ย้อนกลับ
รู้จักกับความดันลูกตา (Intraocular Pressure)

ความดันลูกตาสูงเป็นต้นตอของอาการปวดตา ตาแดง มองเห็นภาพมัว รวมถึงเป็นสาเหตุที่อาจนำไปสู่อาการต้อหินและสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้! บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักอาการความดันลูกตาสูงว่าคืออะไร เกิดจากอะไร วิธีรักษาลดความดันลูกตาจากแพทย์ พร้อมทั้งแนะนำการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเพื่อลดความเสี่ยงความดันลูกตาสูง

  • ความดันลูกตาคืออัตราการสร้างของเหลวระหว่างการสร้างน้ำเลี้ยงลูกตาและน้ำที่ถูกระบายออกนอกลูกตา หากความดันตาสมดุลจะวัดค่าได้ประมาณ 12 - 20 มิลลิเมตรปรอท
  • ความดันลูกตาสูงคืออัตราการสร้างของเหลวระหว่างการสร้างน้ำเลี้ยงลูกตาและน้ำที่ถูกระบายออกนอกลูกตาที่ไม่สมดุลกัน มักวัดค่าได้เกิน 21 มิลลิเมตรปรอท
  • อาการความดันลูกตาสูงเกิดจากอะไร? เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น น้ำในตามากเกินไป การระบายน้ำในตาผิดปกติ ดวงตาได้รับบาดเจ็บ โรคหรือภาวะที่ส่งผลต่อดวงตา และการใช้ยาบางชนิดโดยเฉพาะกลุ่มสเตียรอยด์
  • ความดันลูกตาสูงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการมองเห็นไม่ชัด มองเห็นภาพมัว ปวดดวงตา ตาแดง มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และยังเพิ่มความเสี่ยงต้อหิน รวมถึงอาจส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นได้
  • การรักษาความดันลูกตาสูงทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับความรุนแรง หากรุนแรงน้อยแพทย์จะจ่ายยาหยอดตาให้เพื่อลดความดันลูกตา แต่หากยังไม่ได้ผลแพทย์จะแนะนำให้ใช้เลเซอร์ในการรักษา และหากมีอาการรุนแรงมากแพทย์จะผ่าตัดเพื่อลดความดันภายในลูกตา

 

โครงสร้างภายในลูกตาที่ควรรู้!

 

โครงสร้างภายในลูกตาที่ควรรู้!

ก่อนทำความรู้จักกับความดันลูกตาต้องรู้เกี่ยวกับโครงสร้างลูกตาก่อน ภายในลูกตาจะมีส่วนหน้าที่เรียกว่าช่องด้านหน้าของลูกตา (Anterior Chamber)ที่ตั้งอยู่ระหว่างหลังกระจกตา (Cornea)และม่านตา (Iris)ภายในช่องนี้จะมีของเหลวใสที่ชื่อว่าน้ำเลี้ยงลูกตา (Aqueous humor)บรรจุอยู่เต็มช่องเพื่อทำหน้าที่หล่อเลี้ยงออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นให้กับเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง

โดยน้ำเลี้ยงลูกตาจะไหลเวียนเข้าไปในช่องด้านหน้าลูกตา จากนั้นจะระบายออกนอกลูกตาโดยผ่านมุมแคบๆที่อยู่ระหว่างม่านตากับกระจกตาดำเข้าไปในตะแกรงระบายเล็กๆ เพื่อเข้าสู่หลอดเลือดดำที่อยู่นอกลูกตา

ทำความรู้จักความดันลูกตา (Intraocular Pressure)

ความดันตาคือความดันของน้ำเลี้ยงลูกตา (Aqueous Humor) ที่อยู่ภายในลูกตา มีหน่วยการวัดเป็นมิลลิเมตรปรอท เป็นค่าความดันที่เกิดจากสมดุลระหว่างการสร้างน้ำภายในลูกตาและการระบายน้ำในลูกตา

ความดันลูกตาคืออัตราการสร้างของเหลวระหว่างการสร้างน้ำเลี้ยงลูกตาและน้ำที่ถูกระบายออกนอกลูกตา หากการไหลออกและการสร้างของน้ำเลี้ยงลูกตาสมดุลกัน หมายความว่าความดันลูกตาเป็นปกติ โดยจะมีค่าอยู่ที่ 12 - 20 มิลลิเมตรปรอท

