มุมสุขภาพตา : #เลสิก

เรียงตาม

กระจกตาบางเกิดจากอะไร? อาการ ผลกระทบต่อสายตาและวิธีรักษา

กระจกตาบางคือภาวะที่กระจกตาซึ่งเป็นชั้นโปร่งใสด้านหน้าตาของดวงตามีความหนาน้อยกว่าปกติ ส่งผลต่อการมองเห็นและสุขภาพตา กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมตามวัย การขยี้ตาบ่อยๆ โรคทางพันธุกรรม หรือผลข้างเคียงจากการผ่าตัดตา เช่น เลสิก อาการของกระจกตาบางที่สังเกตได้ เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย มองเห็นภาพบิดเบี้ยว และสายตาเอียงสูงผิดปกติ กระจกตาบางคือภาวะที่ความหนาของกระจกตาลดลงกว่าปกติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการโฟกัสแสงเข้าสู่ดวงตา ทำให้การมองเห็นมีความคมชัด หากกระจกตาบางเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสายตา เช่น สายตาผิดปกติ หรือมีผลกระทบต่อการรักษาดวงตาด้วยวิธีต่างๆ เช่น เลสิก การเข้าใจสาเหตุ อาการ และการดูแลกระจกตาบางอย่างถูกต้อง จึงช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและดูแลสุขภาพตาได้ดีขึ้น       กระจกตาคืออะไร? สิ่งสำคัญต่อการมองเห็น กระจกตา (Cornea) คือชั้นโปร่งใสและโค้งอยู่ด้านหน้าสุดของดวงตา ครอบคลุมตาดำ มีหน้าที่ช่วยหักเหแสงให้เข้าสู่ดวงตา ทำให้เรามองเห็นชัดเจน และยังเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคโดยตรง โดยปกติความหนาของกระจกตาจะอยู่ที่ประมาณ 520-550 ไมครอน และสามารถบางลงได้ตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย       รู้จักกับกระจกตาบาง กระจกตาบางคือลักษณะของกระจกตาที่มีความหนาน้อยกว่า 500 ไมครอน (0.5 มิลลิเมตร) โดยทั่วไปไม่ถือเป็นโรคและไม่ต้องรักษา แต่กระจกตาบางจะส่งผลต่อการวินิจฉัยโรคบางอย่าง เช่น ต้อหิน เพราะทำให้วัดความดันตาต่ำกว่าความจริง รวมถึงส่งผลต่อการเลือกวิธีแก้ไขสายตา เช่น หากผู้ป่วยต้องการทำ LASIK และ มีระดับค่าสายตาที่มีผิดปกติสูง เช่น สั้น หรือ เอียงมาก โดยมีความหนาของกระจกตาน้อย เมื่อเปรียบเทียบกันกับเนื้อกระจกตาที่ต้องใช้ผ่าตัด หลังจากได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เเพทย์ประเมินแล้วอาจจะไม่สามารถแก้ไขค่าสายตาได้หมด หรืออาจทำให้ กระจกตาเสี่ยงเป็นโรคกระจกตาอื่นๆหลังการแก้ไข เเพทย์อาจประเมินให้ผู้ป่วยทำการรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น PRK ICL FemtoLASIK ReLEx SMILE Pro หรือ NanoLASIK  แทนการทำ LASIK แบบทั่วๆไป ซึ่งเป็นการเเก้ไขที่ใช้หรือรบกวนความหนาของกระจกตาน้อยกว่าเพราะฉะนั้น ก่อนทำเลสิกจึงต้องสังเกตและตรวจประเมินความหนาของกระจกตาอย่างละเอียด เพราะหากบางเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะสายตาเอียงผิดปกติ หรือกระจกตาย้วย ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นได้ นอกจากนี้หลายคนยังสงสัยว่า “ใส่คอนแท็กต์เลนส์ ทำให้กระจกตาบางจริงไหม?” คำตอบคือ โดยทั่วไปการใส่คอนแท็กต์เลนส์อย่างถูกวิธี ไม่ได้ทำให้กระจกตาบางลง แต่หากใส่นานเกินไป ไม่ถอดล้างหรือดูแลอย่างถูกต้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเกิดภาวะขาดออกซิเจนที่กระจกตา ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อบางลงได้เช่นกัน       กระจกตาบางเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง? กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้สามารถป้องกันและดูแลสุขภาพตาได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย มีดังนี้   โรคทางพันธุกรรม แม้ว่าภาวะกระจกตาบางมักเกิดจากพฤติกรรมบางอย่าง แต่ในบางกรณี ความผิดปกตินี้อาจมีสาเหตุจากโรคพันธุกรรมที่ถ่ายทอดภายในครอบครัว หนึ่งในโรคที่พบบ่อย คือ กระจกตาย้วย (Keratoconus) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะกระจกตาบาง กระจกตาจะบางลงและโป่งยื่นออกมาคล้ายรูปกรวย ทำให้สายตาเอียงผิดปกติ และการมองเห็นแย่ลงเรื้อรัง มักเริ่มแสดงอาการในช่วงวัยรุ่นถึงอายุ 30 ปี โรคกระจกตาบางจากพันธุกรรมอื่นๆ (Corneal Dystrophies) เช่น Pellucid Marginal Degeneration (PMD) ซึ่งกระจกตาจะบางลงบริเวณขอบด้านล่าง   การบาดเจ็บหรือการผ่าตัดตา การผ่าตัดแก้ไขสายตาบางประเภท เช่น การทำเลสิก (LASIK) หรือ PRK อาจส่งผลให้กระจกตาบางลงได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการเลเซอร์เนื้อกระจกตา ออกไปมากเกินความจำเป็น ทำให้ความหนาของกระจกตาที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาย้วยในอนาคต นอกจากนี้การบาดเจ็บที่กระจกตาซ้ำๆ รวมถึงการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น แผลที่กระจกตาหรือกระจกตาอักเสบ ก็สามารถทำลายเนื้อเยื่อกระจกตาและทำให้เกิดการบางลงได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที   โรคอื่นๆ หรือการใช้ยา โรคทางภูมิคุ้มกันบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคเอสแอลอี (SLE) อาจส่งผลกระทบต่อกระจกตา ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวะกระจกตาบางได้ในระยะยาว เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเนื้อเยื่อของตาเอง ในขณะเดียวกัน การใช้ยาหยอดตาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลข้างเคียงต่อโครงสร้างของกระจกตา ทำให้เนื้อเยื่อกระจกตาอ่อนแอและบางลงได้เช่นกัน       อาการของภาวะกระจกตาบาง ภาวะกระจกตาบางมักพัฒนาอย่างช้าๆ จนอาจไม่สังเกตเห็นได้ในระยะแรก การเรียนรู้ที่จะสังเกตอาการเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยอาการที่อาจพบมีดังนี้ การมองเห็นพร่ามัวหรือไม่ชัดเจน ค่าสายตาเปลี่ยนแปลงบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ มีค่าสายตาเอียงสูงกว่าปกติ มองเห็นภาพบิดเบี้ยว หรือมีลักษณะผิดรูปจากความจริง       วิธีการตรวจและวินิจฉัยกระจกตาบาง โดยปกติแล้วภาวะกระจกตาบางมักถูกตรวจพบในขั้นตอนการประเมินสายตาก่อนทำเลสิก ซึ่งแพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Keratometerตรวจวัดความโค้งของกระจกตาและค่าสายตาเอียง โดยการสะท้อนแสงบนกระจกตาเพื่อตรวจหารูปร่างและความโค้งที่ผิดปกติ ซึ่งความโค้งที่ผิดปกตินี้ อาจสัมพันธ์กับความบางของกระจกตา นอกจากนั้นยังมีการตรวจ Corneal Tophography หรือแผนภูมิดวงตาเพื่อประเมินค่าความหนาบางและความผิดปกติของกระจกตาอื่นๆด้วย โดยอาจจะมีการวัด Tomographic Biomechanical Index หรือ ค่าความเเข็งเเรงของกระจกตา เสริมเพื่อตรวจความเสี่ยงของโรค Corneal Ectasia หรือโรคกระจกตาโป้งอีกด้วย แม้ว่าจะสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ เช่น มองเห็นไม่ชัดหรือค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย แต่การวินิจฉัยว่ามีกระจกตาบางจริงหรือไม่นั้น ต้องอาศัยการตรวจโดยจักษุแพทย์เท่านั้น เพราะการสังเกตอาการด้วยตนเองเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น ไม่สามารถยืนยันผลได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าตนเองมีกระจกตาบาง ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการดูแลและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น   สรุป กระจกตาบางเป็นภาวะที่หลายคนไม่รู้ตัว แต่สามารถส่งผลกระทบต่อการมองเห็น เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย หรือภาพบิดเบี้ยว ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรม โรคภูมิคุ้มกัน การผ่าตัดแก้ไขสายตา หรือการใช้ยาบางชนิด การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่วางแผนทำเลสิก ควรเข้ารับการตรวจวัดความหนาและความโค้งของกระจกตาอย่างละเอียดที่ Bangkok Eye Hospital ด้วยเครื่องมือทันสมัยและแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพดวงตาได้อย่างมั่นใจ   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระจกตาบาง (FAQ) หลายคนที่เพิ่งเคยได้ยินเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบางอาจมีข้อสงสัยมากมาย เพื่อช่วยให้เข้าใจมากขึ้น เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบาง พร้อมคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันในบทความนี้   ทำอย่างไรให้กระจกตาหนาขึ้น ความหนาของกระจกตาไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติที่เกิดจากโครงสร้างภายในชั้นกระจกตาเอง   ถ้าปล่อยให้กระจกตาบางแล้วไม่รักษา จะเป็นอย่างไร? สายตาพร่ามัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถแก้ไขด้วยแว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์ปกติได้ กระจกตาโป่งยื่นออกมามากผิดปกติ ทำให้การมองเห็นแย่ลงอย่างถาวร ในบางกรณีรุนแรงมาก อาจเกิดภาวะกระจกตาบวมน้ำฉับพลัน (Acute Hydrops) หรือกระจกตาทะลุ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินและอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา   สามารถป้องกันภาวะกระจกตาบางได้ไหม หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ เพราะการขยี้ตาเป็นประจำและรุนแรงสามารถทำให้กระจกตาบางลงและเป็นตัวกระตุ้นให้โรคกระจกตาย้วยแย่ลง ดูแลสุขภาพตาโดยรวม เช่น ไม่ใช้คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป และรักษาความสะอาดของดวงตา พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกี่ยวกับกระจกตา เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและเริ่มการรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะให้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีกว่า  
อ่านเพิ่มเติม

