่งผลกระทบต่อการมองเห็น เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย หรือภาพบิดเบี้ยว ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรม โรคภูมิคุ้มกัน การผ่าตัดแก้ไขสายตา หรือการใช้ยาบางชนิด การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่วางแผนทำเลสิก ควรเข้ารับการตรวจวัดความหนาและความโค้งของกระจกตาอย่างละเอียดที่ Bangkok Eye Hospital ด้วยเครื่องมือทันสมัยและแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพดวงตาได้อย่างมั่นใจ   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระจกตาบาง (FAQ) หลายคนที่เพิ่งเคยได้ยินเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบางอาจมีข้อสงสัยมากมาย เพื่อช่วยให้เข้าใจมากขึ้น เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบาง พร้อมคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันในบทความนี้   ทำอย่างไรให้กระจกตาหนาขึ้น ความหนาของกระจกตาไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติที่เกิดจากโครงสร้างภายในชั้นกระจกตาเอง   ถ้าปล่อยให้กระจกตาบางแล้วไม่รักษา จะเป็นอย่างไร? สายตาพร่ามัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถแก้ไขด้วยแว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์ปกติได้ กระจกตาโป่งยื่นออกมามากผิดปกติ ทำให้การมองเห็นแย่ลงอย่างถาวร ในบางกรณีรุนแรงมาก อาจเกิดภาวะกระจกตาบวมน้ำฉับพลัน (Acute Hydrops) หรือกระจกตาทะลุ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินและอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา   สามารถป้องกันภาวะกระจกตาบางได้ไหม หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ เพราะการขยี้ตาเป็นประจำและรุนแรงสามารถทำให้กระจกตาบางลงและเป็นตัวกระตุ้นให้โรคกระจกตาย้วยแย่ลง ดูแลสุขภาพตาโดยรวม เช่น ไม่ใช้คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป และรักษาความสะอาดของดวงตา พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกี่ยวกับกระจกตา เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและเริ่มการรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะให้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีกว่า  
อ่านเพิ่มเติม

สาเหตุที่ทำให้กระจกตาถลอก พร้อมวิธีการรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ

กระจกตาถลอกคือการบาดเจ็บที่กระจกตา เกิดรอยขีดข่วนหรือแผลที่ผิวกระจกตา ส่งผลให้มีอาการเจ็บปวดบริเวณดวงตาและมองเห็นได้ไม่ชัด กระจกตาถลอกเกิดจากการขีดข่วนหรือบาดเจ็บที่กระจกตา เช่น การขยี้ตาแรง การมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในดวงตา หรือการใช้คอนแท็กต์เลนส์ไม่ถูกวิธี วิธีรักษากระจกตาถลอกคือการใช้ยาหยอดตาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และปิดตาลดการเสียดสี ส่วนวิธีป้องกัน เช่น ไม่ขยี้ตา สวมแว่นตาป้องกัน และรักษาความสะอาดมือ รักษากระจกตาถลอกที่ศูนย์รักษาโรคกระจกตา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) มอบการดูแลจากจักษุแพทย์ที่มีประสบการณ์ พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและปลอดภัย   ทำความเข้าใจกับสาเหตุที่ทำให้เกิดกระจกตาถลอกและการเลือกวิธีการรักษาและป้องกันที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายที่อาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นในระยะยาว     กระจกตาถลอก คืออาการอะไร กระจกตาถลอก คือการขีดข่วนหรือบาดเจ็บที่ผิวกระจกตาซึ่งเป็นส่วนโปร่งใสที่ปกคลุมดวงตา