ตาเหลืองเกิดจากอะไร? สาเหตุ วิธีป้องกัน และอาการที่ไม่ควรมองข้าม!
ตาเหลืองเกิดจากการสะสมของสารบิลิรูบินในเลือด ซึ่งมักเกิดจากปัญหาตับหรือระบบทางเดินน้ำดี เช่น โรคตับ ระบบทางเดินน้ำดี โรคเกี่ยวกับเม็ดเลือด โรคเกี่ยวกับดวงตาการใช้ยาหรือมะเร็งตับ
อาการตาเหลืองคือการที่ดวงตาหรือเยื่อบุตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง พร้อมอาจมีขี้ตาเหลืองร่วมด้วย ซึ่งมักเป็นสัญญาณของปัญหาตับ ระบบทางเดินน้ำดี และตาอักเสบ
การรักษาโรคตาเหลืองขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น การรักษาปัญหาตับหรือการรักษาการติดเชื้อที่ดวงตา โดยแพทย์จะวินิจฉัยและกำหนดวิธีการรักษาที่เหมาะสม
การป้องกันโรคตาเหลืองสามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพตับและดูแลสุขภาพดวงตา เช่น การหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่ดี และตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อหาปัญหาตับตั้งแต่เนิ่นๆ
ตาเหลืองหรือตาขาวเหลือง เป็นอาการที่ดวงตาหรือเยื่อบุตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง อาจเกิดร่วมกับขี้ตาเหลือง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคตับ โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินน้ำดีหรือการติดเชื้อที่ดวงตา อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุและควรได้รับการตรวจสอบจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง บทความนี้จะอธิบายทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับอาการตาเหลือง ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน และการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณดูแลสุขภาพตาได้อย่างถูกต้อง
สาเหตุที่ควรรู้ ตาเหลืองเกิดจากอะไรได้บ้าง?
ตาเหลืองหรือภาวะตาขาวเหลือง (Jaundice หรือ Icterus ในทางการแพทย์) เป็นภาวะที่เยื่อบุตาขาวมีสีเหลืองผิดปกติ สาเหตุหลักมาจากการที่มีสารบิลิรูบิน (Bilirubin) ที่เป็นสารสีเหลืองที่เกิดขึ้นจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงเกิดสะสมในเนื้อเยื่อของร่างกายมากเกินไป ซึ่งสารนี้จะไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้ตามปกติ ส่งผลให้เกิดอาการตาขาวเป็นสีเหลืองและผิวหนังเหลืองตามมา
ส่วนขี้ตาเป็นสีเหลืองอาจหมายถึงภาวะที่มีสารคัดหลั่งสีเหลืองบริเวณหัวตา ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อหรือการอักเสบของเยื่อบุตา สาเหตุที่ตาขาวเหลืองนั้นจะหมายถึงส่วนของตาขาว (Sclera) ที่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ซึ่งมักเป็นอาการที่สังเกตได้ชัดเจนเมื่อมีการสะสมของบิลิรูบินในร่างกายสูง
โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดอาการตาเหลืองสามารถแบ่งได้เป็นหลายกลุ่ม ดังนี้
โรคที่เกี่ยวข้องกับตับ
ตับมีหน้าที่ในการกำจัดบิลิรูบิน ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงเมื่อมันหมดอายุ แต่หากตับไม่สามารถทำงานได้ดีหรือเกิดความผิดปกติ จะทำให้บิลิรูบินสะสมในเลือดและในเนื้อเยื่อร่างกาย ทำให้เกิดอาการตาเหลืองได้ โดยโรคที่เกี่ยวข้องกับตับที่พบได้บ่อย เช่น
โรคตับอักเสบ ตับอักเสบที่เกิดจากไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบ A, B หรือ C สามารถทำให้ตับอักเสบและไม่สามารถขับบิลิรูบินออกจากร่างกายได้ ส่งผลให้เกิดตาเหลือง
ตับแข็ง ตับที่ถูกทำลายเรื้อรังจากการติดเชื้อหรือการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป สามารถทำให้การทำงานของตับลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดตาเหลือง
ไขมันพอกตับ เป็นการสะสมของไขมันในตับที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์หรือจากโรคเบาหวานและโรคอ้วน ซึ่งส่งผลให้ตับทำงานผิดปกติและบิลิรูบินไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้
ระบบทางเดินน้ำดี
อีกสาเหตุที่พบบ่อยในการเกิดตาเหลืองคือการมีปัญหากับระบบทางเดินน้ำดี ซึ่งมีหน้าที่ขับบิลิรูบินออกจากร่างกาย ดังนี้
นิ่วในถุงน้ำดี เมื่อมีการอุดตันในท่อน้ำดีจากนิ่ว จะทำให้บิลิรูบินไม่สามารถขับออกได้ ทำให้เกิดอาการตาเหลือง