อาการตาแห้งหลังทำเลสิกเกิดจากอะไร และวิธีดูแลตัวเองที่ถูกต้อง

อาการตาแห้งหลังทำเลสิกเกิดจากการผ่าตัดที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของต่อมน้ำตา ทำให้น้ำตาผลิตน้อยลงและชั้นน้ำตาสูญเสียความสมดุล ส่งผลให้ดวงตาขาดความชุ่มชื้นและแห้งง่ายขึ้น ตาแห้งหลังทำเลสิกมักไม่อันตราย แต่ถ้าไม่ดูแลอาจทำให้ระคายเคืองหรือเสี่ยงติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์หากอาการรุนแรงหรือไม่หายเอง น้ำตาเทียมหลังทำเลสิกช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น บรรเทาอาการตาแห้งและระคายเคือง ช่วยให้ดวงตาฟื้นตัวเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน หลังทำเลสิก หลายคนอาจพบอาการตาแห้งซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยและสร้างความไม่สบายตาได้อย่างมาก การเข้าใจสาเหตุและวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำตาเทียมหรือปรับพฤติกรรม จะช่วยให้ฟื้นฟูสุขภาพตาได้รวดเร็วและปลอดภัย พร้อมกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจมากขึ้น     สาเหตุของอาการตาแห้งหลังทำเลสิก สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการตาแห้งหลังทำเลสิกคือกระบวนการผ่าตัดที่ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของดวงตาชั่วคราว เช่น   การตัดชั้นกระจกตา ในระหว่างการผ่าตัดเลสิก เลเซอร์จะทำการเปิดชั้นกระจกตา (Corneal Flap) ซึ่งทำให้เส้นประสาทบริเวณกระจกตาบางส่วนถูกตัดขาด เส้นประสาทเหล่านี้มีหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำตา เมื่อถูกตัดขาดจึงทำให้การผลิตน้ำตาลดลงชั่วคราว   การอักเสบของผิวกระจกตา การผ่าตัดเลสิกทำให้เกิดการอักเสบเล็กน้อยบริเวณผิวกระจกตา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสมดุลของชั้นน้ำตา (Tear Film) ชั้นน้ำตาที่ปกติจะช่วยหล่อลื่นและปกป้องดวงตา แต่เมื่อชั้นน้ำตาสูญเสียความสมดุล น้ำตาจะระเหยเร็วขึ้นกว่าปกติ ทำให้ดวงตาขาดความชุ่มชื้น เกิดอาการตาแห้ง แสบตา และรู้สึกไม่สบายตาได้ง่ายหลังผ่าตัด ดังนั้นจึงควรดูแลตัวเองโดยหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการเหล่านี้   ภาวะตาแห้งเดิม ผู้ที่มีภาวะตาแห้งอยู่แล้วก่อนการผ่าตัดเลสิก อาจมีอาการตาแห้งหลังทำเลสิกรุนแรงขึ้น เนื่องจากกระบวนการผ่าตัดส่งผลกระทบต่อการทำงานของต่อมน้ำตาและชั้นน้ำตาอยู่แล้ว ทำให้ดวงตาขาดความชุ่มชื้นมากขึ้น ส่งผลให้อาการแสบตา ตาแห้ง และระคายเคืองมีความรุนแรงและเกิดบ่อยขึ้นกว่าปกติ จึงควรแจ้งจักษุแพทย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด และเตรียมตัวดูแลดวงตาอย่างใกล้ชิดหลังผ่าตัด   ตาแห้งหลังทำเลสิก อันตรายไหม อาการตาแห้งหลังทำเลสิกเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยและโดยส่วนใหญ่ไม่ถือว่าเป็นอันตรายรุนแรง แต่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตา แสบตา หรือระคายเคืองได้ในช่วงเวลาหนึ่งหลังผ่าตัด สาเหตุหลักเกิดจากกระบวนการผ่าตัดที่ส่งผลต่อการทำงานของต่อมน้ำตาและชั้นน้ำตา ทำให้น้ำตาผลิตน้อยลงหรือลดคุณภาพลง ถ้าได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ อาการตาแห้งมักจะดีขึ้นและหายไปเองในไม่กี่สัปดาห์ถึงเดือน     ความสำคัญของน้ำตาเทียมหลังทำเลสิก วิธีที่ดีที่สุดในการบรรเทาอาการตาแห้งหลังทำเลสิก คือการหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ ตามคำแนะนำแพทย์ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกที่แพทย์มักแนะนำให้หยอดเมื่อตาแห้ง น้ำตาเทียม (Artificial Tears) ประกอบด้วยสารเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น ไฮโปรเมลโลส โซเดียมไฮยาลูโรเนต และคาร์บอกซิเมทิลเซลลูโลส เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ทำเลสิกทุกคน เพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการแสบตา และบรรเทาภาวะตาแห้ง (Dry eye) ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยในช่วง 6 เดือนแรกหลังผ่าตัด เลสิกส่งผลให้กระจกตาถูกกระทบและลดการผลิตน้ำตา ทำให้ตาแห้งหลังทำเลสิกมากขึ้น     ควรเลือกใช้น้ำตาเทียมชนิดไหนหลังทำเลสิก น้ำตาเทียมที่มีจำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบันมีหลายชนิดและสูตรแตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับความต้องการและอาการของผู้ใช้แต่ละราย ได้แก่ น้ำตาเทียมชนิดไม่มีสารกันเสียบรรจุในหลอดเล็ก ใช้ให้หมดภายใน 24 ชั่วโมงหลังเปิด ใช้แล้วรู้สึกสบายตาและมีความเสี่ยงแพ้น้อยกว่าชนิดมีสารกันเสีย แต่มีราคาสูงกว่า     วิธีดูแลตัวเองเพื่อบรรเทาอาการตาแห้งหลังทำเลสิก การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอนอกจากการหยอดน้ำตาเทียม ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการบรรเทาอาการตาแห้งและช่วยให้ดวงตาฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถปฏิบัติดูแลได้ดังนี้   พักสายตาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันและบรรเทาอาการตาแห้งหลังทำเลสิก ควรหลีกเลี่ยงการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ และใช้หลักการ “20-20-20” คือ ทุก 20 นาที ให้พักสายตาโดยมองวัตถุที่อยู่ไกลประมาณ 20 ฟุต (หรือประมาณ 6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา   ใส่ฝาครอบตาจนครบกำหนด หลังการผ่าตัดทำเลสิก แพทย์จะใช้ฝาครอบตาปิดดวงตาเพื่อปกป้องจากสิ่งสกปรกและป้องกันการสัมผัสที่อาจทำให้เกิดการอักเสบได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตาแห้งหลังทำเลสิกซึ่งตาอาจไวต่อการระคายเคือง จึงควรปิดฝาครอบตาไว้อย่างเคร่งครัดจนกว่าจะครบกำหนดตามคำสั่งแพทย์ ยกเว้นในกรณีที่ต้องใช้ยาหยอดตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น โดยปกติจะปิดเเค่วันแรกหลังทำและหลังจากนั้น ทุกครั้งก่อนนอนเป็นเวลา 1 สัปดาห์   หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตาแห้ง ควรงดอยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมที่เป่าลมตรงเข้าหน้าโดยตรง รวมถึงหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีลมแรงหรือมีควัน เนื่องจากสภาพแวดล้อมเหล่านี้จะทำให้ดวงตาแห้งและระคายเคืองมากขึ้น หลังทำเลสิก การใช้น้ำตาเทียมหลังทำเลสิกเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการตาแห้งที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมดังกล่าว   ระวังไม่ให้น้ำโดนบริเวณดวงตา งดกิจกรรมที่ทำให้ดวงตาสัมผัสน้ำโดยตรง เช่น การว่ายน้ำ ล้างหน้าแรงๆ หรือการใช้น้ำฉีดบริเวณดวงตา เพราะน้ำอาจทำให้แผลผ่าตัดติดเชื้อหรือลดประสิทธิภาพการฟื้นตัวได้ นอกจากนี้ดวงตาที่มีอาการตาแห้งหลังทำเลสิกยิ่งต้องได้รับการดูแลอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการระคายเคืองและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ควรใช้น้ำตาเทียมตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการ   งดแต่งหน้ารอบดวงตา เนื่องจากดวงตาหลังทำเลสิกยังคงมีความบอบบางและไวต่อการระคายเคือง โดยเฉพาะในช่วงที่อาการตาแห้งหลังทำเลสิกยังไม่หายดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดความเสี่ยงต่อการระคายเคือง หากมีความจำเป็นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดในการดูแลดวงตาหลังผ่าตัด โดยปกติแพทย์จะแนะนำให้แต่งหน้าได้หลังจากการตรวจครบรอบ 1 สัปดาห์หลังทำเลสิก   หลีกเลี่ยงฝุ่นละอองหลังทำเลสิก การสัมผัสกับฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกต่างๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแม้แต่ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการตาแห้งหลังทำเลสิก ซึ่งดวงตามีความไวและขาดความชุ่มชื้น การหลีกเลี่ยงฝุ่นละอองจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยปกป้องดวงตาและเร่งกระบวนการฟื้นฟู ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีฝุ่นเยอะ สวมแว่นตากันลมหรือหน้ากากป้องกันเมื่อจำเป็น และทำความสะอาดมือก่อนสัมผัสดวงตาเพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติม   บำรุงดวงตาหลังทำเลสิก การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอช่วยส่งเสริมให้ร่างกายผลิตน้ำตาได้ดีขึ้น ทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้นมากขึ้น ส่วนการรับประทานอาหารเสริมจำพวกโอเมกา 3 เช่น น้ำมันปลา หรือเมล็ดแฟลกซ์ ช่วยปรับปรุงคุณภาพของน้ำตา ทำให้ดวงตาสุขภาพดีและลดอาการตาแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ   สรุป อาการตาแห้งหลังทำเลสิกเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เนื่องจากกระบวนการผ่าตัดส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำตา ทำให้ดวงตาขาดความชุ่มชื้นและเกิดอาการระคายเคืองได้ การดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เช่น การหยอดน้ำตาเทียมแบบปราศจากสารกันเสียอย่างสม่ำเสมอ การดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงฝุ่นละออง ช่วยบรรเทาอาการและเร่งการฟื้นฟูสุขภาพตา น้ำตาเทียมมีหลายชนิด ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมตามคำแนะนำแพทย์ โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ (Bangkok Eye Hospital) ให้บริการทำเลสิกด้วยเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมคำแนะนำดูแลหลังผ่าตัด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยทุกคน   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการตาแห้งหลังทำเลสิก (FAQ) คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการตาแห้งหลังทำเลสิกจะช่วยไขข้อสงสัยและให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ การดูแลตัวเอง และวิธีป้องกัน เพื่อให้ผู้ที่ผ่านการทำเลสิกเข้าใจและรับมือกับภาวะตาแห้งได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น   อาการตาแห้งหลังทำเลสิกจะอยู่นานแค่ไหน โดยทั่วไปอาการตาแห้งจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายใน 3-6 เดือนหลังการผ่าตัด เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เส้นประสาทบริเวณกระจกตาจะเริ่มฟื้นตัวและกลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่ในบางรายอาจใช้เวลานานกว่านั้นเล็กน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล   ควรใช้น้ำตาเทียมชนิดไหนถึงจะดีที่สุด จักษุแพทย์มักจะแนะนำให้ใช้น้ำตาเทียมชนิด “ปราศจากสารกันเสีย” (Preservative-Free) เพราะน้ำตาเทียมชนิดนี้จะอ่อนโยนต่อดวงตาและสามารถหยอดได้บ่อยเท่าที่ต้องการโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ควรเลือกใช้น้ำตาเทียมตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด   หากมีอาการตาแห้ง สามารถใส่คอนแท็กต์เลนส์ได้ไหม ไม่ควรใส่คอนแท็กต์เลนส์ การใส่คอนแท็กต์เลนส์ในช่วงที่ดวงตากำลังฟื้นตัวจะทำให้เกิดการเสียดสีและระคายเคืองมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการสมานแผลและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย  

ชอบขยี้ตาบ่อย เลือกทำเลสิกแบบไหนดีให้ปลอดภัยและเหมาะกับคุณ?