ชั้นบนสุดของกระจกตาคือเยื่อบุ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 6 ชั้นของกระจกตา อาการของการถลอกเกิดจากการหลุดลอกของเยื่อบุผิว การเสียดสี หรืออุบัติเหตุที่ไม่รุนแรงมาก แต่เมื่อผิวกระจกตาหลุดออกจะกระทบกับเส้นประสาทที่อยู่ใต้เยื่อบุผิว ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดจากการสัมผัสกับน้ำหรืออากาศ     รู้ได้อย่างไรว่าเป็นกระจกตาถลอก หากกระจกตาถูกขีดข่วนหรือบาดเจ็บ อาจทำให้เกิดอาการกระจกตาถลอก ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถสังเกตได้จากอาการต่างๆ คือ ดวงตาแฉะหรือมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ เจ็บปวดที่ดวงตา อาจมีอาการระคายเคืองหรือรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา มีอาการไวต่อแสงหรือแสบตาเมื่อมองแสง มองเห็นไม่ชัด หรือภาพพร่ามัวเนื่องจากกระจกตาไม่เรียบ เวียนศีรษะจากการมองเห็นสิ่งต่างๆ ไม่ชัดเจน หนังตาบวม หรือมีอาการเปลือกตากระตุก     กระจกตาถลอก มองไม่ชัด เกิดขึ้นได้จากอะไรบ้าง กระจกตาถลอกและทำให้มองเห็นไม่ชัดเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งสามารถเกิดจากการใช้ชีวิตประจำวัน อาการผิดปกติ และโรคต่างๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้ สิ่งแปลกปลอมเข้าตา หากอยู่ในสถานที่ที่มีฝุ่นละอองหรือเศษสิ่งสกปรกมาก โดยเฉพาะในผู้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นหรือเศษละอองจากสิ่งสกปรกเยอะ เช่น ผู้ที่ทำงานในอาชีพก่อสร้าง ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง หรือชาวไร่ชาวสวนที่ใกล้ชิดกับใบไม้และกิ่งไม้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกระจกตาถลอกได้ ขยี้ตาแรง การขยี้ตาแรงอาจทำให้กระจกตาถลอกได้ เนื่องจากแรงที่เกิดขึ้นจากการขยี้ตาทำให้เกิดการเสียดสีระหว่างมือหรือสิ่งที่มีสิ่งสกปรกติดอยู่กับผิวกระจกตา นอกจากนี้การขยี้ตายังทำให้สิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่น หรือเชื้อโรคเข้าไปในตา ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือการระคายเคืองเพิ่มขึ้น ดวงตาบาดเจ็บ การได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาจากสาเหตุต่างๆ เช่น การขูดขีดจากเล็บมือ แปรงแต่งหน้า หรือปากกาทิ่มตา ทำให้เกิดกระจกตาถลอกได้ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ไปสัมผัสหรือเสียดสีกับผิวกระจกตาที่บอบบาง ทำให้เกิดรอยขีดข่วนหรือการบาดเจ็บได้ง่าย นอกจากนี้การเล่นกีฬาที่มีความเสี่ยง เช่น กีฬาที่มีลูกบอลหรืออุปกรณ์กระทบเข้ากับดวงตา หากไม่ใส่แว่นตาป้องกัน หรือการผ่าตัดที่ไม่ได้ปิดตาอย่างถูกวิธี ก็อาจทำให้เกิดกระจกตาถลอก ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อหรือการบาดเจ็บที่รุนแรงขึ้นได้ การใส่คอนแท็กต์เลนส์ไม่ถูกต้อง คอนแท็กต์เลนส์เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้เกิดกระจกตาถลอกได้ โดยเฉพาะในคนที่ใช้คอนแท็กต์เลนส์แฟชั่นที่อาจไม่มีคุณภาพหรือไม่ได้มาตรฐาน หากคอนแท็กต์เลนส์ไม่สะอาดหรือเสียดสีกับดวงตาก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเป็นแผลที่กระจกตาได้ รวมถึงการใช้คอนแท็กต์เลนส์ที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้คอนแท็กต์เลนส์แบบรายวันแต่ใส่ติดต่อกันนานกว่าที่กำหนด หรือไม่รักษาความสะอาดของคอนแท็กต์เลนส์อย่างถูกต้อง ก็อาจทำให้เลนส์เสื่อมสภาพและส่งผลให้เกิดการถลอกที่กระจกตาได้ ติดเชื้อที่ดวงตา การติดเชื้อที่ดวงตา เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา เมื่อเชื้อโรคเหล่านี้เข้าสู่ดวงตาผ่านการสัมผัสโดยตรงหรือการใช้สิ่งของที่ไม่สะอาดจะทำให้เกิดการอักเสบหรือแผลที่กระจกตา ซึ่งจะทำให้ผิวกระจกตาบอบบางและเสี่ยงต่อการขีดข่วนหรือการบาดเจ็บได้ง่าย ทำให้เกิดกระจกตาถลอกได้ โรคประจำตัว นอกจากปัจจัยภายนอกแล้ว อาการกระจกตาถลอก มองไม่ชัดอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคประจำตัวได้เช่นกัน เช่น ผู้ที่มีภาวะตาแห้งซึ่งทำให้ดวงตาขาดน้ำและเกิดการถลอกของกระจกตาง่ายขึ้น ผู้ที่มีอาการของโรคภูมิแพ้หรือเยื่อบุตาอักเสบจากโรคภูมิแพ้ที่ทำให้ขยี้ตาบ่อยครั้ง จนทำให้กระจกตาถลอกเป็นแผล ผู้ที่มีโรคที่ทำให้เปลือกตาปิดไม่สนิท ก็เสี่ยงต่อการมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ดวงตาและทำให้เกิดการถลอกหรือแผลที่กระจกตาได้ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดกระจกตาถลอก อาการกระจกตาถลอกเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ทั้งภายนอกและภายในร่างกาย ได้แก่ การทำงานใกล้กับอันตรายที่อาจกระทบตา เช่น เครื่องเจียรหรือโรงเลื่อย การทำสวนโดยไม่สวมแว่นตาป้องกัน การเล่นกีฬาอันตรายที่อาจทำให้เกิดบาดเจ็บที่ดวงตา การใส่คอนแท็กต์เลนส์ การมีอาการตาแห้ง การขยี้ตาซ้ำๆ หรือขยี้ตาด้วยแรงมาก     การรักษาและฟื้นฟูกระจกตาถลอก วิธีรักษากระจกตาถลอกจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันตามการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น ดังนี้ การใช้ยายาหยอดตาและยาแก้ปวดช่วยบรรเทาอาการเจ็บตาและตาแดง ยาปฏิชีวนะชนิดหยอดตาหรือยาทาชนิดขี้ผึ้งใช้ป้องกันการติดเชื้อที่ดวงตาและฆ่าเชื้อไวรัส ใช้ผ้าปิดตาช่วยป้องกันแสงและลดการเคลื่อนไหวของดวงตา โดยเฉพาะในกรณีที่มีรอยแผลใหญ่หรือภาวะตาไวต่อแสง เพื่อป้องกันการเสียดสีและช่วยฟื้นตัว ใช้คอนแท็กต์เลนส์พอดีตาช่วยป้องกันการเสียดสีได้ และควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์     การป้องกันไม่ให้เกิดกระจกตาถลอก วิธีป้องกันและดูแลเพื่อลดความเสี่ยงและปกป้องดวงตาให้ปลอดภัยจากการบาดเจ็บ ไม่ให้เกิดกระจกตาถลอก มองเห็นไม่ชัด สามารถทำได้มีหลายวิธี ดังนี้ รักษาความสะอาด หมั่นล้างมือ ตัดเล็บให้สั้น และหลีกเลี่ยงการจับ ถู หรือขยี้ดวงตาแรงๆ สวมแว่นตาป้องกันเพื่อป้องกันดวงตาจากสิ่งแปลกปลอมในชีวิตประจำวันหรือสถานการณ์เสี่ยง หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นละออง เช่น พื้นที่ก่อสร้าง เพื่อลดความเสี่ยงจากสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ดวงตา เลือกใช้คอนแท็กต์เลนส์ที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับสภาพดวงตา รวมถึงถอดคอนแท็กต์เลนส์ก่อนนอนและทำความสะอาดให้ถูกวิธี ใช้สารเคมีหรืออุปกรณ์ที่มีคมอย่างระมัดระวัง สรุป กระจกตาถลอกคือการบาดเจ็บที่ผิวกระจกตา ซึ่งทำให้เกิดรอยขีดข่วนหรือแผลที่ผิวหนังของกระจกตา โดยสาเหตุของกระจกตาถลอกมักเกิดจากขยี้ตาแรง การใช้อุปกรณ์หรือสารเคมีเสี่ยง การใส่คอนแท็กต์เลนส์ไม่สะอาด หรือการบาดเจ็บจากของแข็ง การรักษากระจกตาถลอกมีการใช้ยาหยอดตา ยาปฏิชีวนะ และการปิดตาเพื่อป้องกันการเสียดสี ส่วนการป้องกันควรหลีกเลี่ยงการขยี้ตา สวมแว่นตาป้องกัน และใส่คอนแท็กต์เลนส์ที่สะอาด หากมีอาการกระจกตาถลอก มารับการรักษาที่ศูนย์รักษาโรคกระจกตา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ)มีแพทย์ที่ชำนาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการดูแลดวงตาที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระจกตา
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111