มุมสุขภาพตา : #สาตาเอียง

เรียงตาม

ตาแห้งมีอาการอย่างไร วิธีรักษา ป้องกัน และพฤติกรรมที่ช่วยลดอาการตาแห้ง

อาการตาแห้ง คือภาวะตาขาดความชุ่มชื้นเพราะการผลิตน้ำตาน้อยเกินไปหรือคุณภาพน้ำตาไม่ดี ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและไม่สบายตาได้ ตาแห้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้นทำให้การผลิตน้ำตาน้อยลง การสวมใส่คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป การจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ รวมถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรักษาตาแห้งทำได้หลายวิธี เช่น ยาหยอดตา น้ำตาเทียม การประคบอุ่น และการรักษาด้วยยาลดการอักเสบ รักษาอาการตาแห้งที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ได้รับการดูแลจากจักษุแพทย์ พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยและการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ   ตาแห้งเป็นโรคที่ทำให้ตารู้สึกแห้งและระคายเคือง เนื่องจากการผลิตน้ำตาลดลงหรือคุณภาพของน้ำตาไม่ดีพอ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย หากดูแลอย่างถูกวิธี จะช่วยลดอาการและป้องกันภาวะตาแห้งในระยะยาว มาหาสาเหตุของอาการตาแห้ง วิธีรักษา รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้งได้ในบทความนี้     อาการตาแห้ง คืออะไร? ก่อนทำความรู้จักกับอาการตาแห้ง ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘น้ำตา’ กันก่อน โดยน้ำตามีความสำคัญต่อดวงตา เป็นตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างชัดเจน หล่อเลี้ยงเลี้ยงกระจกตาด้วยออกซิเจน และป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาทำร้ายดวงตา ตาแห้ง เป็นอาการที่ปริมาณน้ำตาที่เข้ามาหล่อเลี้ยงผิวตามีไม่เพียงพอส่งผลให้ผิวตาอักเสบได้ โดยอาการของตาแห้งอาจเริ่มจากการแสบตา หรือรู้สึกระคายเคืองเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา รวมถึงอาจพบอาการตาแดง เจ็บ หรือมีการพร่ามัวที่ดีขึ้นเมื่อกะพริบตา นอกจากนี้ยังอาจรู้สึกฝืดๆ หนักๆ ที่ตา หรือลืมตาลำบาก และบางครั้งอาจมีอาการตาล้าหรือมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ     ทำไมถึงมีอาการตาแห้งได้ ตาแห้งเป็นปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความสบายของดวงตาและการมองเห็น โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานเกินไป อาการภูมิแพ้ที่ตาซึ่งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน หรือมลภาวะ อยู่ในที่ร้อน ลมแรง หรือความชื้นต่ำ ความผิดปกติของต่อมไขมันขอบตา การพบตัวไร (Demodex blepharitis) บริเวณโคนขนตา ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อมน้ำตา การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาต้านซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิตบางชนิด ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล โดยเฉพาะในเพศหญิงที่อาจทำให้คุณภาพของน้ำตาลดลง     อาการตาแห้งเกิดจากอะไร มีปัจจัยอะไรบ้าง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำตาหรือการทำงานของต่อมน้ำตา หากมีลักษณะดังต่อไปนี้ จะทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ง่ายขึ้น สร้างน้ำตาได้น้อยกว่าปกติ  (Aqueous Tear Deficiency) กลุ่มคนที่มีความผิดปกติหรือปัจจัยที่ส่งผลให้สามารถสร้างน้ำตาได้น้อย ได้แก่   กลุ่มคนที่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome โรครูมาตอยด์ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือภาวะที่ไม่พบสาเหตุชัดเจน เช่น Primary Sjogren’s Syndrome กลุ่มคนที่ไม่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome เช่น ต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติตั้งแต่เกิด โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง การแพ้ยารุนแรง หรือการอักเสบที่ทำให้ท่อน้ำตาตัน กลุ่มคนที่ฮอร์โมนเปลี่ยน มักพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลให้การผลิตน้ำตาและสารคัดหลั่งอื่นๆ ในร่างกายลดลง