การขยี้ตาบ่อยหลังทำเลสิกเสี่ยงทำให้ฝากระจกตาเคลื่อนหรือเกิดแผล ทำให้สายตาพร่ามัวหรือเกิดการติดเชื้อได้ เทคนิคเลสิกที่เหมาะกับคนขยี้ตาบ่อย ได้แก่ PRK และ SMILE เพราะไม่สร้างฝากระจกตา จึงลดความเสี่ยงฝากระจกตาเคลื่อน พร้อมทั้งช่วยให้ฟื้นตัวได้ดี หลังทำเลสิก ผู้ที่ชอบขยี้ตาบ่อยควรหลีกเลี่ยงการขยี้ตา งดแต่งหน้าใกล้ดวงตา หลีกเลี่ยงน้ำเข้าตา และใส่แว่นกันลม กันฝุ่นเพื่อป้องกันการระคายเคือง การขยี้ตาบ่อยเป็นพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังจะทำเลสิกหรือเคยทำเลสิกไปแล้ว เพราะนอกจากจะทำให้ตาระคายเคืองแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หากต้องการทำเลสิกจริงๆ ควรเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับพฤติกรรมนี้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อควรระวังและวิธีดูแลดวงตาหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์ปลอดภัยและยาวนานที่สุด ทำไมการขยี้ตาบ่อยถึงเป็นอันตรายหลังทำเลสิก? การขยี้ตาบ่อยหลังทำเลสิก โดยเฉพาะในช่วงแรกของการพักฟื้น อาจส่งผลเสียร้ายแรงได้ เพราะการทำเลสิกแต่ละประเภทมีวิธีการรักษาและฟื้นฟูที่แตกต่างกัน การขยี้ตาจึงอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการรักษาและผลลัพธ์ที่ได้ ดังนี้ ผลจากการขยี้ตาบ่อยหลังทำเลสิก เลสิกเป็นการผ่าตัดสร้างฝากระจกตา การขยี้ตาบ่อยหรือขยี้ตาแรงอาจทำให้ฝากระจกตาเคลื่อน หลุด หรือพับยับ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินต้องแก้ไขทันที และเสี่ยงต่อสายตาพร่ามัวหรือติดเชื้อได้ ผลจากการขยี้ตาบ่อยหลังทำ PRK (Photorefractive Keratectomy) แม้ไม่สร้างฝากระจกตา แต่หลังทำ PRK/TransPRK ผิวกระจกตาชั้นนอกถูกลอกออก การขยี้ตาอาจทำให้แผลหายช้า เกิดการติดเชื้อ หรือพังผืดที่กระจกตาได้ ภาวะกระจกตาย้วย (Keratoconus) ผู้ที่ชอบขยี้ตาบ่อยเสี่ยงเกิดภาวะกระจกตาย้วย ซึ่งกระจกตาบางและโป่งออก ทำให้ไม่เหมาะกับการทำเลสิกบางประเภท หรือหากทำแล้วอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น เทคนิคเลสิกที่เหมาะสมสำหรับคนขยี้ตาบ่อย   ถ้าคุณมักเผลอขยี้ตาบ่อย การปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อประเมินสภาพตาและเลือกเทคนิคเลสิกที่ไม่สร้างฝากระจกตาหรือมีผลกระทบน้อยต่อโครงสร้างกระจกตาจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า โดยเทคนิคที่เหมาะสม เช่น   PRK (Photorefractive Keratectomy) หรือ TransPRK เทคนิคนี้ใช้เลเซอร์เจียระไนเนื้อกระจกตาโดยตรงที่ผิวชั้นบนสุดโดยไม่สร้างฝากระจกตา ทำให้ปลอดภัยกว่าสำหรับผู้ที่ชอบขยี้ตา เพราะไม่มีความเสี่ยงที่ฝากระจกตาจะเคลื่อนตัว อีกทั้งกระจกตาหลังทำยังมีความแข็งแรงมากกว่าเลสิก อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาพักฟื้นจะนานกว่า ประมาณ 3-5 วันแรกอาจรู้สึกเคืองตาและมองไม่ชัด ผลการมองเห็นจึงคงที่ช้ากว่าเลสิก เทคนิคนี้เหมาะกับผู้ที่ชอบขยี้ตาบ่อย นักกีฬาที่เสี่ยงกระทบกระเทือนดวงตา หรือผู้ที่มีกระจกตาบางไม่เหมาะกับการทำเลสิก และควรให้ความสำคัญกับการดูแลดวงตาหลังผ่าตัดเลสิกอย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและการฟื้นตัวที่รวดเร็ว   ReLEx SMILE (Small Incision Lenticule Extraction) เทคนิคนี้ใช้เลเซอร์สร้างชิ้นเนื้อกระจกตา (Lenticule) ภายในกระจกตา แล้วนำชิ้นเนื้อนั้นออกผ่านแผลเล็กๆ ขนาด 2-4 มิลลิเมตร โดยไม่ต้องสร้างฝากระจกตาที่เปิดออก ทำให้แผลมีขนาดเล็กและฟื้นตัวเร็ว ความเสี่ยงที่ฝากระจกตาจะเคลื่อนตัวจึงน้อยกว่าเลสิกมาก อีกทั้งกระจกตาหลังทำยังคงมีความแข็งแรงดี อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ไม่สามารถแก้ไขสายตายาวได้ และมีข้อจำกัดในเรื่องค่าสายตาที่สามารถแก้ไขได้ เหมาะกับผู้ที่มีสายตาสั้นหรือเอียงไม่เกินเกณฑ์ รวมถึงผู้ที่ชอบขยี้ตาและต้องการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรณีที่เผลอขยี้ตาหลังทำเลสิก เทคนิคนี้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาฝากระจกตาเคลื่อนหรือเสียหายได้ดีกว่า   NanoRelex® NanoReLEx® เป็นเทคนิคที่มีความแม่นยำสูงในการปรับแต่งเนื้อเยื่อภายในชั้น Stroma ของกระจกตา โดยคำนวณชิ้นเนื้อกระจกตาในรูปแบบ 3 มิติ เรียกว่า Lenticule ตามค่าสายตาของแต่ละบุคคล จากนั้นนำ Lenticule ออกผ่านแผลขนาดเล็กเพียง 2–3 มิลลิเมตร จุดเด่นคือใช้พลังงานต่ำในระดับนาโนจูลย์ ทำให้กระทบกระเทือนดวงตาน้อยและฟื้นตัวเร็วขึ้น การผ่าตัดด้วย NanoReLEx® ใช้เวลาสั้น ลดอาการตาแห้งหลังการรักษา แผลขนาดเล็กช่วยให้กระจกตาคงรูปร่างและความแข็งแรงหลังผ่าตัด   SMILE Pro® SMILE Pro® เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์แก้ไขสายตาที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพเหนือกว่า ReLEx SMILE รุ่นเดิมทั้งด้านความรวดเร็ว ความแม่นยำ และความสบายตาขณะทำการรักษา จุดเด่นอยู่ที่การใช้เครื่องเลเซอร์ Carl ZEISS VisuMax 800 รุ่นล่าสุด สามารถยิงเลเซอร์เสร็จสิ้นภายใน 8 วินาทีต่อดวงตา และสามารถปรับแต่งรูปร่างกระจกตาได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ทางสายตาที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีค่าสายตาสั้นหรือเอียงมาก ช่วยลดความกังวลและเพิ่มความสบายให้ผู้เข้ารับการรักษาได้อย่างมาก     หลังทำเลสิกห้ามทำอะไรบ้าง สำหรับคนขยี้ตาบ่อย หากคุณตัดสินใจทำเลสิกและมีพฤติกรรมชอบขยี้ตาบ่อย การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันปัญหาและช่วยให้ดวงตาฟื้นตัวอย่างปลอดภัย   พยายามหยุดขยี้ตา การขยี้ตาหนักๆ อาจทำให้ฝากระจกตาหลุดหรือเสียหาย ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและทำให้ผลลัพธ์เลสิกไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง จึงควรฝึกควบคุมและหลีกเลี่ยงการขยี้ตาทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เพื่อช่วยให้แผลหายไว และรักษาคุณภาพการมองเห็นให้นานที่สุด   ใช้ยาหยอดตา หากคุณขยี้ตาบ่อยเพราะรู้สึกคันหรือตาแห้ง การปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาหยอดตาที่เหมาะสมจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ยาหยอดตาอย่างถูกวิธีจะช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง ลดความอยากขยี้ตา และช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้นมากขึ้น ส่งผลให้การฟื้นตัวหลังทำเลสิกเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น   สวมแว่นตาป้องกัน หลังทำเลสิก 7 วัน โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรก ควรใส่แว่นตากันลม กันฝุ่น และลดแสงจ้า เพื่อปกป้องดวงตาจากสิ่งแวดล้อมที่อาจกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนี้แว่นตายังทำหน้าที่ช่วยให้ระมัดระวังและไม่เผลอขยี้ตา ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่อาจส่งผลเสียต่อการฟื้นตัวและความปลอดภัยของกระจกตาหลังผ่าตัด   ระมัดระวังการทำความสะอาดตา ควรทำความสะอาดตาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเบามือที่สุด เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือความเสียหายต่อกระจกตา หลีกเลี่ยงการถูหรือขยี้ตาขณะทำความสะอาด และใช้วิธีที่ถูกต้อง เช่น ใช้น้ำเกลือล้างตาหรือผ้าสะอาดชุบน้ำหมาดๆ เช็ดเบาๆ วิธีถนอมสายตาหลังทำเลสิกนี้ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อและส่งเสริมการฟื้นตัวของดวงตาอย่างปลอดภัย   ปรึกษาแพทย์ทันที หากเผลอขยี้ตาแรงๆ หลังทำเลสิก หรือรู้สึกปวดตา ตาแดงมากผิดปกติ เห็นภาพพร่าหรือแสงกระจาย มีน้ำตาไหลมาก หรือตาแห้งผิดปกติ ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที เพราะอาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงภาวะแทรกซ้อน เช่น ฝากระจกตาเคลื่อนหรือติดเชื้อ   การได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยป้องกันความเสียหายรุนแรงและรักษาคุณภาพการมองเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังทำเลสิก ไม่ควรเล่นโทรศัพท์บ่อย ควรพักสายตาและหลีกเลี่ยงการเพ่งจอเป็นเวลานาน เพื่อช่วยลดอาการตาแห้งและอาการล้า ช่วยให้ดวงตาฟื้นตัวได้ดีขึ้น   สรุป สำหรับคนที่ขยี้ตาบ่อย การทำเลสิกควรเลือกเทคนิคที่ปลอดภัยและเหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน เช่น ฝากระจกตาเคลื่อนหรือกระจกตาบาง เทคนิคที่ไม่สร้างฝากระจกตาหรือมีแผลเล็ก เช่น PRK หรือ SMILE เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะช่วยให้ฟื้นตัวเร็วและกระจกตาแข็งแรงกว่าเดิม Bangkok Eye Hospital มีทีมจักษุแพทย์ผู้ชำนาญและเทคโนโลยีทันสมัย ที่ช่วยประเมินสภาพดวงตาอย่างละเอียด เพื่อแนะนำวิธีทำเลสิกที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของแต่ละคน พร้อมคำแนะนำดูแลดวงตาหลังผ่าตัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและการฟื้นตัวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคนขยี้ตาบ่อยทำเลสิก (FAQ)   รวบรวมคำตอบที่ช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบของการขยี้ตาต่อการทำเลสิก วิธีเลือกเทคนิคเลสิกที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการขยี้ตา รวมถึงคำแนะนำในการดูแลดวงตาหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและรักษาผลลัพธ์ให้คงทน พร้อมข้อมูลที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจทำเลสิกในกรณีนี้   คนชอบขยี้ตาบ่อยๆ ทำเลสิกได้ไหม? ทำได้ แต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และบางเทคนิคอาจเหมาะสมกว่า แพทย์จะประเมินสภาพตาและความรุนแรงของพฤติกรรมการขยี้ตาอย่างละเอียด หากสามารถควบคุมการขยี้ตาหลังผ่าตัดได้ ก็ไม่มีปัญหา แต่หากควบคุมไม่ได้ อาจต้องเลือกเทคนิคที่ปลอดภัยกว่า หรือหาทางแก้ไขพฤติกรรมขยี้ตาก่อน มีวิธีลดพฤติกรรมการขยี้ตาไหม ใช้ยาหยอดตาเพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อลดอาการตาแห้งและระคายเคือง หาสาเหตุอาการคัน เช่น ภูมิแพ้ และรับยาหยอดตาแก้แพ้ สวมแว่นตาหรือแว่นกันแดดเพื่อป้องกันฝุ่น ลม และแสงแดด พร้อมฝึกสังเกตตัวเองและหยุดพฤติกรรมขยี้ตาให้ได้   เผลอขยี้ตาหลังทำเลสิกไปแล้ว ต้องทำอย่างไร? หากคุณเผลอขยี้ตาอย่างรุนแรงหลังทำเลสิก (โดยเฉพาะในช่วง 1-3 เดือนแรก) และรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ตาพร่ามัว เจ็บตามาก มองเห็นภาพซ้อน หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในตา ควรรีบกลับไปพบจักษุแพทย์ทันที เพื่อตรวจดูว่าฝากระจกตาเคลื่อนหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน  
ศูนย์รักษาต้อกระจก
ศูนย์รักษาจอประสาทตา
ศูนย์เลสิก LASER VISION
ศูนย์รักษาต้อหิน
ศูนย์รักษากระจกตา
ศูนย์รักษาตาเด็ก
ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา
ศูนย์รักษาจักษุประสาทวิทยา