 

อาการความดันลูกตาสูง คืออะไร

 

อาการความดันลูกตาสูง คืออะไร

อาการความดันลูกตาสูงคือลักษณะอาการที่อัตราการสร้างน้ำเลี้ยงลูกตากับอัตราการระบายออกไม่สมดุลกัน วัดค่าได้มากกว่า 21 มิลลิเมตรปรอท อาการนี้อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดตา ตาแดง มองเห็นภาพมัว และเสี่ยงทำให้เกิดต้อหินที่ส่งผลต่อการมองเห็นในระยะยาวได้อีกด้วย

สามารถเข้ารับการตรวจวัดความดันลูกตาได้ที่คลินิกจักษุแพทย์ หรือโรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชน แพทย์จะใช้เครื่องมือเป่าลมที่กระจกตาเพื่อดูการไหลเวียนของน้ำในลูกตา หากพบอาการผิดปกติ แพทย์จะแนะนำวิธีลดความดันลูกตาที่เหมาะสมกับอาการให้ทันที

 

อาการความดันลูกตาสูง เกิดจากอะไร

 

อาการความดันลูกตาสูง เกิดจากอะไร

อาการความดันลูกตาสูงเกิดจากอะไร? โดยสาเหตุของความดันลูกตาสูงจะคล้ายคลึงกับสาเหตุของโรคต้อหิน ซึ่งมีปัจจัยหลักๆ ดังนี้

1. น้ำในตามากเกินไป

อาการความดันลูกตาสูงเกิดจากอะไร? ปัจจัยแรกอาจเกิดจากร่างกายผลิตน้ำเลี้ยงลูกตาที่อยู่ในลูกตามากเกินไปจนดวงตาไม่สามารถระบายออกได้ทัน ส่งผลให้เกิดการสะสมของน้ำในตาและความดันลูกตาสูงขึ้น

2. น้ำในตาไม่ได้รับการระบาย

นอกจากการที่น้ำเลี้ยงลูกตาผลิตมากเกินไปแล้ว ในผู้ป่วยบางรายอาจผลิตน้ำในตาเป็นปกติ แต่ระบบการระบายน้ำในตาผิดปกติได้ด้วยเช่นกัน โดยสาเหตุอาจมาจากมุมตาแคบลง มีสิ่งอุดตันในช่องทางระบายน้ำ หรือการอักเสบ ทำให้น้ำในตาไม่สามารถระบายออกได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดเป็นความดันลูกตาสูงได้

3. ดวงตาได้รับบาดเจ็บ

อาการความดันลูกตาสูงเกิดจากอะไร? เมื่อดวงตาได้รับบาดเจ็บ เช่น ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดตา รวมถึงอาการติดเชื้อภายในดวงตา ส่งผลให้ดวงตาได้รับความเสียหายและกระทบต่อระบบการผลิตหรือการระบายน้ำเลี้ยงลูกตา หากน้ำในตาสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้ความดันลูกตาสูงได้

4. โรคหรือภาวะเกี่ยวกับดวงตา

อาการความดันลูกตาสูงเกิดจากโรคบางโรค เช่น โรคม่านตาอักเสบต้อกระจกเบาหวานขึ้นตา ได้เช่นกัน หากมีอาการเหล่านี้แนะนำให้เข้ารับการตรวจวัดความดันตา ตลอดจนตรวจสุขภาพดวงตาให้บ่อยมากขึ้น นอกจากโรคต่างๆ ปัจจัยอื่น เช่น อายุ เชื้อชาติ และประวัติครอบครัวต่างก็มีส่วนที่ทำให้เป็นโรคความดันลูกตาสูงได้ด้วยเช่นกัน

5. การใช้ยาบางชนิด

อาการความดันลูกตาสูงเกิดจากการใช้ยาบางชนิดได้ด้วยเช่นกัน โดยตัวยาที่ส่งผลต่อความดันลูกตา เช่น ยาสเตียรอยด์ ซึ่งหากจำเป็นต้องรับยาประเภทนี้แนะนำให้เข้ารับการตรวจสุขภาพดวงตาอย่างสม่ำเสมอ