การกินยาบางประเภท เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต หรือยาคลายเครียดบางชนิด ที่มีสารกันเสียเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้ตาแห้งมากขึ้น เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถลดการผลิตน้ำตาได้ น้ำตาระเหยเร็ว (Evaporative Dry Eyes)  ปัจจัยที่ส่งผลให้การระเหยของน้ำตาเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ได้แก่   ต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ เปลือกตาอักเสบที่เกิดจากความผิดปกติของชั้นไขมัน จะทำให้การสร้างน้ำตาชั้นน้ำมันลดลง ซึ่งทำให้เกิดการระเหยของน้ำตาได้เร็วขึ้น ความผิดปกติของเปลือกตา การปิดตาไม่สนิทหรือการกะพริบตาน้อยผิดปกติ ซึ่งทำให้การกระจายน้ำตาผิดปกติ และเพิ่มการระเหยของน้ำตา โดนสารเคมีหรือแพ้ยารุนแรง การอักเสบของเยื่อบุตาอาจทำให้เกิดแผลเป็น ซึ่งส่งผลต่อการสร้างน้ำตาชั้นเมือกที่ติดกับกระจกตา ทำให้การสร้างน้ำตาผิดปกติ การใช้สายตามาก พบมากในวัยทำงานจากพฤติกรรมจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ โดยไม่ค่อยกะพริบตา และการใส่คอนแท็กต์เลนส์ที่ดูดน้ำออกจากดวงตา ทำให้การผลิตน้ำตาลดลงและน้ำตาระเหยเร็ว     วิธีรักษาหรือวิธีแก้โรคตาแห้ง วิธีรักษาโรคตาแห้งจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล โดยใช้วิธีต่างๆ รวมทั้งการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ ดังนี้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตาแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน หรือแสงจ้า โดยการใส่แว่นกันแดดและแว่นกันลม เพื่อป้องกันสิ่งแวดล้อมที่อาจทำให้ตาแห้งขึ้น นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการใส่คอนแท็กต์เลนส์เป็นเวลานานๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงจากดวงตาที่อาจทำให้อาการตาแห้งแย่ลงได้ ใช้น้ำตาเทียม ในการรักษาอาการตาแห้ง น้ำตาเทียมเป็นตัวช่วยที่ดี โดยมี 2 ชนิดให้เลือกใช้ ได้แก่   น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย ในรูปแบบขวด ควรใช้ไม่เกิน 4-5 ครั้งต่อวัน อาจแบ่งการใช้ยาเพิ่มน้ำตาตามช่วงเวลาของวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ซึ่งเหมาะสำหรับอาการตาแห้งที่ไม่รุนแรง น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย แบบกระเปาะ เปิดแล้วมีอายุ 24 ชั่วโมง หรือขวดที่มีระบบวาล์วพิเศษใช้ได้นาน 6 เดือน ใช้บ่อยได้ตามต้องการ เช่น ทุก 1-2 ชั่วโมง เหมาะกับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง  ใช้ยาหยอดตาเพิ่มปริมาณน้ำตา มียาหยอดตาที่ช่วยเพิ่มน้ำตาและรักษาอาการตาแห้งได้ โดยแต่ละชนิดจะช่วยรักษาตามอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้   ยา Diquafosol ช่วยเพิ่มการสร้างน้ำตาชั้นเมือกและชั้นน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาและลดอาการแห้ง ยาปฏิชีวนะ Doxycycline ยาลดการอักเสบของเปลือกตาช่วยลดการอักเสบและอาการระคายเคืองที่เกิดจากตาแห้ง ยากลุ่ม Steroids โดยยานี้ช่วยบรรเทาการอักเสบของผิวตาและลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากการขาดน้ำตา ยา Cyclosporine ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressant) ชนิดหยอดตา ช่วยลดการอักเสบในตาและเพิ่มการผลิตน้ำตา โดยการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้ การทำความสะอาดเปลือกตา การทำความสะอาดเปลือกตาและประคบอุ่นด้วยแชมพูเด็กผสมเจือจางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเปลือกตาช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันในเปลือกตา ทำให้ชั้นไขมันที่เคลือบน้ำตาทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันน้ำตาระเหยเร็วและลดอาการตาแห้ง ใช้ Autologous Serum การรักษาอาการตาแห้งชนิดรุนแรงโดยใช้สารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อทำได้โดยการเจาะเลือดจากผู้ป่วยไปปั่นแยกเป็น Serum และนำมาหยอดร่วมกับการใช้น้ำตาเทียม ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ และส่งเสริมการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อให้กลับสู่สภาพปกติได้ดีขึ้น การอุดท่อระบายน้ำตาที่หัวตา (Punctal Plug) การรักษาอาการตาแห้งที่รุนแรงทำได้โดยการอุดช่องทางที่น้ำตาไหลออกจากตา (Punctum) ซึ่งมีทั้งชนิดอุดชั่วคราวและชนิดอุดถาวร โดยการใส่ Silicone Plug หรือ Punctal Cautery ซึ่งเป็นการจี้บริเวณช่องทางที่น้ำตาระบายออกจากตา วิธีนี้ช่วยให้ดวงตาเก็บน้ำตาไว้ได้นานขึ้น ลดการระเหยของน้ำตา และช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก     การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง การป้องกันอาการตาแห้งทำได้ง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน ดังนี้    หยุดพักจากการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือทุกๆ 20 นาที โดยการหลับตาสัก 20 วินาที หรือมองสิ่งที่อยู่ไกลประมาณ 20 ฟุต เพื่อให้ตาได้พักและผ่อนคลาย งดการใช้คอนแท็กต์เลนส์ต่อเนื่อง ควรสลับใส่แว่นในระหว่างวันเพื่อให้ดวงตาได้พัก ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อช่วยลดความเครียดของดวงตา เตือนตัวเองให้กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้น้ำตาเคลือบตาและช่วยลดการระเหยของน้ำตา หากอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้ง ร้อน หรือมีลมแรง ควรสวมแว่นกันแดดกันลมเพื่อปกป้องตาจากสภาพแวดล้อม กินอาหารที่ครบทุกหมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ปลา หรืออาหารที่มีโอเมกา 3 ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบของตา  ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน สรุป ตาแห้งคืออาการที่น้ำตาผลิตไม่เพียงพอหรือระเหยเร็วเกินไป ทำให้ดวงตารู้สึกแห้ง ระคายเคือง และอาจเกิดการอักเสบได้ รักษาได้หลายวิธี เช่น ใช้น้ำตาเทียม ประคบอุ่น ใช้ยาเพื่อเพิ่มการสร้างน้ำตาหรือลดการอักเสบ และป้องกันตาแห้งได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ดวงตา รวมถึงการใช้ยาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา  สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง รับการรักษาได้ที่ ศูนย์โรคจักษุประสาทวิทยา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ซึ่งให้การดูแลปัญหาตาแห้งที่ส่งผลต่อการมองเห็นและระบบประสาท โดยจักษุแพทย์ในการวินิจฉัยและรักษาภาวะตาแห้งอย่างครบวงจร
อ่านเพิ่มเติม

เช็กอาการสายตาเอียง รู้จักสาเหตุและวิธีรักษา ก่อนสายตาแย่ลง!

สาเหตุสายตาเอียงเกิดจากกระจกตาหรือเลนส์ตาไม่เรียบ ทำให้แสงที่เข้าสู่ตากระจายไม่เท่ากัน ทำให้ภาพที่มองเห็นเบี้ยวหรือไม่ชัด สายตาเอียงสามารถเกิดจากกรรมพันธุ์หรือปัจจัยอื่นๆ เช่น อุบัติเหตุหรือการผ่าตัดที่ส่งผลต่อดวงตาได้ อาการของสายตาเอียงมักจะรวมถึงการมองเห็นภาพเบี้ยวหรือไม่ชัดเจนทั้งใกล้และไกล อาจมีอาการปวดหัว ปวดตา หรือรู้สึกตาล้าบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากการมองหรือใช้สายตานานๆ หากพบอาการเหล่านี้ ควรเข้ารับการตรวจสายตาเพื่อวินิจฉัยและรักษา การรักษาสายตาเอียงทำได้โดยสวมแว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์ที่ปรับค่าการโฟกัสให้เหมาะสม หรือการทำเลสิกเพื่อปรับรูปทรงของกระจกตาให้เหมาะสม ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล   สายตาเอียงเกิดจากความผิดปกติในการโฟกัสแสงที่กระทบตา ส่งผลให้การกระจายแสงไม่สมดุล ทำให้การมองเห็นภาพมีความเบลอหรือผิดเพี้ยน หากถามว่าสายตาเอียงอันตรายไหม? สายตาเอียงเองไม่ถือเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจนหรือเกิดอาการปวดหัว ตาเหนื่อยล้า และปัญหาการมองเห็นที่ไม่ชัดเจนในระยะยาว   บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุและแนวทางการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการใช้แว่นตา คอนแท็กต์เลนส์ หรือการทำเลสิก เพื่อให้การมองเห็นชัดเจนและสบายตากว่าเดิม     สาเหตุหลักการเกิดสายตาเอียง ปัจจัยเสี่ยงที่ควรรู้ สายตาเอียง (Astigmatism) เป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติในการโฟกัสแสงที่กระทบเข้าสู่ตา โดยแสงที่ผ่านเข้ามาในตาไม่กระจายไปทั่วทั้งตาอย่างสมดุล