ท่อน้ำดีอุดตัน การอุดตันของท่อน้ำดีที่เกิดจากการมีนิ่วหรือการติดเชื้อ สามารถทำให้สารบิลิรูบินสะสมในเลือด ส่งผลให้ตาและผิวหนังเหลือง
โรคที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือด
เม็ดเลือดแดงมีอายุขัยจำกัดและจะถูกทำลายเมื่อหมดอายุ ตับจะขับบิลิรูบินที่เกิดจากการสลายของเม็ดเลือดแดง แต่หากมีปัญหาในการสลายตัว เช่น ในโรคโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก (Hemolytic Anemia) หรือธาลัสซีเมีย การทำลายเม็ดเลือดแดงมากเกินไปจะทำให้บิลิรูบินสะสมในเลือด ส่งผลให้ตาสีเหลืองได้
โรคเกี่ยวกับดวงตา
แม้ว่าตาเหลืองส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับปัญหาภายในร่างกาย แต่บางครั้งอาการนี้ก็อาจเกิดจากปัญหาภายในดวงตาเอง ได้แก่
เยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis) เป็นการอักเสบของเยื่อบุตาที่ทำให้ตาขาวแดงและบางครั้งอาจมีการเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง
ตาแห้ง หากดวงตามีอาการแห้งจนเกิดการระคายเคืองและการติดเชื้อ ก็สามารถทำให้ตาขาวเหลืองได้ในบางกรณี
สาเหตุอื่นๆ
สาเหตุจากปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดอาการตาเหลืองได้ เช่น การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแพ้ หรือสเตียรอยด์ ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของตับและทำให้บิลิรูบินสะสมในร่างกาย รวมถึงมะเร็งตับหรือมะเร็งท่อน้ำดีที่อาจทำให้ท่อน้ำดีอุดตันและไม่สามารถขับบิลิรูบินออกได้
ตาเหลืองขาดวิตามินอะไร? ตาเหลืองอาจเกิดจากการขาดวิตามิน B12 หรือโฟลิก ซึ่งมีผลต่อการทำงานของตับและระบบเลือด และการบริโภควิตามิน A ในปริมาณสูงเกินไปยังส่งผลให้ตาเหลืองได้เช่นกัน
อาการตาเหลืองเป็นอย่างไร
อาการของตาเหลืองอาจแตกต่างกันไปตามสาเหตุ โดยอาการที่พบบ่อยมีดังนี้
ตาขาวมีสีเหลือง การเปลี่ยนแปลงสีของตาขาวเป็นสีเหลือง ถือเป็นอาการเด่นชัดของตาเหลือง
ผิวหนังเหลือง หากเกิดภาวะดีซ่าน ผิวหนังโดยรวมอาจเริ่มมีสีเหลืองด้วย
ขี้ตาสีเหลือง การมีขี้ตาที่เป็นสีเหลืองอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการสะสมของบิลิรูบินในร่างกาย
ตาแห้ง แสบ หรือมีน้ำตาไหล บางคนอาจมีอาการแสบตาหรือรู้สึกแห้งที่ตา รวมทั้งมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ
อาการอื่นๆ เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ซึ่งอาจเกิดจากการทำงานของตับที่ผิดปกติหรือการสะสมของสารพิษในร่างกาย
หากมีอาการเหล่านี้ร่วมกับปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระซีด หรือปวดท้อง ควรรีบพบแพทย์
แนวทางการรักษาโรคตาเหลือง
การรักษาอาการตาเหลืองนั้นจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ โดยหลักการรักษามีดังนี้
รักษาโรคตับ
หากอาการตาเหลืองเกิดจากโรคตับ เช่น ตับอักเสบหรือโรคตับแข็ง แพทย์อาจใช้ยาเพื่อรักษาหรือควบคุมอาการ รวมถึงคำแนะนำด้านการควบคุมอาหาร และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพตับ เช่น การหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และการทานอาหารที่มีไขมันต่ำ
รักษาอาการติดเชื้อที่ตา
ในกรณีที่อาการตาเหลืองเกิดจากการติดเชื้อที่ตา แพทย์จะให้ยาหยอดตาหรือยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อและลดอาการบวมแดง
การผ่าตัด
หากอาการตาเหลืองเกิดจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับนิ่วในถุงน้ำดีหรือตับอักเสบรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดหรือการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การผ่าตัดเอานิ่วออกจากถุงน้ำดี หรือการรักษาด้วยการทำความสะอาดตับ
6 วิธีป้องกันโรคตาเหลืองง่ายๆ ด้วยการรักษาสุขภาพ
การป้องกันไม่ให้เกิดโรคตาเหลืองนั้นสามารถทำได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้ดีและป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอาการตาเหลือง ดังนี้
ดูแลสุขภาพตับ การหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก และการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีหรือยาในปริมาณที่เกินความจำเป็น ช่วยให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตับต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การตาเหลือง
ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตับ และการตรวจเลือดเพื่อเช็กค่าเอนไซม์ในตับสามารถช่วยให้ตรวจพบปัญหาตับในระยะเริ่มต้นได้ หากพบอาการผิดปกติจะสามารถรักษาได้เร็วขึ้น
หลีกเลี่ยงการติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบ เช่น ไวรัสตับอักเสบ A, B และ C การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคตับอักเสบจะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อที่อาจทำให้เกิดอาการตาเหลือง
รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ตาเหลืองกินอะไรถึงหาย? การเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยเน้นการบริโภคผัก ผลไม้ และอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยเสริมสุขภาพตับให้แข็งแรง และช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่อาจทำให้เกิดการสะสมของบิลิรูบิน
ควบคุมโรคเบาหวานและโรคอ้วน โรคเหล่านี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตับ เช่น ไขมันพอกตับหรือโรคตับอักเสบ ดังนั้นการควบคุมโรคเหล่านี้อย่างเหมาะสมจะช่วยลดโอกาสในการเกิดตาเหลือง
ป้องกันการติดเชื้อและดูแลสุขภาพร่างกาย เริ่มต้นจากการรักษาสุขอนามัยอย่างดี เช่น การล้างมือให้สะอาดและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่มีการติดเชื้อ จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อที่อาจส่งผลให้เกิดการอักเสบในตับและทำให้เกิดตาเหลือง
รักษาโรคตาเหลือง ที่ศูนย์รักษาตา Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร
ศูนย์รักษาตาที่มีผู้ชำนาญการเชี่ยวชาญด้านโรคตาโดยเฉพาะ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมแนวทางการรักษาที่ตรงจุด
เครื่องมือทันสมัย ด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือที่มีความทันสมัย ทำให้สามารถตรวจหาสาเหตุของการตาเหลืองได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
บริการตรวจสุขภาพตาและคำปรึกษา นอกจากการรักษาโรคตาเหลืองแล้ว ยังมีบริการตรวจสุขภาพตาและให้คำปรึกษาในการดูแลรักษาสุขภาพตาเพื่อป้องกันโรคในอนาคต
สรุป
ตาเหลืองเกิดจากการสะสมของสารบิลิรูบินในเลือด ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับโรคตับ ระบบทางเดินน้ำดี หรือการติดเชื้อที่ดวงตา โดยอาการตาเหลืองจะทำให้ตาขาวหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง และอาจมีขี้ตาเหลืองร่วมด้วย การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น การรักษาโรคตับหรือการติดเชื้อที่ตา การป้องกันตาเหลืองทำได้โดยดูแลสุขภาพตับ รับประทานอาหารที่ดี หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์หรือสารเคมีที่เป็นอันตราย ควรตรวจสุขภาพตับประจำปี หากมีอาการตาเหลือง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษา
ที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) เรามีแนวทางการรักษาที่ทันสมัยสำหรับอาการตาเหลือง โดยใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่แม่นยำในการตรวจหาสาเหตุของโรค พร้อมการรักษาที่เหมาะสม นอกจากนี้ เรายังมีบริการตรวจสุขภาพตาและคำปรึกษาจากผู้ชำนาญการ เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพตาอย่างครบวงจร
อ่านบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
โรคตาแดงเกิดจากอะไร?
สัญญาณเยื่อบุตาอักเสบ
รู้ทันโรคตาในเด็ก
ขี้ตาเยอะเกิดจากอะไร?
ตาแห้งมีอาการอย่างไร
FAQ : รู้ทันโรคตา รักษาก่อนสาย!
ตาเหลืองจะกลับมาขาวได้อีกไหม?
ขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเกิดจากการอักเสบของตาหรือตาแห้ง สามารถรักษาให้กลับมาขาวได้ แต่หากเกิดจากโรคตับอาจต้องใช้เวลารักษานาน
ตาเหลืองแบบไหน? ควรไปพบแพทย์
หากมีอาการต่อไปนี้ควรรีบพบแพทย์ทันที เช่น ตาเหลืองร่วมกับปวดท้องรุนแรงมีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียนปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระซีด
รักษาตาเหลืองอย่างไร?
ขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเป็นการติดเชื้อที่ตาให้รีบพบแพทย์เพื่อรับยาและหาแนวทางการรักษา แต่หากเกิดจากภาวะตับอักเสบอาจต้องปรับพฤติกรรมและใช้ยา