กลุ่มเสี่ยงความดันลูกตาสูงมีใครบ้าง

อาการความดันลูกตาสูงเกิดจากหลายสาเหตุข้างต้น แต่ก็ยังมีกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นความดันลูกตาสูงได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ ดังนี้

  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคความดันลูกตาสูงหรือต้อหิน
  • ผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปี
  • ผู้ที่มีสายตาสั้นมาก (Myopic/Nearsighted)
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง
  • ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันและชาวฮิสแปนิก
  • ผู้ที่ใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ในระยะยาว
  • ผู้ที่เคยได้รับบาดเจ็บหรือผ่าตัดตา
  • ผู้ที่มีกลุ่มอาการกระจายเม็ดสี (Pigment Dispersion Syndrome) หรือกลุ่มอาการ Pseudoexfoliation (PXF)

 

ภาวะแทรกซ้อนจากความดันลูกตาสูง

 

ภาวะแทรกซ้อนจากความดันลูกตาสูง

อาการความดันลูกตาสูงอันตราย! ปล่อยไว้อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา ได้แก่

  • มีอาการปวดตาและอาจมีอาการตาแดงร่วมด้วย
  • มองเห็นภาพผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นภาพมัว มองเห็นไม่ชัด เห็นแสงรุ้งรอบดวงไฟ เป็นต้น
  • ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน เพราะมองเห็นได้ไม่ชัด
  • เสี่ยงเป็นต้อหินสูง ทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง
  • สูญเสียการมองเห็น

วินิจฉัยอาการความดันลูกตาสูงโดยแพทย์

เริ่มต้นการวินิจฉัยอาการความดันลูกตาสูง แพทย์จะซักประวัติและอาการเพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร รวมทั้งมีการทดสอบอื่นๆ เพิ่มเติม ได้แก่

  • การตรวจดูมุมตา (Gonioscopy) ตรวจสอบว่าระบบระบายน้ำในตาทำงานได้ถูกต้องหรือไม่
  • ตรวจวัดความหนาของกระจกตา (Corneal Pachymetry)
  • ตรวจวัดความดันลูกตา (Tonometry)
  • ทดสอบลานสายตา (Visual Field Test) เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการมองเห็น

 

แนวทางการรักษาความดันลูกตาสูง

 

แนวทางการรักษาความดันลูกตาสูง

เมื่อมีอาการความดันลูกตาสูงแพทย์จะมีแนวทางการรักษาโดยใช้วิธีลดความดันลูกตาที่หลากหลาย พิจารณาจากอาการและความรุนแรงของผู้ป่วย โดยมีแนวทางการรักษาดังนี้

การรักษาด้วยยา

วิธีลดความดันลูกตา หากมีอาการในระยะเริ่มต้นที่ความดันยังไม่สูงมากนัก หรือยังไม่มีความเสียหายต่อเส้นประสาทตา แพทย์จะแนะนำให้ใช้ยาในการรักษา โดยใช้ตัวยาที่หลากหลาย ออกฤทธิ์แตกต่างกันออกไปตามอาการของคนไข้ เช่น

  • ยาลดการผลิตน้ำในลูกตา เช่น Beta-adrenergic Inhibitors, Alpha-adrenergic Agonists และ Carbonic anhydrase inhibitors
  • ยาเพิ่มการระบายน้ำในลูกตา เช่น Cholinergic
  • ยาช่วยลดความดันลูกตา เช่น Prostaglandins

การรักษาด้วยเลเซอร์

วิธีลดความดันลูกตาด้วยเลเซอร์มักใช้ในกรณีที่ยาหยอดตาไม่สามารถควบคุมความดันลูกตาได้ เป็นการลดความดันภายในลูกตาผ่านการยิงเลเซอร์พลังงานสูงเข้าไปบริเวณมุมของช่องด้านหน้าลูกตาเพื่อเปิดทางให้ของเหลวระบายออกมาได้ง่ายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยเลเซอร์จำเป็นต้องมีการใช้ยาร่วมด้วยเพื่อประสิทธิภาพการรักษาที่ดี