ทำให้ภาพที่เห็นไม่ชัดเจน การโฟกัสแสงของตาจะมีความผิดปกติในบางทิศทาง ซึ่งทำให้เกิดความบิดเบือนของภาพที่มองเห็น   สายตาเอียงเกิดจากอะไร? สาเหตุหลักของการเกิดสายตาเอียงมาจากความผิดปกติในกระจกตาหรือเลนส์ของตา ซึ่งไม่สามารถโฟกัสแสงได้อย่างถูกต้อง กระจกตาหรือเลนส์ในตาของผู้ที่มีสายตาเอียงจะมีรูปร่างไม่สมดุลกัน เช่น รูปร่างที่ไม่เป็นรูปกลมแต่มีลักษณะเหมือนวงรี ซึ่งทำให้การกระจายแสงไม่สม่ำเสมอ และทำให้การมองเห็นภาพในทุกทิศทางเกิดความผิดเพี้ยน   นอกจากนี้สายตาเอียงยังสามารถเกิดจากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวที่มีปัญหาสายตาเอียง ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะนี้ในลูกหลานก็จะสูงขึ้น และการบาดเจ็บที่ตาหรือการผ่าตัดในบริเวณดวงตาอาจทำให้เกิดความผิดปกติในกระจกตาหรือเลนส์ได้ หากมีอาการของสายตาเอียง เช่น ภาพที่เห็นไม่ชัดเจนหรือมีการบิดเบือน ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม     เช็กอาการสายตาเอียงภาพที่เห็นเป็นอย่างไร การสังเกตอาการของสายตาเอียงนั้นไม่ยาก หากพบว่าภาพที่มองเห็นไม่ชัดเจนหรือมีอาการตาพร่าทุกครั้งที่จ้องสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆ อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของสายตาเอียง โดยเฉพาะเมื่อมีอาการปวดหัว หรือรู้สึกเครียดที่บริเวณดวงตาหรือหน้าผาก สิ่งเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นในขณะที่อ่านหนังสือ หรือมองจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นระยะเวลานาน   ทดสอบสายเอียงได้จากสัญญาณหลัก ดังนี้   ภาพที่มองเห็นไม่ชัดเจน หากภาพที่เห็นดูเบลอ หรือไม่ชัดเจนในระยะใกล้หรือไกล อาจเป็นอาการของสายตาเอียง มองเห็นภาพเบลอหรือบิดเบือน ผู้ที่มีสายตาเอียงมักจะเห็นภาพที่ผิดเพี้ยนไปจากความจริง ตาพร่าเมื่อจ้องสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆ อาการตาพร่ามักจะเกิดขึ้นเมื่อมองหรือจ้องสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นระยะเวลานาน ปวดหัวหรือรู้สึกเครียดที่บริเวณดวงตา สัญญาณนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อดวงตาต้องทำงานหนักเพื่อปรับโฟกัส   หากมีอาการเหล่านี้เป็นประจำ ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อให้ได้รับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพสายตา     แนวทางการรักษาสายตาเอียง สายตาเอียงมีวิธีแก้ไข รักษาให้หายได้ โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยการรักษาที่นิยมมี ดังนี้ 1. การใส่แว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์ การใส่แว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและเป็นที่นิยมในการแก้ไขปัญหาสายตาเอียง แว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์ที่มีการออกแบบพิเศษจะช่วยในการโฟกัสแสงให้เข้าสู่ตาได้อย่างสมดุล ทำให้การมองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความผิดเพี้ยนของภาพที่เกิดจากการสายตาเอียง 2. การฝึกกล้ามเนื้อตา บางครั้งการฝึกกล้ามเนื้อตาก็อาจช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นและลดความรุนแรงของอาการสายตาเอียงได้ การฝึกนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อตาแข็งแรงขึ้นและสามารถปรับการโฟกัสได้ดีขึ้น เช่น การฝึกโดยการมองไปที่จุดเล็กๆ หรือทำการมองไปที่ระยะต่างๆ อย่างมีระเบียบ ซึ่งการฝึกนี้อาจทำให้ดวงตาสามารถปรับตัวให้ดีขึ้นตามเวลาที่ฝึก 3. การรักษาด้วยการผ่าตัด สำหรับบางกรณีที่มีอาการสายตาเอียงรุนแรงหรือมีปัญหาทางสายตาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยแว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์ แพทย์อาจแนะนำการทำเลสิกสายตาเอียงเพื่อปรับรูปร่างของกระจกตาให้มีความสมดุล ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาสายตาเอียงได้อย่างถาวร วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใส่แว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์ตลอดเวลา 5 ป้องกันสายตาเอียงง่ายๆ ก่อนสายตาเสื่อมลง แม้ว่าสายตาเอียงส่วนใหญ่มักเกิดจากพันธุกรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่การดูแลสุขภาพตาอย่างถูกต้องก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงหรือป้องกันการเกิดอาการนี้ได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้การป้องกันยังช่วยให้ดวงตาแข็งแรงและมีสุขภาพดีมากขึ้น โดยมีวิธีการป้องกันสายตาเอียงกันง่ายๆ ดังนี้ ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปีหรือทุกสองปีจะช่วยตรวจพบปัญหาสายตาเอียงตั้งแต่เนิ่นๆ และป้องกันการเสื่อมสภาพของดวงตา ใช้แว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์ที่เหมาะสมจะช่วยปรับโฟกัสแสงให้สมดุลและป้องกันการเกิดภาวะสายตาเอียงที่รุนแรงขึ้น หากทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรือใช้อุปกรณ์มือถือ ควรพักสายตาทุกๆ 20 นาที โดยการมองไปที่ระยะไกลประมาณ 20 วินาที รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีวิตามิน A, C, E และแร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสีและโอเมกา 3 ช่วยบำรุงสุขภาพตาและลดความเสี่ยงสายตาเอียง แว่นกันแดดช่วยปกป้องตาจากแสง UV และลดความเสี่ยงจากความเครียดที่ตา รักษาสายตายาว ที่ศูนย์รักษาตา Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร ที่ Bangkok Eye Hospital เรามีบริการวินิจฉัยและรักษาสายตาเอียงที่ครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ในการดูแลและรักษาปัญหาสายตาเอียงโดยเฉพาะ การตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ผู้ชำนาญการด้านจักษุแพทย์ วิธีการรักษาหลายทางเลือก การดูแลหลังการรักษาที่มีคุณภาพ บริการที่ครบวงจรและสะดวกสบาย การรักษาที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ การเข้าถึงข้อมูลและคำแนะนำได้ง่าย   นอกจากการรักษาแล้ว Bangkok Eye Hospital ยังให้คำแนะนำและข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการดูแลสุขภาพตาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลสายตาของตัวเองได้อย่างถูกต้อง สรุป สายตาเอียงเกิดจากความผิดปกติในการโฟกัสแสงที่กระทบตา ทำให้ภาพเบลอหรือผิดเพี้ยน สาเหตุหลักมาจากกระจกตาหรือเลนส์ที่ไม่สมดุล กรรมพันธุ์ และอุบัติเหตุ อาการของสายตาเอียงมักจะมีภาพเบี้ยว ปวดหัว หรือรู้สึกตาล้า การรักษามีหลายวิธี เช่น แว่นตา คอนแท็กต์เลนส์ หรือเลสิก การตรวจสุขภาพตาเป็นประจำและพักสายตาบ่อยๆ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการนี้ได้   นอกจากนี้ยังควรพักสายตาและตรวจสุขภาพตาเป็นประจำเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) มีบริการครบวงจรในการวินิจฉัยและรักษาสายตาเอียงด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และผู้ชำนาญการ พร้อมการดูแลหลังการรักษาที่มีคุณภาพ พร้อมการให้คำแนะนำการรักษาที่เหมาะสม โดยมีบริการผ่าตัดเลสิก และการปรับการมองเห็นด้วยแว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์ รวมถึงการติดตามผลหลังการรักษา   อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การตรวจตาก่อนทำเลสิก LASIK คืออะไร? เลสิกสายตาเอียง เลสิกสายตาสั้น เลสิกสายตายาว เทคนิคการเลือกแว่นตาหลังทำเลสิก FAQ – คำถามที่พบบ่อย สายตาเอียงรักษาหายไหม? สายตาเอียงสามารถรักษาได้ด้วยการใช้แว่นตา คอนแท็กต์เลนส์ หรือการทำเลสิก โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ สายตาเอียงสามารถหายไปเองได้ไหม? สายตาเอียงมักจะไม่หายไปเอง และต้องการการรักษาเพื่อปรับปรุงการมองเห็น สายตาเอียงสามารถเกิดจากการใช้งานตานานๆ ไหม? คำตอบคือใช่ การใช้งานตานานๆ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถืออาจทำให้เกิดอาการสายตาเอียงที่แย่ลง แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักของการเกิดสายตาเอียง ทำเลสิกสายตาเอียงดีไหม? การทำเลสิกสำหรับสายตาเอียงเป็นทางเลือกที่ดี หากต้องการแก้ไขปัญหาสายตาเอียงในระยะยาว โดยวิธีนี้ช่วยปรับรูปทรงกระจกตาให้เหมาะสมและทำให้การมองเห็นชัดเจนขึ้น
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111