เลสิกสำหรับนักแบดมินตัน เพิ่มความคมชัดเพื่อชัยชนะทุกคอร์ต | Bangkok Eye Hospital

เลสิกสำหรับนักแบดมินตัน: พลิกเกมด้วยสายตาที่คมชัดกว่า 🏸 “พริบตาเดียวบนคอร์ต อาจเปลี่ยนชัยชนะเป็นความพลาด” การเล่นแบดมินตันไม่ได้อาศัยเพียงแค่พละกำลังหรือความเร็ว แต่หัวใจสำคัญคือ การมองเห็นที่แม่นยำและรวดเร็ว เพื่อการ "อ่านเกม อ่านลูก และอ่านทางคู่แข่ง" ได้เหนือกว่าใคร! อุปสรรคทางสายตาที่นักกีฬาต้องเจอ เคยไหมที่ต้องมัวดันแว่นระหว่างการแข่งขัน? หรือกังวลว่าคอนแทคเลนส์จะหลุดกลางเกม? ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้คุณเสียสมาธิและพลาดจังหวะสำคัญในเสี้ยววินาที... ซึ่งอาจหมายถึงการเสียคะแนนหรือพลาดชัยชนะไปอย่างน่าเสียดาย LASIK: คำตอบสำหรับนักกีฬายุคใหม่ การทำเลสิก (LASIK) คือทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับนักกีฬาแบดมินตันและผู้ที่รักการออกกำลังกายทุกคน ช่วยปลดล็อกศักยภาพของคุณให้เหนือกว่าเดิม สายตาคมชัด: โฟกัสการเคลื่อนไหวของลูกขนไก่ได้ดีขึ้น คล่องตัวทุกการเคลื่อนไหว: ไม่ต้องกังวลเรื่องแว่นหรือคอนแทคเลนส์ มั่นใจในทุกช็อต: ทั้งลูกตบ ลูกหยอด หรือลูกตัด เมื่อไร้กังวลเรื่องสายตา คุณจะสามารถโฟกัสที่เกมการแข่งขันได้อย่างเต็มที่ เพราะการมองเห็นที่ดี ไม่ได้แค่ทำให้เล่นดีขึ้น แต่ทำให้คุณ “มั่นใจในทุกการเคลื่อนไหว” ปรึกษาการทำเลสิกสำหรับนักกีฬา ดวงตามีคู่เดียว มั่นใจให้แพทย์เฉพาะทางดูแล ที่ Laser Vision at Bangkok Eye Hospital เลียบทางด่วนรามอินทรา โทรเลย: 02-511-2111 #LASERVISION #SMILEPro #LASIK #BangkokEyeHospital #เลสิกไร้ใบมีด #LASIKForSport #Badminton #กีฬาแบดมินตัน
ศูนย์รักษาต้อกระจก
ศูนย์รักษาจอประสาทตา
ศูนย์เลสิก LASER VISION
ศูนย์รักษาต้อหิน
ศูนย์รักษากระจกตา
ศูนย์รักษาตาเด็ก
ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา
ศูนย์รักษาจักษุประสาทวิทยา