การรักษาด้วยการผ่าตัด

วิธีลดความดันลูกตาด้วยการผ่าตัดมักใช้ในกรณีที่ความดันตาสร้างความเสียหายต่อเส้นประสาทตาอย่างรุนแรง และการรักษาด้วยยาหรือเลเซอร์ไม่ได้ผล เป็นการผ่าตัดเพื่อสร้างช่องระบายน้ำจากช่องลูกตาส่วนหน้าออกมาสู่ภายนอกเพื่อให้ระบายน้ำในตาออกมาได้ดีขึ้น

 

ดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงความดันลูกตาสูง

 

ดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงความดันลูกตาสูง

วิธีลดความดันลูกตาผ่านการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ช่วยลดความเสี่ยงความดันลูกตาสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แพทย์มีแนวทางการดูแลตัวเองที่แนะนำดังนี้

  • ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคความดันลูกตาสูงควรเข้ารับการตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  • หากมีโรคทางตา หรือโรคอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อความดันลูกตา ควรเข้ารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
  • ป้องกันไม่ให้ดวงตาได้รับบาดเจ็บ เช่น สวมใส่แว่นเพื่อป้องกันเศษฝุ่นหรือหินกระเด็นเข้าตา เล่นกีฬาอย่างระมัดระวัง เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงการซื้อยาหยอดตามาใช้เอง เพราะอาจเผลอใช้ยาที่มีสเตียรอยด์ได้
  • พักสายตาเมื่อต้องใช้งานดวงตาอย่างหนัก
  • สวมแว่นกันแดดเมื่อต้องออกแดดในช่วงเวลาแดดจัด
  • ไม่สวมใส่คอนแท็กต์เลนส์เป็นระยะเวลานานๆ ติดต่อกันหลายวัน
  • เลือกกินอาหารบำรุงสายตา เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เป็นต้น

รักษาความดันลูกตาสูง ที่ศูนย์โรคจอประสาทตา Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร

เมื่อมีอาการความดันลูกตาสูง หรือพบว่าตัวเองอาจมีความเสี่ยงความดันลูกตาสูงจากโรคหรือปัจจัยอื่นๆ เข้ามารับการตรวจและวินิจฉัยเกี่ยวกับอาการทางตาได้ที่ศูนย์โรคจอประสาทตา Bangkok Eye Hospital ที่นี่มีความโดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตาจากทีมจักษุแพทย์มากฝีมือ และมีจุดเด่นด้านการรักษาดังนี้

  • โรงพยาบาลมีทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ประสบการณ์สูง พร้อมให้บริการตั้งแต่การให้คำปรึกษา วินิจฉัย และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ
  • โรงพยาบาลมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ เครื่องมือการรักษาดวงตาที่ได้มาตรฐานระดับสากล มั่นใจในการรักษาดวงตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย
  • ให้การรักษาอย่างครบวงจร เริ่มตั้งแต่การวินิจฉัยที่แม่นยำ การรักษาที่เหมาะสมกับอาการ ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ
  • บรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง และบุคลากรทางการแพทย์ที่ใส่ใจในการบริการ

สรุป

ความดันลูกตาคืออัตราการสร้างของเหลวระหว่างการสร้างน้ำเลี้ยงลูกตาและน้ำที่ถูกระบายออกนอกลูกตา หากอัตราดังกล่าวไม่สมดุลกันและวัดค่าได้เกิน 21 มิลลิเมตรปรอท ผู้ป่วยจะมีอาการความดันลูกตาสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการมองเห็นผิดปกติ มองเห็นไม่ชัด มองเห็นภาพมัว ปวดตา ตาแดง ตลอดจนเสี่ยงเป็นต้อหินและสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร หากพบว่าเสี่ยงเป็นความดันลูกตาสูง แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อหาวิธีลดความดันลูกตาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีก่อนเกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา

เข้ามาตรวจวัดความดันลูกตาและตรวจสุขภาพดวงตาได้ที่ศูนย์โรคจอประสาทตา Bangkok Eye Hospitalที่นี่โดดเด่นด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มาพร้อมเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย เครื่องมือแพทย์ที่ครบครัน โรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานสากล พร้อมให้บริการด้วยบุคลากรทางการแพทย์ที่พร้อมให้บริการอย่างเป็นกันเอง

calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111