ภาพเบลอในสนาม อาจทำให้คุณพลาดโอกาสสำคัญ

"ภาพเบลอในสนาม อาจทำให้คุณพลาดโอกาสสำคัญ" ⚽👀 เพราะในทุกวินาทีของการแข่งขัน… “สายตา” คืออาวุธลับที่คุณอาจมองข้าม จะเล็ง จะส่ง จะยิง ทุกจังหวะต้องแม่นยำ แต่ถ้ามองไม่ชัดตั้งแต่แรก คุณอาจพลาดสิ่งสำคัญที่อยู่ตรงหน้า โอกาสสำคัญที่คุณอาจพลาดไป ไม่ว่าจะเป็น: ✅ โอกาสในการยิงประตู ✅ การอ่านเกมในเสี้ยววินาที ✅ การเคลื่อนไหวที่มั่นใจและคล่องตัว การทำเลสิกช่วยให้คุณกลับมามองเห็นชัด ลดการพึ่งพาแว่นหรือคอนแทคเลนส์ พร้อมเปลี่ยนทุกเกมให้คุณ "คุมสนามได้อยู่หมัด" พร้อมลงสนามด้วยสายตาที่เหนือกว่า 📍 Laser Vision at Bangkok Eye Hospital ปรึกษาการทำเลสิกสอบถามได้ที่ 02-511-2111 #LASERVISION #SMILEPro #LASIK #smarteyehospital #BangkokEyeHospital #QualityEyeCare #BestVisionBestVersion #NoBlade #เลสิกไร้ใบมีด #LASIKForSport #Sport #Football #กีฬาฟุตบอล
ศูนย์รักษาต้อกระจก
ศูนย์รักษาจอประสาทตา
ศูนย์เลสิก LASER VISION
ศูนย์รักษาต้อหิน
ศูนย์รักษากระจกตา
ศูนย์รักษาตาเด็ก
ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา
ศูนย์รักษาจักษุประสาทวิทยา

Laser Vision: ปลดล็อกศักยภาพนักกอล์ฟ ด้วยเลสิก (LASIK) และ SMILE Pro

กอล์ฟ คือ เกมของการโฟกัส 🏌️‍♂️ เล่นกอล์ฟเก่งแค่ไหน ถ้ามองไม่ชัด… ก็พลาดได้ง่าย ๆ การทำเลสิก ไม่ได้แค่ช่วยให้คุณมองชัดขึ้นแต่ช่วย “ยกระดับเกม” ของคุณไปอีกขั้น ไม่ต้องเล็งผ่านเลนส์ ไม่ต้องพะวงแว่นหลุด เห็นธงชัดตั้งแต่ระยะ 200 หลา เล่นได้มั่นใจ โฟกัสได้เต็มที่ในทุกหลุม อย่าปล่อยให้สายตาเป็นอุปสรรคของวงสวิง ยกระดับเกมกอล์ฟของคุณวันนี้ 📍 Laser Vision at Bangkok Eye Hospital เลียบทางด่วนรามอินทรา ดวงตามีคู่เดียว มั่นใจให้แพทย์เฉพาะทางดูแล ปรึกษาการทำเลสิกสอบถามได้ที่ 02-511-2111 #LASERVISION #SMILEPro #LASIK #smarteyehospital #BangkokEyeHospital #QualityEyeCare #BestVisionBestVersion #GolfVision #LASIKForGolfers

เลสิกสายตาเอียง แก้ไขปัญหาภาพเบลอ ภาพไม่ชัด กับข้อควรรู้ก่อนทำ

สายตาเอียง ปัญหาสายตาที่ส่งผลให้การมองผิดเพี้ยน ไม่ชัดเจน การทำเลสิกสายตาเอียงจึงเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาสายตาสายตาเอียง มองไม่ชัด มองเห็นภาพเบลอ ภาพซ้อน มองเห็นได้ไม่ชัดทั้งจากระยะใกล้และระยะไกล มาดูว่ามีการทำเลสิกสายตาเอียงกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมาะกับใคร พร้อมข้อควรรู้ก่อนและหลังทำเลสิก สายตาเอียง (Astigmatism) คือ ภาวะที่ทำให้การมองเห็นผิดเพี้ยนไป เนื่องจากการโค้งของกระจกตาที่ผิดปกติ ไม่โค้งเป็นทรงกลม ทำให้เกิดการหักเหแสงที่ผิดปกติ ทำให้มองเห็นไม่ชัด ภาพเบลอ หรือมีเงาซ้อน สายตาเอียงมักมีอาการ ตาเบลอ มองเห็นไม่ชัด เห็นเงาซ้อน มองเห็นภาพบิดเบี้ยวจากความจริง มองเห็นรายละเอียดสิ่งของไม่ชัดเจน ต้องหยีตาเพื่อมองเห็นชัดขึ้น มีปัญหาการมองเห็นเวลากลางคืน มีอาการปวดหัว ล้าสายตา การทำเลสิกสายตาเอียง คือการรักษาสายตาผิดปกติโดยใช้ใบมีดเปิดแยกชั้นกระจกตา และใช้เลเซอร์ปรับแก้ความโค้งของกระจกตาให้มีรูปทรงปกติให้ได้มากที่สุด จากนั้นปิดกระจกตาโดยไม่ต้องเย็บแผล การทำเลสิกสายตาเอียงแบ่งได้เป็น 7 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ผ่าตัดเลสิกแบบใช้ใบมีด (LASIK) ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีด (FemtoLASIK) ผ่าตัดเลสิกแบบแผลเล็ก ReLEx SMILE ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีดพลังงานต่ำ (NanoLASIK) ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีด แผลเล็ก พลังงานต่ำ NanoRelex ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีด แผลเล็ก ความเร็วสูง (SMILE Pro) และการทำเลสิก PRK (Photorefractive Keratectomy) ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเทคโนโลยีเลสิกสายตาเอียงที่ทันสมัย ให้คำแนะนำและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม     สายตาเอียง คืออะไร สายตาเอียง (Astigmatism) คือ ภาวะที่ทำให้การมองเห็นผิดเพี้ยนไป เนื่องจากการโค้งของกระจกตาที่ผิดปกติ ไม่โค้งเป็นทรงกลม การหักเหแสงจึงผิดเพี้ยนไปด้วย ผู้ที่มีภาวะสายตาเอียงจึงมองเห็นภาพไม่ชัดเจน ภาพเบลอ มีเงาซ้อน ทั้งในระยะใกล้หรือระยะไกล สายตาเอียงพบได้บ่อยถึง 1 ใน 3 ของประชากร และเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกวัย โดยบางรายมีภาวะสายตาเอียงมาตั้งแต่เกิด หรือเพิ่งเป็นในช่วงวัยผู้ใหญ่ก็ได้เช่นกัน ซึ่งอาจเกิดจากการบาดเจ็บ โรคบางอย่าง อายุที่เพิ่มมากขึ้น หรือเกิดขึ้นควบคู่กับปัญหาสายตาสั้นหรือยาว อาการสายตาเอียง เป็นอย่างไร สายตาเอียง โดยทั่วไปแล้วจะมีอาการดังต่อไปนี้ ตาเบลอ มองเห็นไม่ชัด มองเห็นเงาซ้อน มองเห็นภาพบิดเบี้ยวจากความเป็นจริง มองเห็นรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ได้ไม่ดี เมื่อมองแสงไฟ จะเห็นแสงจ้าแยงตา แตกเป็นเส้น หรือเห็นเป็นวงแหวนรอบๆ ต้องหยีตาเพื่อให้มองเห็นชัดขึ้น ปวดล้าสายตา เมื่อใช้สายตาเป็นเวลานาน เช่น จ้องจอคอมพิวเตอร์ หรืออ่านหนังสือ มีปัญหาในการมองเห็นตอนกลางคืน ปวดศีรษะ ขยี้ตาบ่อย ตาเหล่     สายตาเอียงมีกี่ประเภท สายตาเอียงมักมาพร้อมกับปัญหาทางสายตาอื่นๆ ซึ่งแบ่งประเภทของสายตาเอียงได้ ดังนี้ สายตาเอียงร่วมกับสายตาสั้น สายตาเอียงร่วมกับสายตาสั้น (Myopic Astigmatism)คือ การที่ส่วนโค้งทั้งสองของเลนส์ตาหรือกระจกตาโฟกัสแสงที่ด้านหน้าของจอประสาทตา เมื่อรูปร่างของกระจกตาผิดปกติ แสงจึงตกกระทบไม่ถึงจอประสาทตา และเกิดจุดโฟกัสมากกว่า 1 ทำให้มองวัตุระยะไกลไม่ชัดเจน และเกิดภาพเงาซ้อน ซึ่งสายตาเอียงร่วมกับสายตาสั้น ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ดังนี้ Simple Myopic Astigmatismคือแสงสร้างจุดโฟกัส 2 จุด โดยที่ 1 จุด อยู่ที่ด้านหน้าจอประสาทตา และอีก 1 จุดอยู่ในจุดที่ถูกต้อง คือ ตรงบริเวณจอประสาทตา Compound Myopic Astigmatismคือแสงโฟกัสทั้ง 2 อยู่ที่ด้านหน้าจอประสาทตา และอยู่คนละจุด สายตาเอียงร่วมกับสายตาสั้นไม่อันตราย แต่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต รักษาได้ด้วยการใส่แว่น คอนแท็กต์เลนส์ หรือทำเลสิกสายตาเอียงเพื่อแก้ไขปัญหาการมองเห็นได้ สายตาเอียงร่วมกับสายตายาว สายตาเอียงร่วมกับสายตายาว (Hyperopic Astigmatism)เกิดขึ้นเมื่อแกนที่เรียกว่า principal meridian 1 หรือทั้ง 2 อันเป็นแกนสายตายาว เมื่อแสงสะท้อนเข้าสู่ดวงตา ทำให้เกิดจุดโฟกัสแสงด้านหลังของจอประสาทตา ทั้งยังเกิดจุดโฟกัสมากกว่า 1 ทำให้มองใกล้ไม่ชัดเจน เกิดภาพเบลอ เงา ภาพบิดเบี้ยว ซึ่งสายตาเอียงร่วมกับสายตายาว ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ดังนี้ Simple Hyperopic Astigmatismเกิดขึ้นเมื่อจุดโฟกัสแสงหนึ่งจุดตกกระทบโดยตรงไปยังจอประสาทตาและอีกหนึ่งจุดตกกระทบด้านหลัง ซึ่งแกนสายตาหนึ่งเป็นแกนสายตายาวแต่กำเนิด และอีกแกนหนึ่งเป็นปกติ Compound Hyperopic Astigmatism เกิดขึ้นเมื่อจุดโฟกัสแสงอยู่ด้านหลังจอประสาทตา โดยมีแกนสายตายาวทั้งสองแนวแกนโดยกำเนิด แต่ปริมาณไม่เท่ากัน สายตาเอียงร่วมกับสายตายาวไม่อันตราย เพียงจะส่งผลต่อการใช้ชีวิต ผู้ป่วยสามารถใส่แว่น ใส่คอนแท็กต์เลนส์ หรือทำเลสิกสายตาเอียงเพื่อแก้ไขปัญหาการมองเห็นได้เช่นเดียวกับสายตาเอียงร่วมกับสายตาสั้น สายตาเอียงแบบผสม สายตาเอียงแบบผสม (Mixed Astigmatism)เกิดขึ้นเมื่อแกน principal meridian โดยหนึ่งแกนเป็นแกนสายตายาว และอีกหนึ่งแกนเป็นแกนสายตาสั้น ทำให้การหักเหแสงตกกระทบที่ด้านหลังจอประสาทตา และอีกจุดหนึ่งที่ด้านหน้าจอประสาทตา ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน และบิดเบือนค่อนข้างมาก สายตาเอียงแบบผสมไม่อันตรายแต่มีผลต่อการใช้ชีวิตค่อนข้างมาก การแก้ไขด้วยการตัดแว่นก็ถือว่าค่อนข้างยากที่จะแก้ไขให้สายตามองเห็นได้ปกติ แต่สามารถใส่คอนแท็กต์เลนส์ที่เรียกว่า Orthokeratology (Ortho-K) เพื่อปรับรูปร่างกระจกตาในขณะนอนหลับ ช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น หรือทำเลสิกสายตาเอียงเองก็ช่วยได้เช่นกัน สาเหตุสายตาเอียง เกิดจากอะไร สายตาเอียง เกิดจากความผิดปกติของความโค้งกระจกตา โดยปกติแล้วกระจกตาจะโค้งเป็นทรงกลม คล้ายลูกเบสบอล ในคนที่มีสายตาเอียงกระจกตาจะผิดรูป เป็นรูปไข่หรือทรงรี ทำให้จุดโฟกัสแสงผิดพลาด เกิดจุดโฟกัสมากกว่า 1 จุด ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน ทั้งระยะใกล้และไกล มักเกิดร่วมกับปัญหาสายตาสั้นและสายตายาว โดยสาเหตุของสายตาเอียงเกิดจาก กรรมพันธุ์ ตาเหล่ การบาดเจ็บบริเวณดวงตา ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดดวงตา ภาวะกระจกตาย้วย (Keratoconus)     การวินิจฉัยสายตาเอียงโดยแพทย์ การวินิจฉัยสายตาเอียง ต้องทำโดยจักษุแพทย์หรือนักนักทัศนมาตร เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับปัญหาสายตา ผู้มีปัญหาสายตาจะได้รับการตรวจ ดังนี้ การตรวจวัดระดับการมองเห็น (Visual Acuity Test)เพื่อทดสอบความสามารถและความชัดเจนในการมองเห็น โดยการอ่านตัวเลขหรือตัวอักษรบนแผนภูมิสเนลแลน (Snellen Chart) ซึ่งตัวอักษรจะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ การวัดค่าความโค้งกระจกตา (Keratometer Test) แพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า เราโทมิเตอร์เพื่อตรวจวัดระดับความโค้งของกระจกตาและแสงสะท้อนที่กระทบกระจกตา การทดสอบการหักเหของแสงที่เข้าสู่ดวงตาแพทย์จะใช้ โฟรอพเตอร์ (Phoropter) เพื่อวัดข้อผิดพลาดในการหักเหของแสง การโฟกัสของดวงตา โดยผู้ป่วยจะมองเลนส์หลายๆ ชุด และอ่านแผนภูมิเพื่อวัดค่าเลนส์ที่สามารถแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดในการหักเหของแสงได้ ทำเลสิกสายตาเอียง คืออะไร การทำเลสิกสายตาเอียง คือการรักษาสายตาผิดปกติ โดยการใช้เลเซอร์ปรับแก้ความโค้งของกระจกตา ให้มีรูปทรงปกติให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะสายตาสั้น ยาว เอียง ก็ทําเลสิกได้ โดยจักษุแพทย์จะทำการใช้ใบมีดไมโครเคอราโตม (Microkeratome) เพื่อแยกชั้นกระจกตา และใช้เลเซอร์ Excimer Laser เพื่อปรับความโค้งกระจกตา และปิดกระจกตากลับไปตำแหน่งเดิม และกระจกตาจะสมานตัวเองได้โดยไม่ต้องเย็บแผล     ประเภทการทำเลสิกสายตาเอียง และการแก้ไขอื่นๆ หลายคนอาจไม่ทราบว่าการทำเลสิกสายตาเอียงนั้นมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็วิธีการและจุดเด่น รวมถึงเหมาะกับปัญหาสายตาที่แตกต่างกันออกไป มาดูการทำเลสิกสายตาเอียงมี 5 ประเภทหลัก ดังนี้ 1. ผ่าตัดเลสิกแบบใช้ใบมีด การผ่าตัดเลสิกสายตาเอียงแบบใช้ใบมีด (Microkeratome Lasik) คือ การผ่าตัดโดยใช้ใบมีดตัดแยกชั้นกระจกตา จากนั้นยิงเลเซอร์เข้าไปเพื่อแก้ไขปัญหาความผิดปกติของสายตา มีความแม่นยำสูง ปลอดภัย ระคายเคืองน้อย ใช้เวลาพักฟื้นน้อย กลับมามองเห็นชัดเจนได้อย่างรวดเร็ว วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสายตาเอียงไม่เกิน 500 และสั้นไม่เกิน 1,200 - 1,300 ราคาเริ่มต้นที่ 30,000 - 45,000 บาท วิธีนี้ราคาเริ่มต้นที่ 50,000 - 70,000 บาท 2. ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีด การผ่าตัดเลสิกสายตาเอียงแบบไม่ใช้ใบมีด เรียกว่า Bladeless Femto LASIK คือการผ่าตัดโดยใช้แสงเลเซอร์แทนการใช้ใบมีด โดยมีสแกนไปตามความโค้งของกระจกตา ความเร็ว 500 กิโลเฮิร์ต โดยที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อดวงตา จากนั้นใช้เลเซอร์อีกตัวเจียระไนกระจกตา การผ่าตัดวิธีนี้มีความแม่นยำสูง ลดความคลาดเคลื่อนในการแยกชั้นกระจกตา และความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อน วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีสายตาเอียงไม่เกิน 600 และสายตาสั้นระหว่าง 100 - 1,000 3. ผ่าตัดเลสิกแบบแผลเล็ก ReLEx SMILE คือ การเลสิกสายตาที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีมาจากการทำเลสิกแบบดั้งเดิม เป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่ใช้เลเซอร์เฟมโตตัดเนื้อเยื่อกระจกตาเป็นแผ่นบางๆ คล้ายแพนเค้ก เรียกว่า Lenticule และทำการเปิดแผลขนาดเล็ก 2-4 มม. เพื่อนำ Lenticule ออกมา มีความแม่นยำ ไม่เจ็บขณะผ่าตัด แผลขนาดเล็ก หายไว รบกวนเส้นประสาทที่บริเวณกระจกตาน้อย จึงลดอาการเคืองตา หรืออาการอื่นๆ ที่จะตามมาหลังผ่าตัด วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีค่าสายตาสั้นไม่เกิน 1,000 เอียงไม่เกิน 500 และผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้นร่วมกับสายตาเอียง ราคาประมาณ 85,000 - 140,000 บาท 4. ผ่าตัดเลสิก NanoLASIK ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีดพลังงานต่ำ NanoLASIK คือการเลสิกสายตาที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียงได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบมีด แต่จะเปลี่ยนมาใช้เชเซอร์ในการสร้างแผ่นกระจกตาแทน มั่นใจได้ในผลลัพธ์การรักษาที่แม่นยำ รวดเร็ว และปลอด นอกจากนี้ NanoLASIK ทำงานในระดับพลังงานนาโนจูลที่ต่ำ ช่วยลดโอกาสระคายเคืองตาหลังทำเลสิกและช่วยให้ฟื้นฟูหลังทำได้เร็วมากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยการทำ NanoLASIK เหมาะกับผู้ที่มีกระจกตาบางและไม่สามารถทำเลสิกแบบดั้งเดิมได้ 5. ผ่าตัดเลสิก NanoRelex ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีด แผลเล็ก พลังงานต่ำ NanoRelex คือเทคโนโลยีการทำเลสิกใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อรักษาปัญหาสายตาสั้นและสายตาเอียงด้วยการใช้พลังของเทคโนโลยี Femtosecond Laser ปรับเปลี่ยนเนื้อเยื่อกระจกตา โดยการเอาเนื้อเยื่อกระจกตาส่วนเกินออกผ่านรอยกรีดขนาดเล็กเพียง 2-3 มม. ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบมีด พร้อมลดโอกาสเกิดความเสี่ยงตาแห้งหลังทำเลสิกได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย 6. ผ่าตัดเลสิก SMILE Pro ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีด แผลเล็ก ความเร็วสูง SMILE Pro คือการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติด้วย Femtosecond Laser เป็นตัวช่วยในการแยกชั้นเนื้อเยื่อกระจกตาออกเป็นแผ่นบางๆ จากนั้นจะดึงแผ่นเนื้อเยื่อกระจกตาเหล่านั้นออกผ่านแผนที่มีขนาดเล็กเพียง 2 - 4 มม. เพื่อช่วยปรับรูปร่างและความโค้งของกระจกตาให้กลับมาคล้ายปกติ และช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาสั้นไม่เกิน 1000 สายตาเอียงไม่เกิน 500 หรือมีสายตาสั้นร่วมกับสายตาเอียง 7. การทำเลสิก PRK (Photorefractive Keratectomy) PRK (Photorefractive Keratectomy) คือ วิธีผ่าตัดแก้ไขปัญหาความผิดปกติของสายตาในช่วงแรกๆ แต่ยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน เป็นการผ่าตัดที่ไม่เปิดฝากระจกตา แต่จะกำจัดเซลล์ชั้นนอกของกระจกตาออก และใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ปรับรูปร่างกระจกตา ผลข้างเคียงน้อย ไม่ต้องเย็บแผล และเป็นวิธีเดียวที่อนุญาตให้ผู้ที่ต้องการสอบเป็นนักบินสามารถทำได้ ราคาไม่แพง เริ่มต้นประมาณ 35,000 - 40,000 บาทขึ้นไป วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีอาการตาแห้งหรือกระจกตาบาง ผู้ที่มีสายตาเอียงไม่เกิน 200 และสายตาสั้นได้ถึง 500 การเตรียมตัวก่อนทำเลสิกสายตาเอียง ก่อนการเลสิกสายตาเอียงต้องมีการเตรียมตัว เตรียมความพร้อมก่อนทำ เพื่อให้ผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี ป้องกันปัญหาที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น การเตรียมตัวก่อนทำเลสิกสายตาเอียงทำได้ดังนี้ หาข้อมูลและปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม งดใส่คอนแท็กต์เลนส์อย่างน้อย 3 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด งดแต่งหน้า งดใช้น้ำหอม ครีมบำรุงบริเวณรอบดวงตา งดดื่มชา กาแฟ ควรพาญาติหรือผู้ดูแลมาด้วย เนื่องจากหลังทำเลสิกตาเอียง การมองเห็นจะยังคงไม่ชัดเจน เตรียมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันดวงตาจากแสง UV     การดูแลตัวเองหลังทำเลสิกสายตาเอียง หลังการทำเลสิกสายตาเอียง ควรดูแลตนเองให้ถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และป้องกันการเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ โดยการดูแลตัวเองหลังทำเลสิกสายตาเอียง มีดังนี้ หากมีอาการปวดตา สามารถใช้ยาบรรเทาอาการปวดได้ ควรใช้ยาหยอดตาเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง ใช้สำลีน้ำอุ่นเช็ดรอบดวงตาเบาๆ เช้า-เย็น เป็นเวลา 2 สัปดาห์ งดแต่งหน้าหรือทาครีมบริเวณรอบดวงตา งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ พักผ่อนสายตา งดการใช้สายตาหานักๆ เลี่ยงกิจกรรมที่ใช้กำลัง อย่างน้อย 1 เดือน สวมที่ครอบตาก่อนนอน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น และป้องกันการขยี้ตา ระวังน้ำหรือฝุ่นเข้าดวงตา ควรสวมแว่นกันแดดหากอยู่ในบริเวณที่มีแสงจ้า หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ ทำเลสิกสายตาเอียงที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร หากต้องการทำเลสิกสายตาเอียง แนะนำให้เข้ามาปรึกษาและรักษาอาการเหล่านี้ได้ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital ที่นี่โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีจุดเด่นดังนี้ โรงพยาบาลมีทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาสมัยใหม่ เครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย พร้อมให้การรักษาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป สายตาเอียงเป็นปัญหาสายตาที่ส่งผลต่อการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน ภาพเบลอ ทั้งในระยะใกล้และไกล มักเกิดควบคู่กับปัญหาสายตาสั้นหรือสายตายาว เนื่องจากความโค้งของกระจกตาที่ผิดปกติ เกิดจุดโฟกัสแสงมากกว่าหนึ่งจุด สายตาเอียงเกิดได้กับทุกคน ทุกวัย ทำเลสิกสายตาเอียงเพื่อทำการรักษาได้ โดยใช้เลเซอร์ปรับความโค้งของกระจกตาให้การมองเห็นกลับมาเป็นปกติ แนะนำมาที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospitalศูนย์รักษาตาครบวงจร ดูแลรักษาปัญหาสายตาผิดปกติ ด้วยทีมจักษุแพทย์ที่เชี่ยวชาญ มีเทคโนโลยีการเลสิกสายตาเอียงที่ทันสมัย มุ่งเน้นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และบริการที่ประทับใจ

ที่อยู่

ช่องทางติดต่อ

calling
ติดต่อเรา :